ตอนที่ 48 สตรีที่ข้าปกป้อง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีเดินเข้าไปอย่างสงบ ปิดม่านลงก่อนที่จะตอบกลับ “ไม่มีอะไร เตรียมออกเดินทางเถอะ”

หากว่าให้คนขับรถม้าทราบว่าที่นั่งอยู่ในนี้มีเยี่ยอ๋อง นักฆ่าปีศาจแล้วล่ะก็ คงจะตกใจจนสลบหน้าประตูสำนักศึกษาเป็นแน่

“จิ่วเยี่ย เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?” มู่เฉียนซีเปิดปากถามตรง ๆ

“อยากกลับบ้านด้วยกัน” คำตอบของเขาดูน่ารักน่าชัง ทว่าน้ำเสียงเย็นเยือกบาดลึกในจิตใจ

“จวนมู่กับจวนเยี่ยอ๋อง เหมือนจะไม่ใช่ทางเดียวกันเลยนะ”

“ไปจวนมู่”

กล่าวจบเพียงเท่านั้นแล้ว จิ่วเยี่ยพิงเข้ากับทางด้านหน้าต่าง บรรยากาศอันเยือกเย็นที่แผ่จากบุรุษผู้นี้ทำเอาอุณหภูมิในรถม้าต่ำลงไปไม่น้อย

มู่เฉียนซีคิดในใจ ‘เฮ้อ~ ในเมื่อเจ้านี่ไม่ยอมไป ก็ถือซะว่าให้เขาติดรถม้าไปด้วยแล้วกัน’

รถม้าเริ่มเคลื่อนไหว คนขับรถม้าไม่รู้เลยว่าภายในรถม้ามีบุคคลอันตรายนั่งไปด้วย รถม้าวิ่งไปทางจวนตระกูลมู่

บรรยากาศภายในรถม้าแปลกประหลาดดีแท้ จิ่วเยี่ยหลับตาไม่พูดไม่จา ทำเสมือนว่าหลับใหลไป

กลับจวนยังต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง มู่เฉียนซีเลือกใช้เวลานี้ฝึกฝนเสียเลย  นางใช้เคล็ดเทพต้านสวรรค์ฝึกฝน ตอนอยู่ที่ป่าเทียนหวงพบเจออันตรายมาสองครั้ง ทำให้ความสามารถของนางพุ่งมาถึงจุดสูงสุด นางเป็นผู้บำเพ็ญภูตระดับห้าแล้ว และจะปะทุออกมาในเร็ว ๆ นี้

พลังวิญญาณจากธรรมชาติแทรกซึมเข้าร่างกายนางอย่างบ้าคลั่ง มู่เฉียนซีใกล้จะทะลุระดับเต็มทีแล้ว

ดวงตาอันเยือกเย็นคู่นั้นของจิ่วเยี่ยลืมขึ้น มองมาทางมู่เฉียนซี  ยามมองนาง สายตาที่เยือกเย็นนั้นดูอ่อนโยนลงไม่น้อยเลย

ดูแล้วนางเชื่อฟังคำพูดของเขาไปไม่น้อย ใช้เวลายังไม่ถึงสิบวันก็ทะลุระดับขึ้นอีกหนึ่งระดับ ความเร็วขนาดนี้… ไม่เลว

ทว่าระดับขั้นมันยังออกจะต่ำอยู่สักหน่อย หากเร็วกว่านี้ได้จะดีมาก

มู่เฉียนซีกำลังจะบรรลุผู้บำเพ็ญภูตระดับหก แต่ตอนนี้เองที่รถม้าได้หยุดลง

มีเสียงดังกังวานแว่วเข้ามา “มู่เฉียนซี เจ้าออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”

ถึงแม้จะไม่ใช่มาหาเรื่อง แต่ผู้คนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบต่างมีไม่น้อย ทุกคนต่างงุนงงกับสิ่งที่กำลังดำเนินไป

“ผู้นี้มิใช่อัจฉริยะอันดับเจ็ดของแคว้นจื่อเยี่ย คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเยวี่ย เยวี่ยเจ๋อหรอกหรือ ? เหตุใดจึงมาขวางทางรถม้าของตระกูลมู่ล่ะ ?”

“หรือว่าท่านผู้นำตระกูลมู่ทำเรื่องราวอะไรไว้ไม่ดี ถึงขนาดล่วงเกินคุณชายเยวี่ยที่ชอบเก็บตัวได้”

“อาจจะเป็นเพราะผู้นำตระกูลมู่ หากไม่ได้ล่วงเกิน เหตุใดคุณชายเยวี่ยจึงมา ?”

โดยปกติเยวี่ยเจ๋อรักน้องชายมาก คงรู้ว่าน้องชายถูกจู่โจมจนน่าสมเพชแบบนี้ น้องพ่ายแพ้ในสนามประลองรอบสองอย่างราบคาบไม่มีโอกาสเข้าสู่การประลองในสนามที่สาม ดังนั้นเลยมาหามู่เฉียนซีเพื่อแก้แค้น

ตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังจะทะลุระดับหกของผู้บำเพ็ญภูต เป็นช่วงเวลาสำคัญของนาง ไม่มีเวลาไปสนใจเขา แต่เยวี่ยเจ๋อกลับยืนนิ่งขวางกลางถนน

ดวงตาจิ่วเยี่ยฉายแววอันเยือกเย็นแผ่ซ่าน น้ำเสียงเย็นเฉียบดังขึ้นในสมองของเยวี่ยเจ๋อ

“สตรีที่ข้าปกป้อง เจ้ายังกล้าขวาง ออกไป”

“พรวด!”

ด้วยพลังอันน่ากลัวที่ผู้อื่นไม่ทราบ จึงมองว่าไร้ที่มา ทำให้เยวี่ยเจ๋อกระอักเลือดคำโต!

พลังนี้พุ่งเป้ามาที่เขาคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่รู้สึกอะไร

ทว่าเยวี่ยเจ๋อฉายแววตาเข้าใจ ไม่คาดคิดว่ามู่เฉียนซีจะมีบุคคลที่แข็งแกร่งเช่นนี้คอยคุ้มครองอยู่ข้างกาย ความสามารถของบุคคลนี้แข็งแกร่งกว่าคุณชายอวู่ซวงผู้มีฝีมือขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ยเสียอีก

เขาไม่กล้าอยู่นาน เพราะถ้ายังขืนยืดเยื้อออกไป ต่อให้เขาจะมีตระกูลเยวี่ยค้ำอยู่ด้านหลังก็ตาม คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

เยวี่ยเจ๋อจากไปในพริบตา

ผู้คนต่างไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น คิดจะมาก็มา คิดจะจากไปก็จากไปเช่นนั้นหรือสำหรับเยวี่ยเจ๋อ ?

ท่ามกลางคลื่นความสงสัยในหมู่ผู้คน รถม้าของตระกูลมู่เคลื่อนที่ออกไปแล้ว

— บูม! —

ฉับพลันทันใด มีพลังวิญญาณจำนวนมากเข้าสู่เส้นเลือดของมู่เฉียนซี

นางลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นดำขลับมีประกายเจิดจรัสดั่งแสงของดวงดารา

“ในที่สุดข้าก็บรรลุผู้บำเพ็ญภูตระดับหกแล้ว” นางกล่าวกับตัวเองเบา ๆ

มู่เฉียนซีฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าแปลกประหลาดยิ่งนัก

แต่เพราะความแข็งแกร่งของชายคนนี้ที่อยู่ข้างกาย ความลับของตระกูลนางที่มีมากมาย พลังเพียงน้อยนิดนี้ นางยังไม่พึงพอใจ

มู่เฉียนซีมองจิ่วเยี่ย กล่าวขึ้น “เมื่อครู่นี้ ต้องขอบคุณจิ่วเยี่ยมาก”

นางรู้ถึงการปรากฏตัวของเยวี่ยเจ๋อ แต่ถ้าถูกเขาขัดจังหวะการเลื่อนระดับขั้น เกรงว่าครั้งต่อไปอาจจะต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้หลายเท่า

“เจ้ากับข้า ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ไม่มีครั้งต่อไป” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

แม้ไม่ค่อยจะเข้าใจ มู่เฉียนซีก็ไม่ได้แย้งกลับกับเจ้าก้อนน้ำแข็งเย็น ๆ บุรุษที่น่าอันตรายคนนี้ นางเพียงพยักหน้าตอบรับ

“อืม”

รถม้ามาถึงจวนมู่แล้ว มู่เฉียนซีลงจากรถม้า หันหลังมองกลับไป ทว่าจิ่วเยี่ยอันตรธานหายไปแล้ว…

วันที่จะต้องไปรับศาสตราวุธของตนเองมาถึงแล้ว มู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นอาถิงอีกครั้ง ก่อนจะเดินทางไปพบฮั่วอวิ๋นที่เขาเหยียนหลง

“หนุ่มน้อย ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” ฮั่วอวิ๋นทักทาย หัวเราะชอบใจ เพราะพิษอัคคีโดนกำจัดออกไปหมดแล้ว อารมณ์และสีหน้าของเขาดูดีขึ้นไม่น้อยเลย

มู่เฉียนซีกล่าว “ของของข้า ท่านทำเสร็จแล้วหรือยัง ?”

ฮั่วอวิ๋นตอบ “ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ข้าศึกษามาครึ่งวัน ไม่ทราบว่าสิ่งของนี้ทำอะไรได้ มันใช้เป็นอาวุธได้จริงรึ ?”

พูดจบ ฮั่วอวิ๋นนำกล่องตลับสีม่วงทองอันวิจิตรงดงามขึ้นมากล่องหนึ่ง ข้างในแบ่งเป็นกลุ่มเข็มยา

มู่เฉียนซีนำเหย้าจี้อันนับจำนวนไม่ได้ออกมาจากช่องเวลา หลังจากนั้นก็แบ่งใส่ตามชนิดของยาเหย้าจี้

มู่เฉียนซีนำเข็มยาเหย้าจี้มาถือเล่นอยู่ในมือวางไม่ลง นางมองฮั่วอวิ๋นก่อนจะกล่าวขึ้น

“ท่านผู้อาวุโสฮั่ว ควบคุมพลังให้อยู่ในผู้บำเพ็ญภูตระดับเก้า แล้วมาทดลองความร้ายกาจของอาวุธข้า”

ฮั่วอวิ๋นถามขึ้น “เพียงแต่บังคับให้อยู่ในระดับเก้าใช่ไหม ? เจ้าต้องการให้กดระดับมากกว่านี้หรือไม่ ?”

ถึงเขาจะกดบังคับพลังวิญญาณให้ต่ำลง แต่ประสบการณ์การต่อสู้ของเขาคือราชาวิญญาณ ยากต่อการตั้งรับต่อสู้มากกว่าผู้บำเพ็ญภูตธรรมดาระดับเก้า

มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก กล่าวขึ้น “ระดับเก้าก็พอแล้ว ข้ามีลูกรักข้าอยู่ ไม่มีปัญหา แต่ว่าถ้าข้าชนะ ท่านผู้อาวุโสฮั่วต้องหลอมอาวุธให้ข้าอีก ได้ไหม ?”

มู่เฉียนซีมีความมั่นใจในอาวุธอันแปลกประหลาดของนางอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้ฮั่วอวิ๋นเกิดความฉงนสนเท่ห์มากขึ้น กล่าวว่า “วันนี้ข้าจะเป็นเพื่อนเล่นให้กับเจ้าเอง เด็กน้อย”

พวกเขามายังสถานที่ว่างเปล่าด้านนอก

มู่เชียนซีกล่าว “ท่านผู้อาวุโสฮั่ว ท่านเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง ?”

ฮั่วอวิ๋นกดพลังมาอยู่ในระดับผู้บำเพ็ญระดับเก้า รอยยิ้มมั่นใจฉายชัดบนใบหน้า

“หึ ๆ ต่อสู้กับเด็กน้อยอย่างเจ้า ข้ายังต้องเตรียมอะไรอีกหรือ ?”

เข็มที่มีขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือที่ใส่ยาเหย้าจี้ที่เข็มไปครึ่งหนึ่ง มาอยู่ในฝ่ามือของมู่เฉียนซี  ร่างของนางเปลี่ยนเป็นลำแสงสีม่วงพุ่งตรงไปที่ฮั่วอวิ๋นทันที

ฮั่วอวิ๋นมิได้หลบหลีก ให้มู่เฉียนซีเข้ามาประชิด เข็มยาเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ

“นี่ยังใช้ไม่ดีเท่ากับกระบี่” ฮั่วอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เขาสะบัดชุดคลุมเข้าขวางการจู่โจมของมู่เฉียนซี

มือของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหว ทันใดนั้นเข็มก็พุ่งตรงออกมา ฮั่วอวิ๋นรู้สึกได้ว่ามีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาจู่โจมทุกทิศทาง ความตระหนกตกใจแล่นเข้าเล่นงานจนเหงื่อท่วมทั่วกาย

เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ปล่อยเข็มเล็กออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?

สิ่งของของหมอปีศาจย่อมเป็นอาวุธที่ฆ่าสังหารคนได้ เข็มปลิดชีพของหมอปีศาจ จัดการได้ยากลำบากนัก

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

พลังวิญญาณอันแข็งกล้าที่แผ่ออกมาก่อเกิดเสียงดัง

ฮั่วอวิ๋นขัดขวางเข็มเล็กพวกนั้นเอาไว้ได้ แต่ต่อมาเขาก็ต้องมาเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีที่เข้ามาจู่โจมประชิดตัว

— ตูม! —

สองคนเข้าต่อกรกัน หลายครั้งที่ฮั่วอวิ๋นเกือบจะโดนเข็มทิ่มแทงจุดสำคัญ

เข็มทุกอันเต็มไปด้วยพลังปลิดชีพมหาศาล ฮั่วอวิ๋นแทบไม่เชื่อว่าตนเองเป็นคนทำสิ่งเล็กอันแปลกประหลาดนี้ให้กับเจ้าเด็กน้อยนี่ เพียงพริบตาสามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธปลิดชีพได้

เร็วมาก!  ยิ่งเร่ง ความเร็วของมู่เฉียนซียิ่งเร็วขึ้น

การโจมตีของเข็มยาก็ยิ่งร้ายกาจขึ้น เขาเห็นเข็มยาจำนวนมากจู่โจมเข้ามาไม่ยั้ง

เพื่อไม่ให้ตนเองบาดเจ็บ เขาจึงไม่บังคับบีบกดพลังของตนเองอีกต่อไป พลังวิญญาณระดับราชาแห่งภูตเข้ามาคลุมตัว ขัดขวางเข็มพิษของมู่เฉียนซีเอาไว้ได้หวุดหวิด

“ท่านฮั่ว ท่านทำอย่างนี้นี่คือรังแกคุณชายมู่ล่ะสิ” จู่ ๆ เสียงอันอบอุ่นของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา

.