บทที่ 42 ภาพวาดของนางไม่น่าเชื่อว่าจะดึงดูดผีเสื้อได้

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“เจ้าพูดเหลวไหลอันใด”

“ข้าพูดเหลวไหลงั้นรึ อย่างนั้นภาพประเพณีชีซีเจ้าไม่ได้เป็นคนวาดหรอกรึ”

“ข้าวาดประเพณีชีซี แปลว่าข้าถวิลหาคนรักอย่างนั้นรึ”

“ปัญญาของเจ้าถ้าไม่มีความคิดสกปรกโสมมเหล่านั้น เจ้าจะวาดภาพประเพณีชีซีได้รึ กลางวันคร่ำครวญ กลางคืนคนึงหา อ๋องเจ๋อผู้รอบรู้มีความสามารถล้น ตัวข้าผู้โง่เขลายังเข้าใจในหลักการเลย มีหรือที่เจ้าจะไม่รู้ โถ ๆ ๆ มองคนมองเพียงภายนอกไม่ได้จริง ๆ คนบางคนรูปลักษณ์ภายนอกดูน่าเกรงขาม แต่ความจริงแล้ว……โถ ๆ ๆ……”

ทุกคนเข้าใจในบัดดล สายตาที่มองอ๋องเจ๋อได้เปลี่ยนไป

อ๋องเจ๋อที่ดูสุภาพเรียบร้อย มีมารยาท สง่างาม คิดไม่ถึงจิตใจจะสกปรกโสมมเช่นนี้ และก็ไม่รู้ว่าชีวิตส่วนตัวของเขาจะวุ่นวายเพียงไร

อ๋องเจ๋อรู้สึกว่า

ขอเพียงอยู่ด้วยกันกับกู้ชูหน่วน แม้มีร้อยชีวิตก็ไม่เพียงพอที่จะถูกยั่วโมโหจนตาย

ภาพวาดประเพณีชีซีที่แสนจะธรรมดา นางก็สามารถหาหลักการเอนเอียงได้นับไม่ถ้วน จนเขาไม่รู้จะสรรหาคำใดมาตอบโต้

ชื่อเสียงของเขาถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของนาง

อ๋องเจ๋อกำลังอยากจะโมโหโกรธ หม่ากงกงก็ได้ชิงกล่าวก่อน

“เย่เฟิงได้วาดภาพร้อยวิหคเผชิญหงส์”

ม้วนภาพถูกเปิดออก ผู้คนในงานต่างสูดอากาศเย็น ๆ เข้าไปหนึ่งฟอด และคนไม่น้อยได้ลุกยืนขึ้นด้วยความตะลึง

นัยน์ตาของกู้ชูหน่วนประกายความประหลาดใจ

นั่นเป็นภาพวาดอะไร

ร้อยวิหคเผชิญหงส์ วิหคแต่ละตัวกำลังเต้นรำกันอย่างสง่างาม ประหนึ่งจะกางปีกสยายโบยบินขึ้นสูง

เขาลงน้ำหนักหมึกพู่กันได้อย่างเหมาะสม ดูเรียบง่ายไม่เกินจริงและยังสัมพันธ์กับจักรวาล ภาพดุจเมฆาเหินธารน้ำไหล ทัศนียภาพหลากหลาย ช่างดูงดงามเหนือคำบรรยาย

เพ่งเล็งดูอีกครั้งอย่างละเอียด วิหคทุกตัวราวกับบินทะยานขึ้นสูงอย่างไม่ขาดสาย หมือนยังได้ยินเสียงร้องของหงส์ราง ๆ

เอ่อ……นี่เป็นเพียงภาพวาดจริง ๆ หรือ

ไม่ว่าจะเป็นเทพหมากกระดานหรืออ๋องเจ๋อหรือคนอื่น ๆ ภาพวาดของพวกเขาหากนำออกมาล้วนสามารถทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง

แต่ภาพร้อยวิหคเผชิญหงส์ของเย่เฟิงนี้ ประหนึ่งทำให้พวกเขาหลุดเข้าไปอยู่บนสวรรค์ชั้นเก้าก็ไม่ปาน

สีหน้าของอ๋องเจ๋อดูแย่ขึ้นเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าตนเองจะแพ้ให้กับสามัญชนคนธรรมดา

ในแววตาของเทพหมากกระดานมีเพียงความชื่นชมและน่าทึ่ง

สองอัจฉริยะแห่งแคว้นจ้าวก็ตกตะลึงอย่างมาก

“ชายคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาสามัญจริงหรือ ภาพวิหคของเขาเหมือนกับกำลังโบยบินอยู่ในภาพ”

“คุณพระ เกรงว่าอาจารย์ซ่างกวนของพวกเราอาจจะไม่สามารถวาดภาพร้อยวิหคเผชิญหงส์สวยงามเช่นนี้ได้”

“ไม่กล้าเชื่อเลยจริง ๆ ว่าคนธรรมดาสามัญจะมีความสามารถได้ถึงเพียงนี้”

“การวาดภาพครั้งนี้ เขาจักต้องได้ที่หนึ่งเป็นแน่แท้ หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เขาจักต้องเป็นที่โด่งดังมีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วหล้าอย่างแน่นอน”

เสียงสนทนาแสดงความคิดเห็นอื้ออึงกันในงาน แต่เย่เฟิงกลับไร้สุขไร้ทุกข์กังวล ยืนอยู่ข้าง ๆ รอการตัดสินอย่างเงียบ ๆ

ฮ่องเต้เย่ยิ้มแล้วกล่าว “การประลองครั้งนี้เย่เฟิงเป็นผู้ชนะ ไม่ทราบว่าทุกท่านมีข้อกังขาหรือไม่”

เดิมทีการประลองแพ้ชนะ จะต้องตัดสินโดยเก้าคนจากสี่แคว้น ผู้ใดที่ได้คะแนนสูงสุดคือผู้ชนะ

แต่ผลการประลองเห็นได้ชัดเจนเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องทำการตัดสินเลย

ผู้คนต่างไม่มีการคัดค้าน และตัดสินให้เย่เฟิงชนะ พวกเขายอมรับการตัดสินทั้งกายและใจ

หม่ากงกงกล่าวด้วยเสียงสูง “ผู้ชนะการวาดภาพคือเย่……”

“ช้าก่อน”

กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดังขึ้น “พวกเจ้ายังไม่ได้ดูภาพของข้าเลย”

ผู้คนต่างกลอกตาใส่

ดอกโบตั๋นของนาง มีอะไรให้ชวนมอง

“คุณหนูสาม ภาพวาดของท่านนี้เกรงว่า……”

“ภาพวาดของข้าทำไมรึ หรือว่าสู้ของเย่เฟิงไม่ได้”

อย่าพูดมาก

หากวางรวมกันกับห้าภาพนั้น ภาพวาดของเธอนั้นช่างน่าขำสิ้นดี

ผู้คนแขวะยังไม่ทันเสร็จ กลับเห็นฝูงผีเสื้อหลากสีสันโบยบินเข้ามา แล้วไปเกาะตอมอยู่บนดอกโบตั๋นทันที ราวกับมากำลังเก็บเกสรดอกโบตั๋น โดยที่ไม่ยอมจากไป

ผีเสื้อรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งดอกโบตั๋นเต็มไปด้วยผีเสื้อหลากสีสันในที่สุด ยังมีผีเสื้อไม่น้อยบินเริงระบำรายล้อมรอบ ๆ ม้วนภาพ

ผู้คนต่างตกตะลึง

นั่นไม่ใช่ดอกโบตั๋นที่วาดออกมารึ

ทำไมถึงได้ดึงดูดผีเสื้อเยอะเพียงนี้

ถ้าไม่เห็นเองกับตา พวกเขายังคิดว่า ดอกโบตั๋นนั้นเป็นดอกโบตั๋นจริง ๆ

นี่……นี่ช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้ว……

รอยยิ้มอ่อน ๆ ของฮ่องเต้เย่หยุดชะงักขึ้น คิดไม่ถึงว่าจะมีการพลิกผันเช่นนี้ขึ้น

เทพหมากกระดานเป็นคนแรกที่เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เขาอุทานขึ้น “เยี่ยม ผีเสื้อหลงใหลผกา แม่หนูน้อย เจ้าทำได้อย่างไร ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีคนวาดภาพลงกระดาษ แล้วสามารถดึงดูดผีเสื้อได้”

“เอ่อ……เพราะฝีมือการวาดภาพของข้าเก่งไง” กู้ชูหน่วนขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วยิ้มอย่างคาดเดาไม่ได้

ซ่างกวนฉู่ อี้เฉินเฟย รวมไปถึงเย่เฟิงต่างมองไปยังแท่นฝนหมึก ประหนึ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง

อาจารย์สวีขยี้ตา แล้วก็ขยี้ตาอีกที แทบไม่อยากจะคู่ดวงตาของตนเอง

ภาพวาดของกู้……กู้ชูหน่วนไม่น่าเชื่อว่าสามารถดึงดูดผีเสื้อมาได้……

คุณพระ นี่นางกะโหลกกะลาหรือว่านางมีพรสวรรค์กันแน่

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทเพคะ ไม่ทราบว่าภาพวาดผีเสื้อหลงใหลผกาของหม่อมฉันนี้ จะสามารถเอาชนะได้หรือไม่เพคะ”

ฮ่องเต้เย่ทรงกระอึด

อย่าว่าแต่ภาพวาดเลย ต่อให้นำดอกโบตั๋นจริงมาวางตรงหน้า ก็ไม่มีทางที่จะดึงดูดผีเสื้อมากมายเช่นนั้นได้

หากเช่นนี้ยังไม่สามารถได้ที่หนึ่ง ก็เป็นอะไรที่ค้านสายตาจริง ๆ

แต่……

ถ้าให้ที่หนึ่งจริง ๆ จะไม่เป็นการไม่ไว้หน้าแด่เทพสงครามรึ

ฮ่องเต้เย่มองไปยังทูตของแต่ละแคว้นแล้วทรงตรัสถามขึ้น “ทุกท่านคิดว่าการประลองภาพวาดนี้ ผู้ใดควรจะได้ที่หนึ่ง”

“เอ่อ……ร้อยวิหคเผชิญหงส์ของเย่เฟิง ลงหมึกประณีตละเอียดอ่อน เป็นธรรมชาติ วิหคแต่ละตัวแลดูเสมือนมีชีวิตจริง แม้นว่าจะอยู่ในภาพวาด แต่ราวกับกำลังกางปีกสยายโบยบิน และภาพของเขายังดูงดงามสุดยอด จักต้องไม่มีทางที่คนธรรมดาสามารถทำได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“ในทางกลับกัน ภาพวาดของคุณหนูสามกู้เป็นเพียงแค่ดอกโบตั๋น ที่ดูธรรมดามาก ลวดลายการวาดก็ดูแสนจะเรียบง่าย เป็นแค่ภาพวาดธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่กลับสามารถดึงดูดผีเสื้อนับพันเช่นนี้ เป็นการยากที่คนรอบข้างจะทำได้ ตามความเห็นของกระหม่อม เป็นการยากจริง ๆ หากต้องเลือกระหว่างสองท่านนี้พ่ะย่ะค่ะ” ทูตแค้วฉู่กล่าว

ถึงแม้ว่าเขาปรารถนาอยากให้เทพหมากกระดานชนะมาก แต่……

งานชุมนุมโต้วเหวินยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไร หากเพียงเพราะต้องการปกป้องเทพหมากกระดานอย่างสุ่มสีสุมห้า เกรงว่าจะเป็นที่ครหาขบขันของผู้คนใต้หล้า

“คุณชายอี้ ความสามารถของท่านล้นหลาม ความรู้เหลือหลาย ท่านคิดว่าผู้ใดสมควรแก่การเป็นผู้ชนะหรือ”

อี้เฉินเฟยกล่าวอย่างสง่างาม “แต่ละท่านมีจุดเด่นของตนเอง ต่างไม่ด้อยไปกว่าใครพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เย่จึงทรงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทำได้เพียงมองไปทางซ่างกวนฉู่อีกครั้ง หวังให้ซ่างกวนฉู่จะเลือกเย่เฟิง “ท่านอาจารย์คิดเห็นอย่างไร”

ซ่างกวนฉู่ขมวดคิ้วเบา ๆ น้ำเสียงราบเรียบ “ความคิดเห็นของกระหม่อมเหมือนกับคุณชายอี้พ่ะย่ะค่ะ”

บรรดาขุนนางต่างมีความคิดที่แตกต่างกันไป มีบางคนบอกว่าของกู้ชูหน่วนดี และมีบางคนบอกว่าของเย่เฟิงดี จากนั้นฉับพลันก็เกิดการทะเลาะกันจนตกลงกันไม่ได้

จนสุดท้ายต้องทำการลงคะแนน แต่ผลที่ออกมาดันเหมือนกันอีก

ฮ่องเต้เย่จนปัญญา ได้แต่ประกาศเพียงว่า “รอบนี้ คุณหนูสามกู้กับเย่เฟิงชนะร่วมกัน ต่างได้ที่หนึ่ง”

อ๋องเจ๋อจ้องไปยังภาพดอกโบตั๋นดอกนั้น ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดพินิจไตร่ตรอง ทันใดนั้นก็เห็นแท่นฝนหมึกของกู้ชูหน่วนเข้าอย่างไม่ตั้งใจ และก็คิดปะติดปะต่อถึงการนำน้ำผึ้งเทลงบนแท่นฝนหมึกของนาง ฉับพลัน มีบางอย่างบรรเจิดแวบเข้ามาในความคิดของเขา

อ๋องเจ๋อตะโกนขึ้น “ช้าก่อน กู้ชูหน่วนมิได้วาดภาพเก่งแต่อย่างใด นางเพียงแค่นำน้ำผึ้งเทใส่ในน้ำหมึกก็เท่านั้น ผีเสื้อจึงถูกดึงดูดด้วยน้ำผึ้ง ถึงได้บินเข้ามาจับกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเยี่ยงนี้”

คำพูดของเขา ทำให้ผู้คนรู้แจ้ง

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง พวกเขานึกอยู่แล้วเชียว แค่ภาพวาดดอกโบตั๋นเบ่งบาน จะดึงดูดผีเสื้อมากมายเพียงนั้นได้อย่างไร ที่แท้นางโกงนี่เอง

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รอบนี้คุณหนูสามกู้ก็ไม่สามารถได้ที่หนึ่งแล้ว” ฮ่องเต้เย่ตรัสอย่างเร็วพลัน