เซียวเฟิงไม่คาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะกลายเป็นปัญหาของตน เเต่สุดท้ายเขาก็สลัดเธอออกไปไม่สำเร็จ ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำเป็นไม่สนใจเธอแทนและหวังว่าอีกฝ่ายจะถูกฆ่าอย่างรวดเร็วและถูกส่งกลับไปยังหมู่บ้านฝึกหัด

เซียวเฟิงเดินตรงเข้าไปในภูเขาหิมะ ม้าดำของเขานั้นว่องไวมาก ใช้เวลาไม่นานก็เข้ามาถึงเขตแดนของพวกมอนสเตอร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งตลอดทางชายหนุ่มไม่ดูแผนที่แม้แต่น้อยเพราะเขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงพวกมอนสเตอร์ไปตลอดทาง

“นี่! สาวกผู้เลื่อมใส ทำไมชื่อของนายถึงแปลกจัง?”

“นี่! แล้วภารกิจของนายบอกให้ทำอะไรล่ะ? ทำไมนายถึงเดินทางไปที่ภูเขาเจิดจรัส? ภูเขานั่นมันอยู่ห่างจากเรามากนะ แต่นายเป็นผู้เล่นระดับเทพ ดังนั้นภารกิจของนายก็ต้องสำคัญมากแน่ๆ!”

“ไนฟบอกว่านายไม่ใช่ผู้เล่นที่มาจากเมืองเซิงสุ่ย แล้วนายเลือกจุดเกิดที่ไหน?”

“นายช่วยบอกวิธีที่จะทำให้ฉันเป็นนักบวชที่เก่งขึ้นได้ไหม?

ตลอดทางจืออี้พูดไม่หยุด และถึงเสียงของเธอจะไพเราะแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้เซียวเฟิงก็ชักจะเริ่มหมดความอดทนกับเธอแล้ว สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือผู้หญิงคนนี้น่าจะรวยมาก ดูเหมือนม้าขาวของเธอจะมีราคาที่แพงกว่าม้าดำของเซียวเฟิงเสียอีก เธอจึงเคลื่อนที่ได้ไวกว่าเซียวเฟิง ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถที่จะสลัดเธอออกไปได้เลย

นอกจากนั้น ตลอดทางก็มีมอนสเตอร์อยู่เต็มไปหมด ถ้าชายหนุ่มไม่ขวางเธอไว้ไม่ให้วิ่งออกไปตามใจชอบ เธอก็คงจะแซงหน้าเขาไปแล้ว

ชายหนุ่มโกรธและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เธอเป็นนักบวชที่เก่งที่สุดในวอร์สปิริตฮอล์ไม่ใช่เหรอ? ฉันว่าฉันคงเก่งไม่พอที่จะสอนเธอหรอก”

แต่จืออี้กลับยอมรับถึงจุดอ่อนของเธออย่างเต็มใจแล้วพูดว่า “ที่ค่าสถานะของฉันดีก็เพราะว่าฉันใช้ไอเทมดีๆ และที่ฉันอ่อนแอก็เพราะฉันไม่มีสกิลอื่นๆ ให้ใช้เลย แต่วันนี้นายกลับใช้สกิลเพิ่มพลังชีวิตให้ไนฟไปสองหน ซึ่งฉันไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องบังเอิญ มันเป็นเทคนิคเฉพาะของนายใช่ไหม? นายช่วยสอนฉันได้ไหม?”

“เธออยากจะเรียนเทคนิคนี้งั้นเหรอ?”

“ถูกต้อง!”

“งั้นฉันจะสอนเธอก็ต่อเมื่อเธอสัญญาว่าจะกลับไป และไม่ตามฉันมาอีกหลังจากที่เธอได้เรียนมันแล้ว”

“ได้เลยไม่มีปัญหา!” จืออี้สัญญากับเขาในทันที ทว่าเซียวเฟิงกลัวว่าเธอจะกลับคำสัญญาดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นทันที “สกิลรักษาอย่างโฮลี่ไลท์จะใช้เวลาราวๆ หนึ่งวินาทีเพื่อทำงาน เท่าๆ กันกับที่การโจมตีของบอสจะสร้างดาเมจให้กับผู้เล่น ดังนั้นถ้าเธอใช้สกิลโฮลี่ไลท์ตอนที่บอสโจมตีใส่ผู้เล่น เธอก็จะสามารถเพิ่มพลังชีวิตของเขาได้ทันทีเมื่อบอสทำดาเมจ”

“ฟังดูง่ายจัง”

“มันจะไม่ง่ายเมื่อเธอได้ลองทำมันจริงๆ เพราะจะต้องใช้เวลานานกว่าจะเจอจังหวะที่ใช่ เอาล่ะ เธอก็ลองกลับไปฝึกดูแล้วก็ เพราะเธอสัญญาไว้แล้วว่าจะกลับทันทีที่ได้เรียนมัน”

“ฉันไม่ได้สัญญาอะไรสักหน่อย” จืออี้กะพริบดวงตากลมโตที่แสนหวานของเธออย่างใสซื่อ

“เธอบอกว่าเธอจะไม่ตามฉันอีกต่อไปหลังจากที่ฉันสอนเทคนิคนี้…” ใบหน้าของเซียวเฟิงดำมืดขึ้นมาทันที

“ฉันไม่ได้ตามนาย! ฉันก็อยากไปที่ภูเขาเจิดจรัสเหมือนกัน! เพราะฉันก็เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมเหมือนกันนะ และภูเขานั่นก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของนายสักหน่อย” จืออี้เถียง

เซียวเฟิงไม่สนใจเธอและเร่งฝีเท้าของเขา… ก่อนหน้านี้ เวลาที่เขามองไปข้างหน้าก็จะเห็นภูเขาหิมะหลายลูกอยู่ห่างออกไป แต่ตอนนี้เมื่อเข้าไปใกล้มากขึ้น สิ่งที่เห็นก็กลายเป็นเพียงเนินหิมะเล็กๆ และมีภูเขาอยู่เพียงลูกเดียวเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเห็นมันอย่างชัดเจน!!

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองเซิงสุ่ยมาก เพราะเขาใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าที่จะมาถึงที่นี่แม้จะขี่ม้ามาก็ตาม ซึ่งเป็นเวลาพอๆ กันกับที่ผู้เล่นเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเลยทีเดียว แต่ทว่าที่แห่งนี้กลับไม่มีเมืองหลักเมืองอื่นที่อยู่ใกล้กับภูเขาเจิดจรัสเลย เพราะบิชอปไคเซอร์บอกกับเขาว่าเมืองเซิงสุ่ยนั้นอยู่ใกล้ภูเขาเจิดจรัสมากที่สุดเมื่อตอนที่ให้ใบวาปของเมืองเซิงสุ่ยกับเซียวเฟิง

เมื่อเซียวเฟิงเห็นเค้าโครงของภูเขาเจิดจรัสอยู่ห่างออกไป ชายหนุ่มก็พบว่ามันไม่ใช่ภูเขาที่มีหิมะปกคลุมแต่อย่างใด หากแต่เป็นเมืองที่อลังการซึ่งสร้างอยู่บนภูเขาหิมะลูกนั้น!

มันคือเมืองศักดิ์สิทธิ์!!

เมืองแห่งนี้ใหญ่โตมาก มันถูกปกป้องโดยกำแพงเมืองสีขาวที่ภายในมีโบสถ์สูงระฟ้า เช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่ตระการตาไม่แพ้กัน!

แต่ถึงจะเห็นภาพของเมืองขนาดใหญ่บนภูเขาที่สูงราวกับตึก 40 ชั้นเช่นนี้ ทว่าเซียวเฟิงกลับไม่ได้รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เขาเห็น หรือแม้แต่รู้สึกตกใจเลยสักนิด!

ด้านหนึ่งของภูเขานั้นเอียงลง เผยให้เห็นบันไดที่ดูคล้ายกับหยกสีขาวต่อไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่สูงขึ้นไปกว่า 100 เมตร โดยตลอดสองข้างราวบันไดก็เต็มไปด้วยจุดสีเงินแวววับ และถ้าเซียวเฟิงคิดถูก จุดพวกนั้นก็น่าจะเป็นอัศวินแสงแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์!

ในเวลานี้ถ้ามองดูจากไกลๆ เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ราวกับถูกอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาว ซึ่งดูเหมือนกับน้ำตกขนาดยักษ์ที่ทำมาจากแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลลงมาจากท้องฟ้าและอาบเมืองทั้งเมือง

“มันสวยจัง นี่ต้องเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์แน่ๆ”

จืออี้ตะลึง และมองดูเมืองศักดิ์สิทธิ์จากไกลๆ ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เซียวเฟิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็กลับมาเคร่งขรึมในเวลาต่อมา และยิ่งพวกเขาเดินทางเข้าใกล้ภูเขาเจิดจรัสเท่าไหร่ พวกมอนสเตอร์ตามทางก็มีเลเวลที่สูงขึ้นเท่านั้น ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาเซียวเฟิงไม่สามารถใช้ทักษะสอดแนมขั้นสูงเพื่อตรวจสอบเลเวลของพวกมอนสเตอร์ได้เลย แสดงว่าพวกมันอันตรายมาก!

ในเวลานี้พวกเขาอยู่ที่อาณาเขตของพวกมอนสเตอร์นกปีกขาว ทว่าเซียวเฟิงไม่สามารถจะมองเห็นเลเวลของพวกมันได้เลย แต่จากที่คาดเดา เขาก็คิดว่านกพวกนี้น่าจะมีเลเวลมากกว่า 50! พวกมันจึงถือว่าอันตรายมาก และนอกจากนั้นนกพวกนี้ก็กำลังบินอยู่ ทำให้ระยะโจมตีของพวกมันไม่คงที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง

“แคว้ก!”

ใบหน้าของเซียวเฟิงเปลี่ยนไปในทันทีก่อนที่จืออี้จะทันได้พูดอะไร เพราะมีนกปีกขาวตัวหนึ่งกำลังบินอยู่บนหัวของหญิงสาว! ดังนั้นเธอจึงถือว่าอยู่ในระยะโจมตี และในทันทีที่สิ้นเสียง มันก็พลันทะยานลงมาโจมตีจืออี้ในทันที!

“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอไม่รอดแล้ว” เซียวเฟิงหัวเราะออกมาเสียงดัง ส่วนหญิงสาวก็เอาแต่ตกใจ ชายหนุ่มจึงมองไปที่เธออีกครั้งก่อนจะโบกมือให้และตั้งท่าจะวิ่งหนีไป เพราะยังไงซะนกปีกขาวตัวนี้ก็ไม่ได้โจมตีเขาอยู่แล้ว

“อ่าาาา ช่วยฉันด้วย” เธอไม่คิดว่าเซียวเฟิงจะไร้ยางอายขนาดนี้ เขาหันหลังให้และออกวิ่งในทันทีโดยไม่หันกลับมาช่วยเลย เธอจึงได้แต่กรีดร้องและวิ่งตามไป

คราแรกเซียวเฟิงกำลังวิ่งอย่างสบายใจ แต่หน้าของเขาก็พลันดำมืดขึ้นมาทันทีหลังจากนั้นไม่นาน เพราะว่าม้าสีขาวของจืออี้ว่องไวกว่าม้าดำของเขามาก ดังนั้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที จืออี้ก็ได้แซงหน้าเขาไปแล้ว… ทำให้เป้าหมายกลายเป็นตัวเซียวเฟิงแทน!!

“บ้าเอ๊ย!” ใบหน้าของเซียวเฟิงเปลี่ยนสี เขาสบถออกมาเบาๆ และแอบคิดในใจว่าถ้าทำภารกิจนี้สำเร็จแล้วจะกลับไปซื้อม้าที่แพงที่สุดมาบ้างสักตัว!!

“เฮ้! ท่านฮีลเลอร์ ดูเหมือนว่านายกำลังจะโดนนกนั่นฆ่าเอานะ ฮ่าฮ่าฮ่า สมน้ำหน้า! นายไม่ควรจะวิ่งหนีแล้วทิ้งฉันไว้คนเดียวแบบนั้น”

ขณะนี้เซียวเฟิงไม่มีเวลาในการคิดแผนการใดได้ เพราะมอนสเตอร์ที่บินได้มักว่องไว และเขาก็ไม่สามารถที่จะสลัดมันออกไปได้ด้วยการควบม้าดำ ทำให้ตอนนี้นกปีกขาวตัวนั้นอยู่ใกล้เซียวเฟิงมากๆ …มันเกือบจะเข้าถึงแผ่นหลังของเขาแล้ว!

เซียวเฟิงได้ยินเสียงแคว้กอีกเสียง

“บัดซบ!” เซียวเฟิงสบถออกมาเบาๆ ม้าดำของเขายังคงวิ่งในความเร็วสูงสุด ชายหนุ่มจึงได้แต่เหวี่ยงกระบองกระทิงทองทุบใส่นกปีกขาวด้วยแรงที่มี

-1!

เซียวเฟิงยังไม่ได้ใช้สกิลอวยพรอาวุธให้กับตัวเขาเอง ดังนั้นพลังโจมตีจึงไม่มากพอที่จะทลายการป้องกันของนกปีกขาวได้ แต่โชคยังดีที่การโจมตีทำให้เกิดสถานะมึนงงด้วยสกิลค้อนแห่งการพิพากษา ทำให้นกนั่นมึนงงและร่วงลงไปบนพื้น

เซียวเฟิงโล่งใจ ม้าดำของเขาเร่งความเร็วอีกครั้งและวิ่งออกจากระยะความเกลียดชังของนกปีกขาวก่อนที่มันจะฟื้นขึ้นมา

“ท่านฮีลเลอร์! นายเจ๋งจัง! มันเป็นมอนสเตอร์ระดับสูงและนายก็สามารถจัดการมันได้! ฉันว่านายน่าจะฆ่ามันได้ด้วยซ้ำ!” จืออี้ลดความเร็วลงและวิ่งผ่านเซียวเฟิง ซึ่งเธอก็ไม่ลืมที่จะชมเขาด้วย

ในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มรู้ตัวว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เขามองไปข้างหน้าและพบกับนกปีกขาวสองตัวที่กำลังทะยานลงมาเพื่อโจมตีตน! พวกมันถูกจืออี้ล่อมา!!

“บัดซบ! เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ? ทำไมเธอถึงล่อมันมา?” เซียวเฟิงสบถออกมาเสียงดัง ใบหน้าของเขาดำมืดด้วยความโกรธ

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ! ทำไมนายถึงต้องตะคอกเสียงดังแบบนั้นล่ะ? ก็แค่ฉันวิ่งเร็วเกินแล้วฉันก็ล่อพวกมันมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ฉันว่านายสามารถฆ่านกสองตัวนี้ได้แบบง่ายๆ แน่” จืออี้พูดเสียงเบา ม้าขาวของเธอนั้นรวดเร็ว ดังนั้นหญิงสาวจึงหลบอยู่ด้านหลังเซียวเฟิงอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้พวกมันเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ชายหนุ่มแทน

“เธอพูดบ้าอะไรของเธอห๊ะ?” เซียวเฟิงสบถออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่นกปีกขาวจะทะยานลงมาหาเขา ทว่าสกิลค้อนแห่งการพิพากษายังอยู่ในช่วงเวลาคูลดาวน์ ดังนั้นเซียวเฟิงจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร… เพราะม้าดำจะถูกฆ่าไม่ได้เด็ดขาด! ไม่งั้นเขาจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่กันกว่าจะถึงภูเขาเจิดจรัส! และในขณะที่นกสองตัวโฉบลงมา ชายหนุ่มก็พลันเก็บม้าดำของเขาแล้วพลิกตัวกลับกลางอากาศก่อนที่จะแตะพื้น

เซียวเฟิงได้ยินเสียงนั่นอีกครั้ง

แคว้ก…

ชายหนุ่มรอดจากการโจมตีของนกปีกขาวทั้งสอง แต่ตัวเขาก็เต็มไปด้วยดินโคลนและดูสกปรก

ทว่าเซียวเฟิงไม่มีเวลาที่จะมาทำความสะอาดตัวเอง เขารีบลุกขึ้นอย่างไม่รอช้าและวิ่งหนีอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

นกปีกขาวทั้งสองตัวยังคงไล่ตามหลังเซียวเฟิงอยู่ บีบให้เซียวเฟิงต้องเคลื่อนไหวสลับซ้ายขวาเพื่อหลบการโจมตีนั้น …และการสลัดนกปีกขาวสองตัวนี้ออกไปให้ได้ มันก็คือหนทางเดียวที่ชายหนุ่มจะรอด!!

ในขณะที่เขากำลังวิ่งหนี ทันใดนั้นเซียวเฟิงก็รู้สึกใครบางคน เป็นจืออี้ที่กำลังควบม้าขาวอยู่ เธอหันมองมาที่เขาอย่างสบายใจด้วยท่าทางกลั้นขำจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ทำให้เซียวเฟิงเกรี้ยวกราด แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถที่จะตามหรือสลัดเธอออกไปได้!

แต่อย่างน้อย…. เขาก็สามารถจ้องมองไปที่หน้าอกโตๆ ของเธอที่กำลังเด้งไปมาตอนที่ม้าขาวกำลังวิ่งเพื่อระบายความโกรธของเขาได้!!

ในที่สุดเขาก็วิ่งหนีออกจากอาณาเขตของนกปีกขาวสำเร็จหลังจากเวลาผ่านไปห้านาที ซึ่งในขณะนี้ใบหน้าของเซียวเฟิงดำมืดและดูเย็นชาเป็นอย่างมาก เขาทำการเรียกม้าดำและไปยังภูเขาเจิดจรัสโดยไม่พูดอะไรออกมา

“นี่! ฉันไม่ได้ตั้งใจ นายอย่าเมินฉันสิ” จืออี้ไล่ตามเซียวเฟิงและพูดขึ้นด้วยเสียงอันนุ่มนวล แต่เซียวเฟิงจงใจไม่สนใจเธอเลยราวกับว่าเขาเป็นคนหูหนวก

นกปีกขาวพวกนั้นยากที่จะต่อกรด้วย และเซียวเฟิงก็ใช้เวลาไปหลายนาทีกว่าที่เขาจะสลัดมันออกได้สำเร็จ ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ระมัดระวังขึ้นมาก จนกระทั่งชายหนุ่มมาถึงตีนเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้บันไดที่เห็นจากระยะไกลมาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้วในตอนนี้!

“คุณได้เข้ามาในพื้นที่พิเศษ คุณไม่ได้รับอนุญาตในการใช้วงแหวนหรือคัมภีร์เคลื่อนย้ายทุกรูปแบบในพื้นที่นี้ คัมภีร์ย้ายกลับของคุณจะใช้การไม่ได้ชั่วคราว”