“ฉันก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ” สวีหว่านเอ๋อจงใจถอนหายใจ “ซูฉฺงอาศัยรูปลักที่ดูดีของตัวเอง ทำงานแบบปลอมๆ มาล่อลวงผู้ชาย พี่แอนนี่ต้องระวังนะ อย่าให้วันใดวันหนึ่งเขามาฉกเอาแฟนพี่ไฟ”
“ฉันไม่ยอมให้เธอทำสำเร็จหรอก!” แอนนี่จับแก้วกาแฟแน่น นัยน์ตาปรากฏแววชั่วร้าย
เนื่องจากเหตุที่ว่าขาได้รับบาดเจ็บ สองสามวันนี้ฮ่อหยุนเฉิงจึงไม่ยอมให้ซูฉิงไปบริษัท ซูฉิงจึงทำได้แค่นัดเวลากับช่างถ่ายภาพเท่านั้น
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างมาตกกระทบบนเตียง
ซูฉิงขยี้ตา เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า
เธออาบน้ำและลงมาข้างล่าง
กลิ่นหอมของอาหารเช้าโชยมาจากครัว
ซูฉิงสูดจมูก ดมแล้วคงเป็นอาหารรสเลิศแน่
“ลำบากแม่นมหวังแล้ว” ซูฉิงพูดขณะเดินเข้าไปในครัว
ทว่าในครัวกลับมีเงาร่างสูงใหญ่แทน
ฮ่อหยุนเฉิง?
ทำมาเขาถึงลงครัวด้วยตนเอง?
ฮ่อหยุนเฉิงใส่ชุดลำลองสำหรับอยู่บ้าน ใส่ผ้ากันเปื้อน กำลังยุ่งอยู่ในครัวอย่างเคร่งครัด
แสงแดดจากกระจกทอดผ่านร่างกาย ราวกับเพิ่มระดับความอบอุ่นให้เขา
คิ้วคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากน่าดึงดูด ทำให้คนละสายตาไปไม่ได้
เมื่อเทียบความรู้สึกกับเขาตอนทำงานแล้ว ตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย ต่อให้สวมผ้ากันเปื้อนก็ยังคงหล่อเหลาราวกับไม่ใช่คนธรรมดา
ซูฉิงตกอยู่ในภวังค์อย่างช่วยม่ได้
“ตื่นแล้ว?” ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินเสียง ก็หันกลับมามองซูฉิงและถามขึ้น
ซูฉิงด้สติกลับมา ถามอย่างสงสัยว่า” ทำไมนายมาอยู่ห้องครัวล่ะ?”
“แม่นมหวังมีธุระเลยลาวันนี้” ฮ่อหยุนเฉิงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แบบนี้นี่เอง” ซูฉิงผงกศีรษะ “นายทำอาหารเป็นด้วยหรือ?”
ริมฝีปากน่าดึงดูดของฮ่อหยุนเฉิงยกขึ้น “เธอลองชิมดูได้”
ต้องบอกเลยว่าฝีมือการทำอาหารของฮ่อหยุนเฉิงเยี่ยมยอดมาก
ซูฉิงนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว เมื่อชิมไข่เจียวที่ฮ่อหยุนเฉิงทำ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดชมออกมา “ไม่เลวจริงๆ”
นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าท่านประธานผู้สง่างามจะทำอาหารเองได้แถมยังมีฝีมือขนาดนี้
ซูฉิงมองฮ่อหยุนเฉิงด้วยสายตาแปลกไปอย่างไม่รู้ตัว
“ชอบก็กินมากๆ หน่อย” ฮ่อหยุนเฉิงยิ้มบางๆ มือเรียวยาวหยิบตะเกียบมาคีบแซนวิชวางลงบนจานหน้าซูฉิง
เมื่อรับรู้ได้ถึงความใส่ใจจากชายตรงหน้า หัวใจของซูฉิงก็มีความอบอุ่นสายหนึ่งไหลผ่าน
ในความเป็นจริงนั้นฮั่วหยุนเฉิงไม่เลวเลย เขาทั้งสูงและหน้าตาดี มีอำนาจ บารมี ร่ำรวย ครองโลกธุรกิจ แค่พลิกฝ่ามือก็เรียกลมเรียกฝนได้แล้ว
ตราบใดที่เขาไม่โมโห ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
บางที…เธออาจจะคิดเกี่ยวกับความคิดเห็นของปู่ก็ได้?
ขณะที่ทั้งสองกำลังรับประทานอาหารเช้าอย่างอบอุ่น ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของฮั่วหยุนเฉิงก็ดังขึ้นมา ทำลายบรรยากาศที่อบอุ่นอันหาได้ยาก
นิ้วเรียวยาวกดปุ่มรับสาย ฮ่อหยุนเฉิงถามด้วยเสียงทุ้มว่า “มีเรื่องอะไร?”
เสียงของหลินเหยียนเฟิงดังมาจากปลายสายของโทรศัพท์ “ท่านประธาน เกี่ยวกับโคมไฟระย้าในสตูดิโอ เราพบคนงานที่รับผิดชอบในการซ่อมบำรุงแล้ว”
“อืม” ฮั่วหยุนเฉิงเปล่งเสียงพยางค์เดียวจากปลายจมูกของเขาอย่างแผ่วเบา
“ในตอนนั้น มีคนงานทั้งหมดสามคนกำลังดำเนินการตรวจสอบการซ่อมบำรุง และตอนนี้หนึ่งในนั้นได้ลาออกแล้ว” หลินเหยียนเฟิง ยังคงรายงานต่อไปด้วยความเคารพ “และจากคำบอกเล่าของคนงานอีกสองคน คนที่รับผิดชอบตรวจสอบโคมระย้าในขณะนั้นลาออกไปแล้ว”
“ไปสืบมา” ใบหน้าของเข้มขึ้น ริมฝีปากเม้มแน่น
วางสายลง ซูฉิงก็ถามอย่างไม่รอช้า “เป็นยังไง? เรื่องโคมไฟได้ข้อสรุปหรือยัง? รู้หรือยังว่าใครทำ?”
ฮ่อหยุนเฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อย “ยังสืบอยู่”
โอเค…
คิดดูแล้วเบื้องหลังเรื่องนี้คงไม่ง่ายดายขนาดนั้น
กินมื้อเช้าเสร็จ ซูฉิงก็กลับไปที่ห้อง หยิบยาทา เตรียมป้ายลงบนแผลที่ขา ทันใดนั้นก็มีเสียงน่าดึงดูดดังมาจากเหนือศีรษะ
“มาฉันช่วย”
ซูฉิงเงยหน้าขึ้นและสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยของฮ่อหยุนเฉิง
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันทำเอง” ซูฉิงชะงักการกระทำในมือ รีบร้อนปฏิเสธ
ทว่าฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้โต้แย้งอันใด ค่อยๆ ย่อตัวลง หยิบยาในมือของซูฉฺง ทายาให้เธออย่างระมัดระวัง
“ตอนที่มือฉันได้รับบาดเจ็บ เป็นเธอช่วยฉัน ตอนนี้เปลี่ยนให้ฉันช่วยเธอบ้าง” ฮ่อหยุนฉิงกล่าวเสียงทุ้ม ใช้น้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ
“งั้นก็ได้…ซูฉฺงเองก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธอีก
นิ้วฮ่อหยุนเฉิงควักยาออกมาทาไปบนขาของซูฉฺงอย่างระมัดระวัง
เนื้อขี้ผึ้งเย็น ขณะที่เขาใช้นิ้วนวดบนขาของเธอ ก็รู้สึกชาขึ้นมา
ใบหน้าซูฉิงแดงระเรื่อ
“เสร็จแล้ว” ฮ่อหยุนเฉิงยืดกายขึ้น พูดด้วยสายตาลุ่มลึก “อย่าลืมทายาให้ตรงเวลา ไม่อย่างนั้น มีอยแผลเป็นจะไม่สวย”
รู้แล้ว” ซูฉิงลุกขึ้นตาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธออยู่ในท่านั้นเป็นเวลานานหรือไม่ตอนที่ทายา ขาของเธอจึงรู้สึกชาเล็กน้อย
ซูฉิงยืนอย่างไม่มั่นคง ก่อนเซล้มไปทางฮ่อหยุนเฉิงที่อยู่ด้านข้าง
“ระวัง!” ฮ่อหยุนเฉิงมือตาไวรีบดึงซูฉิงไว้
มือที่ทั้งแข็งแรงและใหญ่ประคองอยู่บั้นเอวเล็กของเธอ
ความร้อนที่แผดเผาขึ้นมาจากเอว ทั้งตัวเธอตกอยู่ในอ้อมกอดของฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงสูดลมหายใจ ใบหน้าเริ่มร้อนฉ่า
เธอเป็นอะไรไป?
ทำไมเมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิง เธอถึงได้เกิดข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้?
ฮ่อหยุนเฉิงก้มศีรษะ จ้องไปที่หญิงสาวในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าที่สดใสของเธอแดงก่ำด้วยความเอียงอาย รูปลักษณ์ที่น่ามองของเธอจึงเย้ายวนเป็นพิเศษ
ดวงตาลึกของเขาค่อยๆ ลุกโชนขึ้นด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
ฮ่อหยุนเฉิงก้มศีรษะลงอย่างไม่รีรอ จูบลงไปบนริมฝีปากอวบอิ่ม
เมื่อมองดูใบหน้าหล่อเหลานั้น ใหญ่เข้ามา ใหญ่เข้ามาอีก… ชูฉิงชะงักไป แล้วสมองของเธอก็ว่างเปล่าในทันใด
เมื่อริมฝีปากของฮ่อหยุนเฉิงกำลังจะสัมผัสกับซูฉิง เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
สมองของซูฉิงก็กลับมาแจ่มชัด รีบถอยจากฮ่อหยุนเฉิง “โทรศัพท์นายดังแล้ว”
สีหน้าของฮ่อหยุนเฉิงลุ่มลึกราวกับน้ำ ไฟในตาทั้งสองข้างยังไม่มอดดับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองด้วยใบหน้าเย็นชา
เป็นหลินเหยียนเฟิงโทรเข้ามา
ใบหน้ามีความขัดใจเขียนอยู่ ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้วพลางรับสาย “มีอะไร?”
ในเวลานี้เสียงของฮั่วหยุนเฉิงเย็นเยือกกว่าปกติ ทำให้หลินเหยียนเฟิงตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ดูท่าเขาคงโทรมาไม่ถูกเวลาสินะ?
แต่เรื่องที่ต้องรายงานก็ต้องรายงาน
หลินเหยียนเฟิงกระแอมในลำคอ “ประธานฮ่อ คนที่ลาออกชื่อว่าหวังยี่ชี่ ผมส่งคนไปสืบแล้ว เขาทั้งครอบครัวย้ายไปออสเตรเลียเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้”
“ย้าย?” ดวงตาคมของฮ่อหยุนเฉิงหรี่ลง
“ใช่ครับ และเมื่ออาทิตย์ก่อนบัญชีของหวังยี่ชี่ก็มีเงินเพิ่มเข้ามาห้าล้านบาท” หลินเหยียนเฟิงพูดต่อ
“ได้ ฉันรู้แล้ว” ดวงตาของฮ่อหยุนแงเย็นชาขึ้น
“มีอะไรหรือ?” ซูฉิงที่ได้ยินไม่ชัดเจน ถามอย่างเป็นห่วง
เธออยากรู้เหลือเกินว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังการลงมือครั้งนี้ ทำร้ายเธอจนเธอเกือบถูกโคมไฟทับ
ถ้าวันนั้นไม่ใช่เพราะฮ่อหยุนเฉิงตาไวมือไวช่วยชีวิตเธอไว้ น่ากลัวว่าตอนนี้คงยังอยู่ที่โรงพยาบาล
ฮ่อหยุนเฉิงเล่าเรื่องราวให้ฟังอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ซูฉิงประหลาดใจเล็กน้อย “นายบอกว่า หวังยี่ชี่คนนั้นย้ายไปอย่างง่ายๆ?”
ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้า “ไม่ผิด”
ไม่ต้องพูดเรื่องโคมไฟที่สตูดิโอมีส่วนเกี่ยวข้องกับหวังยี่ชี่
แต่ว่าหวังยี่ชี่เป็นแค่ช่างบำรุงเล็ก อยู่ๆ บัญชีของเขาก็มีเงินเพิ่มมาห้าล้าน ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังคอยสั่งหวังยี่ชี่แน่
ถ้าเป็นใครกัน?
เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร?
คนที่เขาต้องการจัดการ เป็นซูฉิง? แอนนี่? หรือเฉินจุนเหยียน
หรือความจริงแล้วเป้าหมายของเขาคือฮ่อหยุนเฉิง หรือแม้แต่ฮ่อกรุ๊ป?