ตอนที่ 99 เอาไปเททิ้งซะ

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 99 เอาไปเททิ้งซะ

“แหะ ๆ” เจียงป่าวชิงหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะพูดอธิบายด้วยความจริงใจ “นั่นคือญาติของข้า นางชอบรบกวนมาก หากนางรู้ว่าเราสนิทกันมาก นางจะต้องมายุ่งกับข้าอย่างไม่รู้จบแน่นอน ข้าจึงต้องทำอย่างขอไปทีใส่นาง”

ไม่รู้ว่าคำพูดประโยคใดที่เอาใจกงจี้ สีหน้าของกงจี้ถึงได้ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้ มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ดีขึ้นมาก

กงจี้พยักหน้าให้ต้มซี่โครงใส่ฟักเขียวถ้วยนั้น “วางตรงนั้นแหละ”

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบกินฟักเขียวกับซี่โครง แต่ในเมื่อเจียงป่าวชิงเป็นคนลงมือทำเอง เขาก็จะพยายามให้หน้าเจียงป่าวชิงและชิมมันดูสักนิด

เจียงป่าวชิงเห็นกงจี้รับอาหารของนางแล้วก็ดีใจมาก นางโบกมือให้กงจี้ “เจ้าค่อย ๆ กินนะ ข้าขอตัวกลับก่อน ยังต้องเอาไปให้พี่ต้าหูอีก”

เจียงป่าวชิงพูดไปด้วยและหมุนตัววิ่งออกจากบ้านไปด้วย ดูเหมือนจะรีบร้อนอยู่เล็กน้อย

อึดใจนั้น ใบหน้าของกงจี้เปลี่ยนเป็นมืดทึมน่ากลัวอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ไป๋จีไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เสียงเยือกเย็นของกงจี้ถึงจะดังขึ้นมา “เอาไปเททิ้งซะ!”

……

เจียงป่าวชิงวิ่งมาถึงที่บ้าน นางหมุนตัวไปมองบ้านข้าง ๆ ด้วยความบังเอิญ จากนั้นนางก็เห็นว่าฝูฉูกำลังเทสิ่งของที่อยู่ในถ้วยขนาดใหญ่ราวกับรองเท้าที่สึกแล้วอยู่ในลานบ้าน

เจียงป่าวชิงตกตะลึงทันที เพราะนางจำได้ว่าถ้วยขนาดใหญ่ใบนั้นเป็นลายที่นางตั้งใจเลือกซื้อมาจากตลาด

เจียงป่าวชิงเม้มริมฝีปาก ก็ใช่ เขาเป็นใคร จะมาชอบต้มซี่โครงใส่ฟักเขียวธรรมดา ๆ ของนางได้อย่างไรล่ะ ?

ไม่แน่เขาก็อาจจะรังเกียจคำพูดหยาบคายด้วยเช่นกัน

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะตัวเองและส่ายศีรษะไปมา

เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน เจียงหยุนชานยังไม่ได้กินข้าว แต่กำลังรอเจียงป่าวชิงอยู่

เจียงป่าวชิงพยายามทำให้ตัวเองยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ “พี่ พี่กินก่อนเลยไม่ต้องรอข้า ข้าขอเอาไปให้พี่ต้าหูก่อน เขาช่วยเรามากมายและนี่เป็นสิ่งที่ข้าอยากขอบคุณเขามาตลอด”

เจียงหยุนชานลุกขึ้น “ให้ข้าเป็นคนเอาไปให้เขาเถอะ”

เจียงป่าวชิงยิ้มจนมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดแล้ว “หากว่าข้าให้จอมยุทธ์แขนเดียวอย่างพี่ไปส่ง เกรงว่าถ้วยอาหารของข้าคงจะชำรุดแน่ ๆ”

พูดมาถึงตรงนี้ นางก็นึกถึงต้มซี่โครงที่ถูกฝูฉูเททิ้งเมื่อสักครู่ สีหน้าของเจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้แสดงอาการผิดปกติอะไรออกมาทางสีหน้า

เจียงหยุนชานไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเจียงป่าวชิง เขาคิดว่าตัวเองใช้ได้เพียงแขนเดียวจึงไม่สะดวกอย่างที่นางว่าจริง ๆ จากนั้นเขาก็พยักหน้า “ก็ได้ ป่าวชิง ข้ารอกินพร้อมเจ้า เจ้ารีบเอาไปให้พี่ต้าหูเถอะ”

เจียงป่าวชิงเห็นเจียงหยุนชานยืนหยัดมากจึงไม่พูดคำพูดที่สั่งให้เขากินข้าวก่อนอีก

เมื่อออกมาจากในบ้าน รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงป่าวชิงก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที นางถือถ้วยต้มซี่โครงและเดินไปที่บ้านของซุนต้าหูอย่างระมัดระวัง

ที่บ้านของซุนต้าหู ซุนต้าหูกำลังเตรียมทำกับข้าวอยู่ในครัว เมื่อเขาเห็นเจียงป่าวชิงถือต้มซี่โครงใส่ฟักเขียวเข้ามาในบ้าน เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดคำพูดแปลกใจอะไรแล้ว

“น้องชิง” เขาเรียกนางเบา ๆ

เจียงป่าวชิงเป็นคนเบิกบาน ตอนนี้อารมณ์ของนางก็ได้รับการปรับเป็นอย่างดีแล้ว นางวางต้มซี่โครงใส่ฟักเขียวลงบนโต๊ะ “ข้าทำอาหารเพื่อบำรุงแขนให้พี่ชายหม้อใหญ่ นึกขึ้นได้ว่าพี่ต้าหูช่วยพวกเราไว้ตั้งมาก และข้าเองก็ไม่มีอะไรตอบแทนพี่เลย…” นางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “พี่ต้าหู พี่อย่าได้รังเกียจเลยนะเจ้าคะ”

ซุนต้าหูรีบพูดขึ้นทันที “น้องชิงมีน้ำใจขนาดนี้ ข้าก็ต้องดีใจสิ เหตุใดต้องรังเกียจด้วยล่ะ ?” เขาสูดดมกลิ่นเล็กน้อย จากนั้นก็พูดยกยอด้วยสีหน้าแปลกใจ “อื้ม หอมจริง ๆ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงป่าวชิงเจิดจรัสมากยิ่งขึ้น “พี่ต้าหูชอบก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”

ถึงเวลารักษาในช่วงบ่าย เจียงป่าวชิงยังคงไปที่บ้านของกงจี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  ไม่ว่าจะพูดคุย จ่ายยา หรือนวด เจียงป่าวชิงก็ยิ้มแย้มตลอด มองไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ

หลังจากแช่เท้าเสร็จแล้วก็เป็นการฝังเข็ม

ตั้งแต่ตอนเที่ยง สีหน้าของกงจี้ก็ไม่ค่อยสู้ดีมาตลอด เจียงป่าวชิงยิ้มแย้มถึวขนาดนั้นทำให้สีหน้าของเขายิ่งดูแย่ลงเรื่อย ๆ

กงจี้นอนบนเตียง ปล่อยให้เจียงป่าวชิงแทงขาของเขาจนกลายเป็นตัวเม่นอีกครั้ง

เจียงป่าวชิงมองไป๋จีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “มีดสั้นที่ให้เจ้าเตรียมไว้ เตรียมหรือยัง ?”

ไป๋จีใช้ผ้าขนหนูสะอาดห่อมีดสั้นแล้วส่งให้นาง

เจียงป่าวชิงพูดอย่างอ่อนโยน “คุณชายกง ประเดี๋ยวข้าจะกรีดแผลที่นิ้วเท้าของเจ้าและใช้การฝังเข็มเพื่อขับสารพิษออกจากจุดฝังเข็มอย่างช้า ๆ รบกวนเจ้าช่วยให้ความร่วมมือและอย่าขยับตัวนะ”

ท่าทางของนางอ่อนโยนโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ทว่าเมื่อกงจี้ได้ฟัง เขากลับรู้สึกอึดอัดใจจนไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดตนเองถึงเบื่อเซ็งขนาดนี้

เขาพยายามอดกลั้นไฟโกรธไว้ เมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ออกมาจากการดัดแปลงของเจียงป่าวชิง ไฟโกรธของเขาก็แทบจะจุดไฟให้เขาอยู่แล้ว

ไม่ควร เขาไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย… สายตาที่กงจี้ใช้มองเจียงป่าวชิงเหมือนกับอีแร้งทำนองนั้น

เจียงป่าวชิงดูเหมือนไม่รู้ตัว แต่นางยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม มือก็หยิบมีดสั้นและกรีดลงไปบนนิ้วเท้าข้างซ้ายของจงกี้เบา ๆ

บาดแผลไม่ใหญ่มาก เจียงป่าวชิงหยิบกะละมังรองไว้ด้านล่างเพราะมีเลือดไหลลงมาทีละหยด ไม่นาน สีเลือดที่หยดลงมาก็เปลี่ยนเป็นสีออกน้ำเงิน

เจียงป่าวชิงมองเลือดสีน้ำเงินเหล่านั้นอย่างตั้งใจ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างไรอย่างนั้น

เวลาผ่านไป เจียงป่าวชิงก็ดึงเข็มออกและสั่งให้ไป๋จีช่วยกงจี้หยุดเลือด โดยนางใช้น้ำเสียงที่ยังคงนุ่มนวลเหมือนเดิม “คุณชายกง รบกวนเจ้ายื่นแขนออกมาหน่อย ข้าจะวัดชีพจรให้เจ้า”

ทว่าผ่านไปสักครู่ กงจี้ก็ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เจียงป่าวชิงจึงต้องพูดซ้ำอย่างอดทน “คุณชายกง รบกวนเจ้ายื่นแขน…”

นางยังพูดไม่ทันจบคำ กงจี้ก็เงยหน้าขึ้นมา จากนั้นดวงตาที่ลุ่มลึกก็จ้องเจียงป่าวชิงเขม็ง

ดูเหมือนว่าเจียงป่าวชิงจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง นางจึงปิดปากทันที

ผ่านไปสักครู่ กงจี้ก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ และยื่นแขนออกมาให้นางพลางหลับตาลง จากนั้นสีหน้าของเขาก็กลับมาเย็นชาเหมือนตอนแรก

เจียงป่าวชิงอดกลั้นอาการหัวใจเต้นแรงอย่างกะทันหันโดยไม่รู้สาเหตุ จากนั้นก็วัดชีพจรให้กงจี้

และเวลาก็ผ่านไปอีก เจียงป่าวชิงเก็บนิ้วมือกลับมาและพยักหน้าเล็กน้อย “สภาพชีพจรคงที่มาก ขั้นตอนการขับพิษก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นเช่นกัน”

นางจ่ายยาให้กงจี้ในคืนนั้นเช่นเดิมและกำชับการรับประทานยาเช่นเดิม เสร็จแล้วก็กลับบ้าน เพียงแต่นางรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

เมื่อกลับมาถึงบ้านตัวเอง นางก็ได้ยินเสียงของเจียงหยุนชานที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในบ้านเบา ๆ ภายใต้เสียงอ่านหนังสือ อารมณ์ของเจียงป่าวชิงก็ค่อย ๆ สงบลงอย่างช้า ๆ นางนั้นไม่รู้ว่าเหตุใดเมื่อสักครู่ตนถึงได้ร้อนรนขนาดนั้น สำหรับนางแล้ว นี่เป็นอารมณ์แปลกประหลาดมากเลยทีเดียว

เจียงป่าวชิงส่ายหน้าไปมา จากนั้นนางก็ไปเล่นกับเจ้าเสี่ยวหวง

เจ้าเสี่ยวหวงรู้แล้วว่าเจียงป่าวชิงเป็นคนที่ให้มันกินอาหารอร่อยในทุก ๆ วัน มันจึงมาคลอเคลียอยู่ที่เท้าของนางและปรากฏหนังท้องที่เริ่มป่องของตัวเองออกมาให้เห็น

เจียงป่าวชิงเกาหนังท้องของเจ้าเสี่ยวหวงจนมันส่งเสียงร้องหงิง ๆ สายตานางมองเข้าไปในกรงหมา ขาหน้าของเจ้าเสี่ยวป๋ายยังคงดามด้วยแผ่นไม้ขนาบ แต่มันแตกต่างจากตอนที่เพิ่งมาอย่างสิ้นเชิง

เจ้าเสี่ยวป๋ายส่งเสียงร้องหงิง ๆ ใส่เจียงป่าวชิง ในดวงตาเล็กที่มืดมิดมีราศีของความมีชีวิตชีวาอยู่ในนั้น

เจียงป่าวชิงเห็นแล้วก็รู้สึกใจอ่อนอย่างน่าประหลาด นางลูบหัวของเจ้าเสี่ยวป๋ายแล้วกลับไปทำอาหารในบ้านต่อ