บทที่ 155 คำร้องจากปวงชน + บทที่ 156 ไม่ใช่จุดอ่อน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 155 คำร้องจากปวงชน + บทที่ 156 ไม่ใช่จุดอ่อน Ink Stone_Romance

บทที่ 155 คำร้องจากปวงชน

เฉียวเจิ้งหงไม่คิดว่าหลักฐานพวกนั้นจะไปถึงมือเซียวชวี่เฟิง เรื่องนี้สร้างความเสียหายให้เขายิ่งนัก ยิ่งได้เห็นสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเซียวชวี่เฟิง เฉียวเจิ้งหงก็รู้ว่าคราวนี้เรื่องคงจะไม่จบลงอย่างง่ายดายเป็นแน่

ในที่สุดเฉียวเจิ้งหงก็เลื่อนสายตาขึ้นจากพื้นแล้วมองตรงไปยังเซียวชวี่เฟิง “ฝ่าบาท ท่านคิดจะเนรเทศตระกูลข้าออกไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวชวี่เฟิงเผยยิ้มบางๆ พลางมองยังเฉียวเจิ้งหง ดวงตาเขาเปี่ยมแววเย้ยหยันในตอนที่เอ่ยถาม “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรจะลงโทษเจ้าอย่างไรดีเล่า”

เขากระทำการเกินให้อภัย แต่เขายังคงหวังจะให้ฮ่องเต้ยอมปล่อยเขาไป ช่างน่าขันเสียจริง

แววตาเฉียวเจิ้งหงเป็นประกายคลุ้มคลั่งเมื่อเขาตอบ “ในเมื่อฝ่าบาทได้ตรัสไว้เช่นนั้น ข้าก็เพียงหวังว่าพระองค์จะไม่เสียพระทัยในสิ่งที่พระองค์ได้ตัดสินไปในวันนี้”

เซียวชวี่เฟิงอึ้งไปเล็กน้อย โทสะก่อตัวในอก เขาถามกลับ “เจ้ากำลังข่มขู่ข้ารึ”

“ข้าน้อยมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ” ท่าทีตอนเฉียวเจิ้งหงตอบให้ความรู้สึกดั่งว่าเขาไม่สนใจสักนิดเดียว

สายตาของเซียวชวี่เฟิงยิ่งจับจ้องมอง เขาหรี่ตาไปยังข้ารับใช้ตรงหน้า ในตอนนั้นเอง เสนาบดีฝ่ายซ้าย เฉินเฟิง ได้ก้าวออกมา “ฝ่าบาท แน่นอนว่าสิ่งที่แม่ทัพเฉียวกระทำลงไปนั้นผิดมหันต์ แต่เขามีคุณงามความดีที่ลบล้างไม่ได้ กระหม่อมหวังว่าฝ่าบาทจะเมตตาพิจารณาโทษของเขาใหม่พ่ะย่ะค่ะ”

“จริงด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดถูก สมัยฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ แม่ทัพเฉียวติดตามพระองค์ไปในคณะเดินทางที่ทำให้สถานะของพระองค์ในวันนี้สูงขึ้น ฝ่าบาท ขอให้ทรงทบทวนใหม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าขุนนางชำเลืองมองกันเองก่อนจะเอ่ยโดยพร้อมเพรียง “ฝ่าบาท ทรงทบทวนด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ชวี่เฟิงหัวเราะประชดประชัน เขามองลงมาจากบัลลังก์ไปยังผู้คนที่กำลังอ้อนวอน แล้วเอ่ยถาม “ถ้าพวกเจ้าอยากให้ข้าละเว้นเขาไว้นัก เช่นนั้นก็บอกข้ามาว่าทำไมพวกเจ้าจึงคิดว่าเขาควรได้รับการละเว้น”

ได้ยินดังนั้น ทุกคนพลันเงียบลงในทันใด ตอนนั้นเอง เฉียวเจิ้งหงหยิบเอาบางสิ่งออกมา มันคือป้ายทองคำซึ่งมีตัวอักษร ‘ละเว้น’ ประทับอยู่

“เช่นนั้นป้ายทองคำนี้เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ” เฉียวเจิ้งหงชูป้ายทองไว้ในมือ นึกภาคภูมิใจกับตัวเอง

เมื่อเห็นป้ายทองคำแผ่นนั้น เซียวชวี่เฟิงมีประกายแวบผ่านในดวงตา โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นความภาคภูมิใจในดวงตาของเฉียวเจิ้งหง

ป้ายทองคำแผ่นนั้นเป็นป้ายทองคำหลวงจากฮ่องเต้องค์ก่อน ซึ่งจะช่วยให้เขาได้รับละเว้นโทษประหารและความผิดหนึ่งครั้ง เซียวชวี่เฟิงนึกอยากได้ป้ายแผ่นนี้มาตลอด แต่ไม่เคยสบโอกาสเลยสักครั้ง ทว่าตอนนี้กลับมาเป็นบทสรุปที่เขากำลังมองหาอยู่

หลังจากกวาดตามองรอบด้าน องครักษ์ของเซียวชวี่เฟิงนามเซี่ยวอี้พลันเดินมาข้างหน้า แล้วหยิบป้ายทองคำไปจากมือเฉียวเจิ้งหง

“เฉียวเจิ้งหง ครั้งนี้ข้าจะไม่ประหารเจ้า แต่ถ้าเจ้ากล้าสร้างปัญหาอีก ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะทำอะไรเพื่อช่วยให้ตัวเจ้าพ้นผิดได้อีก” ฮ่องเต้พูดพร้อมลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

เซี่ยวอี้ตามหลังพระองค์ไปติดๆ มุมปากยกยิ้มเสียดสี เขาไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนที่บ้าบิ่นพอจะคิดค้านฮ่องเต้

ในภายภาคหน้า ต่อให้เฉียวเจิ้งหงไม่ได้ทำอะไร ความเห็นของเขาก็ไม่เหลือค่าอะไรทั้งสิ้น เพราะจะอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าอยากให้คนที่เหมือนตายไปแล้วเป็นผู้ตัดสินใจใดๆ ให้พวกเขา

ก่อนนี้ ป้ายทองคำเป็นตัวแปรที่ไม่แน่นอน ทว่าบัดนี้เขาได้ใช้ป้ายทองคำไปแล้ว ครั้งหน้าถ้าเฉียวเจิ้งหงทำพลาดอีก บทลงโทษที่เขาจะได้รับล้วนขึ้นกับอารมณ์ของฮ่องเต้

เดิมเฉียวเจิ้งหงนึกยินดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตน แต่สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไป สายตาจับจ้องยังแผ่นหลังของเซียวชวี่เฟิง

เป้าประสงค์ของฮ่องเต้ไม่ใช่จัดการเขา แต่เป็นเพื่อเอาป้ายทองคำไปจากเขาแต่แรกแล้ว

เฉียวเจิ้งหงชกพื้นเต็มแรง ใบหน้าเขาบูดบึ้งน่าเกลียดน่ากลัว

อย่างไรก็สายไปเสียแล้ว ไม่มีประโยชน์จะคร่ำครวญอีกต่อไป

เสนาบดีฝ่ายซ้ายเฉินเฟิงเดินไปหาเฉียวเจิ้งหงแล้วก้มมองเขา “นายท่านเฉียว ตอนนี้ท่านเหลือตัวคนเดียวแล้ว ท่านควรจะระวังตัวไว้ ป้ายทองคำช่วยท่านได้เพียงครั้งนี้เท่านั้น” กล่าวจบเขาก็หันไปอีกทางแล้วก้าวจากไป

เฉียวเจิ้งหงอึ้งกับคำเย้ยหยัน เขาโกรธจนหน้าซีดขาว

เขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับเฉินเฟิงมาก่อน เฉินเฟิงเคยเป็นที่ปรึกษากองทัพของเซียวชวี่เฟิง หลังจากเซียวชวี่เฟิงขึ้นเป็นฮ่องเต้ เฉินเฟิงก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นเสนาบดี และได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้เป็นอย่างมาก

เหตุผลที่ทำให้เขาพูดช่วยเฉียวเจิ้งหงในวันนี้ หลักๆ แล้วคงมิพ้นได้รับคำสั่งจากเซียวชวี่เฟิง

ใบหน้าเฉียวเจิ้งหงหมองหม่นลงไป สายตาจ้องมองยังบัลลังก์แล้วสบถกับตัวเอง พวกมันกล้าดีเช่นไรจึงวางแผนเล่นงานเขา!

หลังจากเซียวชวี่เฟิงกลับไปยังห้องทรงอักษร เขาหมุนป้ายทองคำในมือแล้วยิ้มหยัน

เขาได้หลักฐานที่โยงถึงอาชญากรรมที่เฉียวเจิ้งหงก่อมาแล้ว มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงอื่นๆ อีกแต่เขาไม่ได้นำทั้งหมดออกมา วันนี้สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงหลอกให้เฉียวเจิ้งหงมอบป้ายทองคำให้เขา สิ่งที่เขาจะทำต่อไปย่อมเป็นพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เทียนช่างมิใช่หรือ

บทที่ 156 ไม่ใช่จุดอ่อน

ถ้าเฉียวเจิ้งหงไม่โง่ เขาก็น่าจะสั่งให้คนไปตามหาเฉียวเทียนช่าง แล้วหาทางเรียกตัวบุตรชายกลับมา ด้วยพื้นฐานวิธีการของเขา หนิงเมิ่งเหยาอาจกลายเป็นเครื่องต่อรองที่เขาใช้บีบให้ชายหนุ่มกลับมา

เมื่อพิจารณาว่าเฉียวเทียนช่างให้ความสำคัญกับหนิงเมิ่งเหยาเพียงใด ต่อให้พวกเขาบังคับให้เขากลับมาได้สำเร็จ เฉียวเทียนช่างย่อมต้องชิงชังตระกูลเฉียวทั้งก๊กแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เขาคงใช้แผนล้มล้างถอนรากตระกูลเฉียว

“ท่านพี่ เรียกข้ามาทำไมรึ” เซียวฉีเทียนเข้ามาข้างในห้อง เห็นเซียวชวี่เฟิงถือป้ายทองคำไว้ในมือ

เซียวชวี่เฟิงโยนป้ายทองคำไปทางเขาแล้วเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในราชสำนัก

เซียวฉีเทียนขมวดคิ้ว “ท่านพี่ ท่านกำลังบอกข้าว่าเฉียวเจิ้งหงจะไปตามหาตัวเทียนช่างอย่างนั้นหรือ”

“ถูกต้อง เจ้าเดินทางไปที่นั่นแล้วบอกให้เทียนช่างรู้เรื่องนี้เสีย แต่ระมัดระวังด้วย ข้าจะไม่ปล่อยให้เฉียวเจิ้งหงมีชีวิตต่อไปอีกนานนักหรอก” ประกายชั่วร้ายแวบผ่านในดวงตาของเซียวชวี่เฟิง

ให้คนแบบนั้นมีชีวิตต่อไปก็ไร้ประโยชน์

เซียวฉีเทียนคิดใคร่ครวญแล้วผงกศีรษะ “เข้าใจแล้วขอรับ”

และแล้ว สิ่งที่เซียวชวี่เฟิงคาดไว้ก็เป็นจริง หลังจากกลับไปถึงจวน เฉียวเจิ้งหงสั่งให้คนไปตามหาเฉียวเทียนช่าง และพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาจนกว่าจะหาชายหนุ่มเจอ

เฉียวเทียนลั่วมองบิดาที่โกรธเกรี้ยวด้วยความสงสัย แม้เขาจะมีข้อข้องใจแต่ก็เงียบไว้ เมื่อเขาทราบว่าบิดากำลังตามหาเฉียวเทียนช่าง ดวงตาเขามีประกายแวบผ่านเล็กๆ แต่เขาก็รีบซ่อนเอาไว้

หลังจากเซียวฉีเทียนกล่าวอำลาเซียวชวี่เฟิง เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วควบม้ามุ่งไปยังหมู่บ้านไป๋ซานอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เขาเดินทางอยู่ เฉียวเทียนช่างกลับไปถึงหมู่บ้านนั้นแล้ว เขาอยู่ใกล้ๆ หนิงเมิ่งเหยาทุกวัน ไม่ว่านางจะไปไหน เฉียวเทียนช่างก็จะตามนางไปด้วย

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” เมื่อเห็นเซียวฉีเทียน เฉียวเทียนช่างก็ถามอย่างสงสัย

“ช่วยเรียกเมิ่งเหยาให้ข้าที ข้ามีเรื่องสำคัญมาบอกเจ้าทั้งสอง” สีหน้าเซียวฉีเทียนจริงจังยิ่งนัก

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วแล้วไปที่บ่อตรงสวนด้านหลังบ้านเพื่อตามตัวหนิงเมิ่งเหยา จากนั้นทั้งสามก็เข้าไปในห้องหนังสือด้วยกัน

“เทียนช่าง เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อม เฉียวเจิ้งหงสั่งให้คนตามหาเจ้า ที่จริง คนพวกนั้นได้รับคำสั่งให้จับตัวเจ้าให้ได้ แล้วพาเจ้ากลับไปกับพวกเขาเชียวล่ะ” เซียวฉีเทียนมองเฉียวเทียนช่างแล้วปล่อยคำพูดพรั่งพรูออกมารวดเดียว

เฉียวเทียนช่างหรี่ตา เอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”

เซียวฉีเทียนอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เฉียวเทียนช่างฟัง

หลังจากได้ฟัง เฉียวเทียนช่างพลันเอ่ยแดกดัน “ไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่เขาจะเอาป้ายทองคำออกมา เป็นเช่นนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน”

“ใช่ ฮ่องเต้ก็ตรัสเช่นนั้น แต่พระองค์ยังเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย ถ้าเฉียวเจิ้งหงรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เขาจะต้องใช้หนิงเมิ่งเหยามาขู่เจ้าแน่” เซียวฉีเทียนมองยังหนิงเมิ่งเหยาอย่างเคร่งเครียด

เฉียวเทียนช่างแสยะยิ้ม แววตาเขามีแววถากถาง พลางกล่าว “หากพวกเขากล้าที่จะทำเช่นนั้นก็ลองดู”

“แต่…”

“ฉีเทียน เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ไปหรอก เหยาเหยาไม่ใช่จุดอ่อนของข้า” เฉียวเทียนช่างมองยังเซียวฉีเทียนแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เซียวฉีเทียนมองทั้งสอง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าจะเชื่อว่าเจ้ารับมือเรื่องนี้ได้ก็แล้วกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็เบาใจ” เฉียวเทียนช่างตบบ่าเซียวฉีเทียน “เจ้าไม่ต้องห่วง เรามีวิธีรับมือเรื่องนี้แน่นอน”

หนิงเมิ่งเหยาเงียบอยู่ตลอด ตอนนางได้ยินเซียวฉีเทียนเรียกนางว่าเป็นจุดอ่อนของเฉียวเทียนช่าง นางนึกไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อเฉียวเทียนช่างปฏิเสธเรื่องนั้น นางก็พอใจขึ้นมา

“ในเมื่อคนพวกนั้นอยากจะสร้างปัญหาให้เรา เช่นนั้นเราก็จะเป็นปัญหาให้พวกเขาเอง” หนิงเมิ่งเหยากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

เซียวฉีเทียนหันไปมองหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“ตระกูลเฉียวก็น่าจะมีร้านค้าด้วยเหมือนกันใช่หรือไม่”

ได้ยินเช่นนั้น เซียวฉีเทียนเข้าใจทันทีว่านางพูดถึงอะไร

“เจ้าอยากจะโจมตีร้านของพวกเขาหรือ”

“ข้าจะไม่เรียกว่าโจมตีหรอก ข้าเพียงจะถ่วงเวลาให้พวกเขาไม่มีเวลามาวุ่นวายกับเรา” หนิงเมิ่งเหยาไหวไหล่

เฉียวเทียนช่างอึ้งไปพอสมควร ดวงตาเบิกกว้างมองคู่หมั้นแสนดีของตน ความสงสัยก่อตัวในใจ

“แล้วข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังทีหลัง” หนิงเมิ่งเหยาเห็นแววตาสงสัยของเขาก็บอกเช่นนั้น

เฉียวเทียนช่างขบคิด จากนั้นก็ผงกศีรษะ นี่ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมจะคุยเรื่องนี้

แววตาเซียวฉีเทียนสั่นไหว พวกเขาจะจัดการกันเช่นนี้นี่เอง