ตอนที่ 86.2 อุบายขององค์ชายเจ็ด (2) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ที่จริงเขาทำเช่นนี้ เพียงเพื่อปิดบังความขวยเขินเมื่อครู่

อีกทั้งไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นศิษย์พี่ใหญ่ใส่ใจขันทีน้อยเช่นนี้ ทำให้ในใจหนานกงจวิ้นซีอึดอัด คล้ายมีบางอย่างกดทับอยู่ภายในห้องหัวใจ จนรู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง

หลังจากเล่อเหยาเหยาที่ทานจนอิ่ม เห็นว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋และหนานกงจวิ้นซีไม่ทานอีกแล้ว จึงรีบลุกขึ้นจัดการเก็บกวาดถ้วยชามและอาหารที่เหลือ

เพราะทานจนอิ่ม เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกว่าร่างกายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไม่นานก็เก็บกวาดสิ่งของทั้งหมดเสร็จ

หลังทำงานเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดแล้ว จึงเป็นเวลาอาบน้ำและเปลี่ยนชุดของพญายม

แม้ไม่ใช่การอาบน้ำเปลี่ยนชุดครั้งแรกให้กับพญายม แต่ทุกครั้งก็ทำให้ในใจของเล่อเหยาเหยากังวล

แม้ตอนนี้จะปรนนิบัติพญายมโดยปราศจากความหวาดหวั่นเหมือนตอนแรก อีกทั้งบางเวลา เล่อเหยาเหยายัง

แอบมองหน้าอกที่แข็งแรงนั้นของพญายม  จนน้ำลายไหลในใจหลายส่วน

เล่อเหยาเหยาพบว่าตนเวลานี้ ยิ่งนานวันยิ่งอาการหนักขึ้น

แต่ว่าเรื่องการกิน การรักสวยรักงาม ทำเป็นนิสัยจะดี

หลังอาบน้ำให้พญายมเสร็จ เล่อเหยาเหยาก็รีบไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เล่อเหยาเหยามีเงามืดในใจ ดังนั้นการอาบน้ำในครั้งนี้ ร่างกายจึงเต็มไปด้วยการระแวดระวัง เพราะกลัวจะเกิดเรื่องเช่นเมื่อคืนขึ้นอีก

ครั้งนี้ เธอไม่แน่ใจว่า ซิงจะใจร้อนบุกเข้ามาหรือไม่ ถึงเวลานั้น สถานะผู้หญิงของเธอต้องถูกเปิดเผยแน่

ที่โชคดีก็คือ อาจเป็นเพราะพญายมมอบหมายงานให้ซิงและเหม่ยไปทำมากมาย ดังนั้นเหม่ยและซิงจึงไม่ปรากฎตัวออกมาเลย

เล่อเหยาเหยาหลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็รีบกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตน

ไม่รู้ว่าเพราะคิดวิธีคลี่คลายเรื่องควักหัวใจได้หรือไม่ เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกโล่งไปทั้งตัว

ไม่นานก็พลันหลับสนิทไป

เดิมทีคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้ จะเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ แต่เรื่องกลับไม่ได้เป็นไปตามที่ตนวาดหวัง

วันถัดมา เหม่ยและซิงที่ยุ่งตลอดทั้งคืน ก็กลับมาถึงตำหนักหย่าเฟิง เวลานั้น เป็นเวลาที่เล่อเหยาเหยาปรนนิบัติเหลิ่งจวิ้นอวี๋และหนานกงจวิ้นซีทานมื้อเช้าอยู่พอดี

“เรื่องที่ให้จัดการไปถึงไหนแล้ว”

เมื่อเห็นเหม่ยและซิงปรากฏตัว เหลิ่งจวิ้นอวี๋รีบวางตะเกียบลง จากนั้นก็หยิบผ้าขึ้นมาซับที่มุมปาก ก่อนเอ่ยถามเสียงทุ้ม

เหม่ยและซิงได้ยิน มองหน้ากันไปมารอบหนึ่ง สุดท้ายยังเป็นซิงที่ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น

“ทูลท่านอ๋อง บ่าวไร้ความสามารถ! ครั้งนี้หญิงสาวที่หามาได้ มีเพียงสิบคนเท่านั้น”

“สิบคนหรือ  เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!”

เมื่อได้ยิน เหลิ่งจวิ้นอวี๋ขมวดคิ้วงามเล็กน้อยส่วนหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นอย่างตกใจว่า

“ทุกปีการแข่งขันแสดงความสามารถด้านศิลปะ ดึงดูดหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนมาสมัครมากมาย ตอนนี้มีเพียงสิบคน การแข่งครั้งนี้จะจัดได้เช่นไร! และที่สำคัญมีหญิงสาวเพียงสิบคน เกรงว่าคงล่อพวกลัทธินอกรีตให้เข้ามาติดกับไม่ได้!”

ที่หนานกงจวิ้นซีพูดไม่ใช่ไม่มีเหตุผล

ตอนแรกเล่อเหยาเหยาคิดว่า จะใช้หญิงสาวจำนวนมากเป็นเหยื่อล่อ ลัทธินอกรีตนั้นต้องเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่ ถึงตอนนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นมา จะใช้แผนสับเปลี่ยน สับเปลี่ยนหญิงสาวให้เป็นองครักษ์ลับที่วรยุทธสูงส่งแทน จึงจะสามารถจับกุมลัทธินอกรีตนั้นได้ แต่ตอนนี้เรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลง จะไม่ให้รีบเปลี่ยนแผนได้เช่นไร!

และสิ่งที่หนานกงจวิ้นซีกังวล ทุกคนก็กังวลมากเช่นกัน

เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง ก็ขมวดคิ้วงามแน่นขึ้น

ตอนนี้ควรทำเช่นไรถึงจะดี!

เหล่าราษฎรด้านนอกนั้น ตอนนี้เกิดเรื่องควักหัวใจขึ้น ต้องนำหญิงสาวในบ้านตนไปซ่อนอย่างมิดชิดแน่ จะให้หญิงสาวในบ้านตนปรากฎตัวขึ้นมาได้เช่นไร!

แต่ตอนนี้มีหญิงสาวจำนวนน้อยเช่นนี้ กลัวว่าคงไม่ดึงดูดลัทธินอกรีตออกมาปรากฎตัวได้แน่!

ยากมากกว่าที่จะคิดกลอุบายยอดเยี่ยมนี้ได้ หรือผลลัพธ์จะไม่สามารถเป็นดังที่คาดหวัง!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดเสียใจเล็กน้อยไม่ได้

เวลานี้ เล่อเหยาเหยากลับพบว่าคล้ายมีสายตาที่ร้อนแรงกำลังพุ่งมาที่เธอ ทำให้เธอสงสัยในใจ พลันเงยหน้ามองตามสายตาอันร้อนแรงนั้นไป

ก็เห็นดวงตาดุจดอกท้อดูโหดเหี้ยมของหนานกงจวิ้นซีคู่นั้นเข้าพอดี

เห็นเพียงเวลานี้ หนานกงจวิ้นซีกำลังใช้มือข้างหนึ่งลูบคางกลมมนของตน พลางใช้สายตามุ่งร้ายมองมายังเธอ

ที่สำคัญคือท่าทางราวยิ้มที่ไม่ยิ้มบนมุมปากของเขานั้น ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงหนังศีรษะชาวาบ ความรู้สึกไม่ปลอดภัยแล่นจากปลายเท้าค่อยๆ วิ่งขึ้นมาสู่ศีรษะ

เอ่อ คนชั่วน่าตายนี้ ไม่รู้คิดเรื่องร้ายอันใดขึ้นมาจัดการเธออีกครั้งแล้ว

ต้องเป็นเช่นนี้แน่ มิฉะนั้น เหตุใดเขาจึงใช้สายตาเวทนาเช่นนี้มองเธอ!

ขณะที่เล่อเหยาเหยากังวลในใจ ก็เห็นหนานกงจวิ้นซีพลันตบมือขึ้น คล้ายฉุกคิดขั้นมาได้ ก่อนเอ่ยอย่างดีใจว่า

“ที่จริง แม้มีหญิงสาวเพียงสิบคนก็ไม่เป็นไร! พวกเรามาใช้อุบายขโมยวันเปลี่ยนดวงอาทิตย์กัน”

ขโมยวันเปลี่ยนดวงอาทิตย์ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ร่วมรบในตำราพิชัยสงคราม

“ขโมยวันเปลี่ยนดวงอาทิตย์หรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ทุกคนต่างตกใจชั่วขณะ ทันใดนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาเย็นชาอดเป็นประกายวาบขึ้นมา

คนที่เฉลียวฉลาดเช่นเขา เข้าใจความหมายของหนานกงจวิ้นซีแล้ว

เพียงแต่เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี กลับยังคงสงสัยอยู่เช่นเดิม

อาจเพราะเวลานี้ถูกหนานกงจวิ้นซีมองด้วยสายตาที่แปลกประหลาด ทำให้สมองของเธอสับสน จึงคิดไม่ออก

ขโมยวันเปลี่ยนดวงอาทิตย์ จะใช้วิธีใดขโมย!

อีกทั้งชายน่าตายนี้ เหตุใดขณะที่เอ่ยพูด ถึงใช้สายตาเวทนาเช่นนี้มองเธอด้วย!

หรือเขาคิดจะ…

ไม่ใช่หรอก!

สวรรค์ อย่าเป็นอย่างที่เธอคิดเด็ดขาด!

เล่อเหยาเหยาร้องอธิษฐานอยู่ในใจ แต่ตอนนี้เทวดาไปจีบสาวแล้ว จึงไม่ได้ยินคำขอร้องของเธอ เห็นเพียงหนานกงจวิ้นซียิ้มให้กับทุกคน ก่อนพลันลุกยืนขึ้น จากนั้นพลางเอ่ยพูด พลางเดินมาที่เล่อเหยาเหยา

“ที่จริง พวกเราสามารถใช้หญิงสาวตัวปลอมหลอกลวงพวกนั้น แม้ทุกคนไม่ยินยอมให้ลูกสาวตนเองออกมา แต่ภายในวังอ๋องมีขันทีอายุน้อยจำนวนมากมิใช่หรือ อีกทั้งรูปร่างหน้าตา เพียงแต่งหน้า สวมกระโปรงอันสวยงาม ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาเป็นขันที! กระต่ายน้อย เจ้าว่าจริงหรือไม่! หืม!”

ประโยคสุดท้าย หนานกงจวิ้นซีแม้จะใช้น้ำเสียงเชิงถามความเห็น รอยยิ้มบนใบหน้าก็สดใสดยิ่งนัก

แต่รอยยิ้มที่สดใสของเขาในสายตาของเล่อเหยาเหยา ความจริงกลับเป็นพังพอนมาอวยพรปีใหม่ให้ไก่[1] โดยไม่ได้หวังดี

อีกทั้ง น้ำเสียงในตอนนี้ของเขา ความหมายนี้  คงไม่ได้บอกว่าให้เธอแต่งตัวเป็นผู้หญิงนะ!

แม้ความจริง เธอก็เป็นผู้หญิงที่ไม่เลวเลย!

แต่หลังจากเธอมาถึงที่นี่ คนอื่นต่างเข้าใจผิดว่าเธอเป็นขันที อีกทั้งเธอยังสวมชุดขันทีตลอดวัน คนอื่นจึงไม่สงสัยอะไร

แต่หากเธอกลับไปแต่งตัวเป็นผู้หญิง คนอื่นจะเห็นอะไรบางอย่างเข้าหรือไม่!

สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยากระดากใจเล็กน้อย

หากปฏิเสธต่อหน้าออกไป!ทุกคนจะคิดว่าเธอไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่! เพราะจะทำลายลัทธินอกรีตครั้งนี้ได้หรือไม่ ต้องดูที่ครั้งนี้แล้ว ดังนั้นครั้งนี้จึงถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง ทุกคนไม่อาจปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดใดทั้งสิ้น

ดังนั้น หากเธอไม่ตอบตกลง จะถูกเหยียดหยามกลายเป็นคนชั่วไปตลอดชีวิตหรือไม่!

เฮ้อ ทำให้ยุ่งยากใจเสียจริง

แต่ทั้งหมดนี้ ต้องโทษชายหนุ่มน่าตายนี้ ที่ดึงให้เธอเข้ามาเกี่ยว

ล้วนโทษเขา!

เล่อเหยาเหยาโมโหในใจ พลันเงยหน้าหน้าขึ้น จ้องไปยังหนานกงจวิ้นซีที่ยิ้มอย่างภูมิใจอยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง

เมื่อได้รับรู้สายตาแค้นเคืองจากเล่อเหยาเหยา ครั้งนี้หนานกงจวิ้นซีไม่โมโห กลับยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ

ฮึฮึ! เจ้าตัวเล็กกล้าล่วงเกินข้า นี่เป็นเพียงการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น!

อีกทั้ง ที่จริงหนานกงจวิ้นซีในตอนนี้อยากเห็นเล่อเหยาเหยาแต่งชุดสตรีจริงๆ!

เพราะเล่อเหยาเหยามีอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าที่สวยงาม รูปโฉมเดิมทีก็ประณีตชวนหลงใหล แม้บนตัวจะสวมใส่ชุดขันทีสีน้ำเงินเข้ม แต่กลับทำลายความงามของเขาไม่ได้เลย เพียงเพิ่มความน่ารักขึ้นมาอย่างบรรยายได้ไม่รู้จบ

หน้าตางดงามหมดจดเช่นนี้ หากสวมชุดสตรีละก็…

หนานกงจวิ้นซีพลางลูบปลายคางมนของตน ในหัวค่อยๆ คิดภาพเล่อเหยาเหยาสวมชุดสตรีขึ้นมา ก่อนในใจจะรู้สึกภูมิใจและรอคอยขึ้นมาอีกครั้ง

ตรงข้ามกับความภูมิใจและรอคอยของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาโมโหเดือดดาล แต่เธอตอนนี้กลับทำอันใดไม่ได้ เพียงกัดฟันกรอดมองไปยังหนานกงจวิ้นซีไม่หยุด

เมื่อเห็นสายตาแปลกประหลาดของทั้งสองคนตรงหน้า เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้ว่าสองคนนี้ครั้งแรกเจอกันอย่างไม่ถูกต้อง

แต่ว่าข้อเสนอของหนานกงจวิ้นซีเมื่อครู่ไม่เลวจริงๆ และถือเป็นวิธีการเดียวที่ดีที่สุดในตอนนี้

ดังนั้นหลังจากคิดดูแล้ว เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงเอ่ยปากขึ้น

“เช่นนั้นทำตามนี้! ให้ขันทีในวังที่มีอายุระหว่างสิบสามถึงสิบแปดปีทั้งหมดมารวมตัวกัน จากนั้นคัดเลือกพวกหน้าตางดงาม ทำให้คนพบได้ง่าย อีกทั้งทุกคนที่ถูกคัดเลือกจะได้เงินรางวัลคนละสองตำลึง”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีโมโหอย่างหนัก ดวงตาพลันอดเบิกกว้างไม่ได้ ภายในแววตาเป็นประกายออกมาอย่างรวดเร็ว”

เอ๊ะ มีเงินรางวัลด้วย!

แม้จะเพียงสองตำลึง แต่สำหรับขันทีน้อยที่ตอนนี้ในแต่ละเดือนได้เงินเดือนเพียงสองตำลึง ความจริงก็ถือว่าไม่เลว

เชื่อว่าดูจากเงินรางวัลแล้ว ขันทีน้อยคนอื่นที่เข้ากับเงื่อนไขต้องกระตือรือร้นเข้าร่วมอย่างยิ่งแน่นอน และหวังว่าตนจะต้องตา

เพราะเงินสองตำลึงสำหรับขันทีน้อยที่ต่ำต้อยเช่นพวกเขา ความจริงล่อตาล่อใจอย่างมาก!

พอคิดถึงจุดนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

มุมปากค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้น

คิดไม่ถึง เมื่อปรายตามองไปสบเข้ากับดวงตาดุจดอกท้อของหนานกงจวิ้นซี

จึงพบว่าสายตาของหนานกงจวิ้นซีก็จ้องอยู่ที่ตนตลอดเวลา โดยไม่ละไปไหนเลย

อีกทั้งเมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาสบสายตาตน หนานกงจวิ้นซีเอ่ยปากขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า

“บ่าวจอมงก!”

บ่าวจอมงกหรือ!

นี่หาว่าเธอเห็นแก่เงินใช่หรือไม่!

เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยามีสีหน้าตะลึงเล็กน้อย ในใจโกรธเคืองบางส่วน แต่ว่าเพียงพริบตาเดียว เล่อเหยาเหยาพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ ปรายตามองไป ภายในแววตาปรากฎความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา

และคนที่ใกล้ชิดกับเธอ หากเห็นสายตานี้ก็จะรู้ว่าต้องมีบางคนเคราะห์ร้าย

………………………………………………………………………..

[1] พังพอนมาอวยพรปีใหม่ไก่ โดยไม่ได้หวังดี หมายถึงต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ห่วงใย แต่ใจจริงมุ่งร้าย