ตอนที่ 87.1 องค์ชายหึง (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เป็นดังที่คิดไว้

เห็นเพียงเล่อเหยาเหยายิ้มมุมปากมองไปที่หนานกงจวิ้นซี รอยยิ้มนั้นในสายตาของหนานกงจวิ้นซีแฝงไปด้วยความดื้อรั้นร้ายกาจ

ทำให้หนานกงจวิ้นซีที่เห็นหนังศีรษะชาวาบ

แต่ว่าเขายังไม่ทันฉุกคิด ก็เห็นเล่อเหยาเหยาพลันคล้ายครั้งแรกที่เจอกับหนานกงจวิ้นซี ก้าวย่างเข้ามาวนรอบตัวเขา พลันกล่าวแล้วจุ๊ปากขึ้น

“จุ๊ ๆ คิดไม่ถึงว่าผิวพรรณขององค์ชายเจ็ดจะดีเช่นนี้ ขาวนุ่มนิ่ม ไร้ตำหนิ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้องค์ชายเจ็ดใช้สิ่งใดบำรุงผิวพรรณหรือ! ”

ทุกคนต่างรักสวยรักงาม แม้ผู้ชายก็ไม่ยกเว้น!

อีกทั้งชายหนุ่มที่หลงตัวเองเหมือนหนานกงจวิ้นซีนี้ เมื่อได้ฟังคำพูดของเล่อเหยาเหยา แม้ในใจจะคลางแคลงสงสัย แต่เห็นชัดว่าทุกคนต่างชอบฟังคำชม คำพูดนี้ของเล่อเหยาเหยา จึงใช้กับหนานกงจวิ้นซีได้ผลอย่างมาก

ดังนั้น หนานกงจวิ้นซีรีบกลบเกลื่อนท่าทางแปลกประหลาดเมื่อครู่ เสียงดัง ‘พรึบ’หยิบพัดไข่มุกจากเอวออกมาคลี่ออก จากนั้นก็โบกพัดเบาๆ ให้กับตนเอง

บนใบหน้าหล่อเหลานั้นก็ปรากฎรอยยิ้มที่ภูมิใจและโอหังออกมา

“ฮ่า ๆ ข้าหล่อเหลามาตั้งแต่เกิด ไม่เคยต้องบำรุงด้วยสิ่งใด!”

“ฮ่า ๆจริงพ่ะย่ะค่ะ ผิวพรรณขาวนุ่มนิ่มนี้ขององค์ชายเจ็ด แม้สตรีล้วนเทียบไม่ได้!รวมถึงอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าที่งดงามนี้อีก เพียงวาดคิ้วเล็กน้อย ทาปากนิดหน่อย สวมชุดกระโปรงที่สวยงาม รับรองว่ากระทั่งหญิงงามอันดับหนึ่งในหออวี๋หงยังต้องชิดซ้าย!”

จากคำพูดของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีที่เดิมทียิ้มอย่างพอใจเมื่อถูกเธอชื่นชม อดชะงักงันอย่างช้าๆ ไม่ได้

อีกทั้งในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่า ที่เล่อเหยาเหยาเปลี่ยนนิสัยทั้งหมดมาชื่นชมเขาไม่หยุด ที่แท้เพราะมีจุดประสงค์ และสิ่งที่เขาต้องการคือ…

“จากคุณสมบัติขององค์ชายเจ็ด เมื่อแต่งกายเป็นสตรี ต้องโดดเด่นเกินใครแน่ ตอนนี้บ่าวขอเป็นตัวแทนของหญิงสาวบริสุทธิ์ทั่วเทียนหยวนขอบพระทัยองค์ชายเจ็ด บุญคุณใหญ่หลวงขององค์ชายเจ็ด พวกเราจะจดจำไปตลอดชีวิต!”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น คล้ายขอบคุณหนานกงจวิ้นซีจริงๆ

สุดท้ายยังแสร้งใช้มุมเสื้อเช็ดที่หางตา ไหล่ขยับขึ้นลง มองดูเห็นเธอซาบซึ้งอย่างมาก ทว่าความจริงกลับแอบหัวเราะ

หนานกงจวิ้นซีไม่ได้โง่เขลาจึงรู้ดี

และทุกคนตรงนี้ก็ฉลาดเฉลียว จึงดูอุบายเล็กๆ นี้ของเล่อเหยาเหยาออก ดังนั้นจึงอดแอบหัวเราะอยู่ข้างๆ ไม่ได้

อีกทั้งก็รู้ว่าขันทีน้อยตรงหน้านี้นับวันยิ่งน่าสนใจ

เพราะบนโลกนี้ จะมีบ่าวรับใช้ที่ใดกล้าหาญ กล้าตอบโต้กระทั่งองค์ชายผู้สง่างามเช่นนี้!

เล่อเหยาเหยายอดเยี่ยมเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร!

ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทุกคนคิด เวลานี้เล่อเหยาเหยากำลังแอบดีใจ!

ฮึ!

เด็กน้อย กล้าคิดสู้กับพี่สาวหรือ! ยังอ่อนเกินไป!

มีความสุขคนเดียวมิสู้สุขร่วมกันทุกคน ออกอุบายให้เธอแต่งเป็นสตรี เช่นนั้นท่านต้องมาแต่งด้วยกัน!

อีกทั้งช่วงที่ผ่านมานี้ เล่อเหยาเหยาพบเห็นขันทีภายในวังอ๋องไม่น้อย

ขันทีที่ขายตัวเข้ามาในวังอ๋อง หากมิใช่เพราะฐานะทางบ้านยากจนคงไม่เข้ามา

อีกทั้งเพราะสภาพความเป็นอยู่ทางบ้านไม่ดี ดังนั้นบ่าวรับใช้พวกนั้นต้องช่วยงานหนักในบ้านตั้งแต่เด็ก ผิวพรรณของทุกคนจึงหยาบกร้าน นอกจากส่วนน้อยจะมีผิวที่ถือว่าขาวแล้ว อย่างอื่นหน้าเกลียดราวแตงกวาที่บิดเบี้ยว

แม้จะทาแป้งให้หนาลงบนใบหน้าของพวกเขา ก็ยังปิดบังความจริงว่าเป็นผู้ชายไม่ได้

ดังนั้น ตอนนี้กำลังขาดคนพอดี! หนานกงจวิ้นซีจะปฏิเสธเวลานี้ก็เป็นไปไม่ได้

หลังจากได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีกัดฟันกรอดมองเล่อเหยาเหยา

โดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้าเล็กที่ภูมิใจของ ‘เขา’

ท่าทางนั้น คล้ายจิ้งจอกน้อยลำพองใจ ภูมิใจในตนเอง คนที่เห็นจึงอยากดึง ‘เขา’ เข้ามาสู่อ้อมกอด ก่อนจะ

ทำลายให้สิ้นซาก

แต่ตอนนี้ เขากลับไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี!

ตอนนี้เขาอยากที่จะลงจากหลังเสือ อีกทั้งตอนนี้เขาทำร้ายตนเองอยู่ใช่หรือไม่!

หลังจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋รับสั่งกับหัวหน้าขันทีลี่ ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ขันทีและบ่าวรับใช้ผู้ชายทั้งหมดที่เข้าเงื่อนไขต่างมารวมตัวกันที่ลานฝีกวรยุทธ

ในวังอ๋อง เพราะท่านอ๋องเกลียดชังสตรี ดังนั้นนอกจากเหล่าป้าในห้องครัว ภายในวังอ๋องก็ไม่มีสตรีอื่นเลย

อีกทั้งท่านอ๋องตั้งกฎว่าไม่อนุญาตให้สตรีอื่นเข้ามาภายในวังอ๋อง แม้จะเป็นลูกหรือญาติสนิทของผู้ใด ไม่จำเป็นทั้งสิ้น

หากมีคนละเมิดกฎ โทษเบาคือเก็บสัมภาระไสหัวไป โทษหนักคือโดนโบยก่อนไล่ออก

เพราะไร้กฎเกณฑ์จึงไม่สามารถทำอันใดให้สำเร็จได้ การทำงานในวังรุ่ยอ๋อง จึงต้องทำตามกฎระเบียบ อีกทั้งเห็นแก่พวกพ้องไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นหากมีคนรู้เข้า ผลลัพธ์จะเลวร้ายเกินกว่าที่คาดคิดไว้

เวลานี้ เล่อเหยาเหยาอยู่ด้านหลังของพวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ มองดูแถวแน่นขนัดในลานฝึก

หลังหัวหน้าขันทีลี่รายงานจบ ภายในวังอ๋องมีคนที่เข้าเงื่อนไขเพียงหนึ่งร้อยคน

แต่ภายในนั้นที่หน้าตาค่อนข้างหมดจด สามารถแต่งกายเป็นสตรีได้แนบเนียน ยัง ถือว่าบางตาจริงๆ

สุดท้ายหลังจบการคัดเลือกรอบแรก ก็มีขันทีน้อยเพียงสามสิบคนที่มีอายุระหว่างสิบสามถึงสิบแปดปี

เพราะจำนวนคนน้อย แม้เมื่อครู่หนานกงจวิ้นซีอยากถอนความคิดนั้นทิ้งไป แม้ว่าตนจะต้องแต่งกายเป็นสตรี จะดูอึดอัดและดูไม่เป็นธรรมไปบ้างก็ตาม

อย่างน้อยก็มีคนแต่งกายเป็นสตรีกับเขา คิดไปแล้ว หนานกงจวิ้นซีจึงสงบใจลงมากทีเดียว

แต่เขากลับไม่รู้เลยว่า ความจริงสถานะที่แท้จริงของเล่อเหยาเหยาคือผู้หญิง

หลังจากคัดเลือกขันทีน้อยที่เข้าเงื่อนไขจำนวนหนึ่งเสร็จ ทุกคนก็ไม่หยุดพัก เพราะอีกสามวันจะถึงการแข่งขันแสดงความสามารถด้านศิลปะของปีนี้แล้ว

ดังนั้น หัวหน้าขันทีลี่จึงทำตามแผนการของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ยุ่งกับการให้ทุกคนเลือกความชำนาญของตน จากนั้นถือโอกาสฝึกซ้อมในหลายวันนี้

แต่ทุกคนต่างเป็นเด็กที่เกิดในบ้านที่ยากจน จะเข้าใจศิลปะได้เช่นไร ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือก ต้องฝึกฝนแล้ว!

และในกลุ่มของคนที่ถูกคัดเลือก มีเสี่ยวมู่จื่ออยู่ด้วย

เพื่อเงินสองตำลึงนั้น เสี่ยวมู่จื่อหลังถูกคัดเลือก ความจริงก็ดีใจอย่างมาก

เพราะทุกเดือนเขาได้เงินเพียงสองตำลึง ทั้งหมดล้วนส่งให้ที่บ้าน แต่ว่าน้องชายน้องสาวในบ้านเยอะมากจริงๆ แม้ทุกเดือนเขาจะส่งเงินเดือนทั้งหมดให้กับครอบครัว ก็ยังไม่เพียงพอ

ดังนั้นในครั้งนี้ หลังจากได้รับเงินสองตำลึงนี้ อารมณ์ของเสี่ยวมู่จื่อต้องดีอย่างมากแน่

บนใบหน้าที่ถือว่าหมดจดนั้น ลำพองใจอย่างมาก รอยยิ้มงดงาม  เล่อเหยาเหยากลับมองอย่างหนักใจ

เพราะหากเสี่ยวมู่จื่ออยู่ในยุคปัจจุบัน เป็นเพียงนักเรียนมัธยมต้นเท่านั้น!

แต่เขาตอนนี้กลับต้องแบกชีวิตของทุกคนในบ้านไว้ อีกทั้งเป็นคนที่พึงพอใจได้ง่ายดายยิ่งนัก

หลังจากได้รับเงินสองตำลึง ร่างกายเหมือนพึงพอใจที่สุดบนโลกนี้แล้ว

อีกทั้งเงินสองตำลึงนี้ เขาไม่ใช่ทำเพื่อตัวเขาเอง แต่ทำเพื่อคนในครอบครัว

เมื่อได้เห็นมือที่กำเงินสองตำลึงแน่นของเขา ด้วยท่าทางกังวลว่ามันจะหายไป เล่อเหยาเหยารู้สึกปวดใจแทนเขาเสียจริง

แอบคิดในใจว่าวันหน้าตนต้องโดดเด่นให้ได้ โดยการปักหลักเปิดกิจการอยู่ที่นี่

แม้จะไม่ได้ถือว่าร่ำรวย ก็ต้องให้เสี่ยวมู่จื่อมีชีวิตที่ดีให้ได้

เพราะเสี่ยวมู่จื่อเป็นคนที่เธอสนิทที่สุดบนโลกใบนี้

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดอยู่ในใจ เสี่ยวมู่จื่อที่อยู่ด้านข้าง หลังพึมพำกับเงินสองตำลึงนี้เสร็จ พลันฉุกคิดขึ้นได้ แอบจับมือเล่อเหยาเหยาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ เอ่ยถามอย่างแปลกใจว่า

“จริงสิ เสี่ยวเหยาจื่อ เมื่อครู่หัวหน้าขันทีลี่พูดว่าพวกเราคนที่ถูกเลือก ต้องแสดงความสามารถที่ตนชำนาญในวันที่จัดการแข่งขันความสามารถด้านศิลปะด้วย วันนั้นเจ้าจะแสดงอันใดหรือ!”

“เรื่องนี้ ข้าคิดว่า”

ที่จริงสำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยายังไม่ได้นึกมาก่อนเลย

แต่เธอกลับไม่กังวลการแข่งขันความสามารถด้านศิลปะนี้สักนิดเดียว

เพราะในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เธอชื่นชอบที่สุดคือการแสดง

ไม่ว่าจะเป็นอ่านทำนองโคลงกลอน ละครพูด ร้องเพลง เต้นรำเป็นต้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ

ตอนนี้เธอคิดเพียง วันนั้นจะแสดงอันใดกันแน่ถึงจะดี

อีกทั้งแม้การแข่งขันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่รางวัลพวกนั้นน่าจะไม่ได้เป็นของปลอม!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาฉุกคิดขึ้นมาได้ ในใจพลันเบิกบาน ตบมือกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ เอ่ยอย่างดีใจว่า

“จริงสิ ข้าเกือบลืมไปแล้ว แม้การแข่งครั้งนี้จะสมมุติขึ้น แต่รางวัลน่าจะมีจริง! ฮ่า ฮ่า ท่านอ๋องมีเงินมากมาย คงไม่ตระหนี่เป็นแน่!

พอคิดถึงรางวัล ร่างกายเล่อเหยาเหยาก็ตื่นเต้นเหมือนถูกฉีดเลือดไก่

เพราะเธอไม่คุ้นชินกับชีวิตที่นี่ อีกทั้งยังขาดเงินอย่างยิ่ง

หลังคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเยาก็ไม่สนใจเสี่ยวมู่จื่อที่ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยอยู่ด้านหลัง รีบร้อนตรงไปที่ตำหนักหย่าเฟิง

ประจวบเหมาะกับเหม่ยและซิงที่ออกมาจากห้องหนังสือ เมื่อเห็นสีหน้าดีอกดีใจของเล่อเหยาเหยา เพียงเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย

ซิงยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยหยอกล้อเล่อเหยาเหยาว่า

“เสี่ยวเหยาจื่อ เป็นอันใด เก็บทองได้หรือ! ดูท่าทางเจ้าดีใจยิ่งนัก”

“ฮ่าๆ สวัสดี พี่ใหญ่ซิง พี่ใหญ่เหม่ย!”

เมื่อเห็นเหม่ยและซิง เล่อเหยาเหยาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส

เพราะเหม่ยและซิงอายุมากกว่าเธอ เธอเรียกขานเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่เป็นเพียงความคิดของเธอเท่านั้น

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาเรียกตนว่าพี่ใหญ่เป็นครั้งแรก กลับทำให้เหม่ยและซิงต่างเลิกคิ้ว พร้อมมีสีหน้าแปลกใจ

ทว่าไม่นานเหม่ยก็กลับมามีสีหน้าที่เย็นชาเช่นเดิม ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงพยักหน้าเบาๆ ให้เล่อเหยาเหยา

ส่วนซิงหลังจากได้ยินเสียงเรียกพี่ใหญ่อันอ่อนหวานของเล่อเหยาเหยา รู้สึกเพียงในใจของตนอาบไปด้วยน้ำผึ้ง อิ่มอกอิ่มใจไปทั่วร่างกาย

เพราะองครักษ์ลับเช่นพวกเขา ในสายตาของคนอื่นเป็นเพียงการสละชีพเพื่อท่านอ๋อง อีกทั้งทุกคนที่เห็นพวกเขา ก็ต่างเรียกขานว่าองครักษ์ซิง องครักษ์เหม่ย

เรียกขานว่าพี่ใหญ่เหมือนเล่อเหยาเหยาเช่นนี้ กลับทำให้พวกเขารู้สึกแปลกใหม่และสนิทสนมหลายส่วน รู้สึกดีกับเล่อเหยาเหยามากขึ้นอีกส่วน

พวกเขาต่างสละชีพเพื่อท่านอ๋องตลอดเวลา อีกทั้งเรื่องของท่านอ๋องก็คือเรื่องของพวกเขา