บทที่ 106 ไล่ผี

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว แต่เฒ่าหลี่กลับไม่อยู่ที่นี่ เขาคงออกไปรับงานที่อื่น

จางซิ่วเอ๋อจึงจ้างรถลากคันอื่นเดินทางเข้าหมู่บ้าน

พอรถลากเพิ่งมาถึงหน้าหมู่บ้าน จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกถึงความผิดปกติ

ใครคนหนึ่งตะโกนแต่ไกล “จางซิ่วเอ๋อกลับมาแล้ว!”

จางซิ่วเอ๋อชะงักเล็กน้อย คนในหมู่บ้านนี้กระตือรือร้นที่จะเจอนางขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ตามปกติแล้วคนพวกนี้เห็นนางเป็นตัวซวยเสมอ และส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นฝ่ายเข้ามาทักทายก่อนหรอก

แต่ไม่นานนักจางซิ่วเอ๋อก็พบว่าคนผู้นี้ไม่ได้กระตือรือร้นจะเจอนางแต่อย่างใด หลังจากเห็นนางแล้ว เขาก็วิ่งกลับเข้าไปในหมู่บ้าน

จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้ว สังหรณ์ใจไม่ค่อยดี

แต่ไม่ดีอย่างไร จางซิ่วเอ๋อยังคิดไม่ออก

ก็จริงอยู่ที่จางซิ่วเอ๋อจะคิดออกได้อย่างไรว่าคนตระกูลจางจะสร้างเรื่องเก่งขนาดนี้? ถึงขนาดไปหาพวกลวงโลกมาไล่ผีให้นาง!

ใช่แล้ว หลังจากที่หูครึ่งเซียนไปจากบ้านตระกูลจาง เขาก็ใคร่ครวญในเรื่องนี้และกลัวจะพลาดโอกาสดี ๆ วันรุ่งขึ้นจึงพาลูกชายตัวเองเข้ามาอยู่บ้านตระกูลจาง

ลูกชายเขาอายุราว 30 ปี ปีก่อนภรรยาเขาเสียชีวิตด้วยอาการป่วย

ถึงจะบอกว่าเสียชีวิตด้วยอาการป่วย แต่คนตาดีต่างรู้หมดว่าภรรยาเขาโดนทำร้ายจนตาย!

อยู่บ้านกันสองคนกินอยู่ไม่สะดวก เวลานี้มีโอกาสดี ๆ ได้มาอยู่ของตระกูลจาง กินของตระกูลจาง และมีคนคอยรับใช้ พวกเขาก็ต้องอยู่ที่นี่สิ

ทำเป็นพูดให้ดูดีก็ว่าอยู่รอจางซิ่วเอ๋อกลับมา

ที่จริงหูครึ่งเซียนอยากให้จางซิ่วเอ๋ออย่าเพิ่งมาจะตายไป

แต่จางซิ่วเอ๋อกลับมาแล้วเขาก็ดีใจเหมือนกัน เพราะหูครึ่งเซียนเตรียมตัวไว้แล้วว่าจะต่อกรกับจางซิ่วเอ๋ออย่างไร

ครั้งนี้หากรีดไถเงินจากมือจางซิ่วเอ๋อได้สิถึงเรียกว่าไม่เสียเที่ยว!

ทันทีที่จางซิ่วเอ๋อเข้าหมู่บ้าน ก็มีพวกอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นมาพบเข้า

ต้องบอกก่อนว่าหลายวันมานี้ที่จางซิ่วเอ๋อไม่อยู่หมู่บ้าน หูครึ่งเซียนได้ปล่อยข่าวลือในหมู่บ้านตลอดว่าจางซิ่วเอ๋อถูกผีสิง หากไม่รีบไล่ผีไปจะเป็นภัยต่อทั้งหมู่บ้าน

จางซิ่วเอ๋อมีชื่อเสียงในหมู่บ้านไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ทั้งดวงกินสามีที่เล่นเอาคุณชายเนี่ยตาย แถมยังอาศัยอยู่ในบ้านผีสิง

กิริยาท่าทางของนางก็แตกต่างจากเมื่อก่อน บวกกับคนตระกูลจางตั้งใจปล่อยข่าวอีก

คนส่วนหนึ่งก็รู้สึกเชื่อจริง ๆ ในเวลานี้จึงตั้งใจให้ความร่วมมือกับสิ่งที่คนตระกูลจางทำ

คนเมื่อครู่ที่ส่งข่าวคือลุงใหญ่ของสวี่อวิ๋นซาน บ้านเขาสนิทกับบ้านสวี่อวิ๋นซาน จึงเคียดแค้นจางซิ่วเอ๋อไปด้วย

จางซิ่วเอ๋อมาถึงใต้ต้นหวายฉู่ และพบว่ามีคนยืนอยู่ใต้ต้นหวายฉู่ไม่น้อย

นางขมวดคิ้วมองฟ้า เวลานี้เป็นช่วงบ่าย คนพวกนี้ไม่ไปทำไร่ไถนาแต่มามุงกันตรงนี้ทำไม?

แต่จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง จึงตะโกนใส่คนด้านหน้า “รบกวนทุกคนถอยหน่อยเจ้าค่ะ ให้เกวียนเล่มนี้เข้าไปด้วย”

ในตอนนี้เองเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นข้างหูจางซิ่วเอ๋อ เสียงกระดิ่งนี้ไม่เบาเลย ทำเอาจางซิ่วเอ๋อตกใจไม่น้อย

ไม่ใช่แค่จางซิ่วเอ๋อเท่านั้น วัวแก่ที่เทียมเกวียนอยู่บัดนี้ก็สะบัดตัวไปมาด้วย

จางซิ่วเอ๋อนึกฉุนทันที ทำเสียงรบกวนเวลาแบบนี้ทำให้วัวตกใจได้นะ คน ๆ นี้ไม่หวังดีชัด ๆ!

จางซิ่วเอ๋อมองคน ๆ นี้ ก็เห็นหูครึ่งเซียนในชุดนักพรตเต๋าลายยันต์แปดทิศ ไม่รู้ว่าชุดนี้ไม่ได้ซักมานานเท่าไรแล้ว ดูสกปรกซอมซ่อนัก

เขาไว้เคราแพะ ตาบอดข้างนึง ส่วนตาอีกข้างดูคิดไม่ซื่อ ให้ความรู้สึกไม่ดีกับจางซิ่วเอ๋ออย่างมาก

“ด้วยฤทธานุภาพแห่งฟ้าดิน! วิญญาณร้ายจงรีบเผยร่างออกมา!” คนผู้นั้นกระโดดขึ้นลงพลางสั่นกระดิ่งและท่องบทสวด

จางซิ่วเอ๋อเห็นรถลากในขณะนี้สั่นแรงมาก ก็เป็นห่วงว่าแม่โจวจะเป็นอะไรจึงพยุงแม่โจวลงมาก่อน

ขณะนั้นแม่เฒ่าจางเห็นว่ามีของอยู่บนรถลากจึงเอื้อมมือไปแย่ง

จางซิ่วเอ๋อที่กำลังจะทะเลาะกับนักพรตนั่นเห็นแบบนี้ก็เลิกสนใจนักพรต ขวางแม่เฒ่าจางไว้ “ท่านย่า ของบนรถนี่ท่านยายข้าเอามาให้ข้าและชุนเถา ท่านคงไม่คิดจะชิงไปด้วยหรอกใช่ไหม?”

แม่เฒ่าจางหน้าตาเลิกลั่ก “เอาให้พวกเจ้าอะไรกัน? แม่เจ้าก็กลับไปด้วยไม่ใช่หรือ! นี่น่ะเอามาให้ที่บ้าน! ใครเขาจะให้อะไรเด็กผู้หญิงอย่างพวกเจ้า ยายเจ้าเป็นแม่ยายของลูกข้านะ!”

จางซิ่วเอ๋อสีหน้าเย็นเยียบ “แม่ยายของลูกท่าน? อย่างนั้นที่แม่ข้ากลับไปหนนี้ ท่านย่าเอาอะไรให้แม่เอากลับไปให้แม่ยายของลูกท่านบ้าง?”

ความหมายก็คือ ถ้าไม่ได้มอบอะไรให้เลย ตอนนี้ก็อย่ามาเอาเปรียบคนอื่น!

“ตอนแม่เจ้ากลับไปเราไม่รู้กัน ถ้ารู้ข้าต้องเอาของติดไม้ติดมือไปให้แน่” แม่เฒ่าจางแถ ตั้งใจจะโบ้ยเรื่องนี้ให้แม่โจว

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะ “เช่นนั้นคราวหน้าท่านย่าเอาของให้ท่านยายข้าเมื่อไหร่ค่อยรอรับของจากท่านยายข้าแล้วกัน”

พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจพลางเอ่ย “ท่านยายสงสารเด็กสาวอย่างพวกเรา ไม่มีใครอย่างพวกเราที่ต้องออกมาอยู่ข้างนอก ไม่มีหลักประกันชีวิต ถึงได้กัดฟันแงะของออกจากซอกฟันให้ ท่านย่า ถ้าชีวิตพวกเราดีแล้วก็คงไม่แย่งของพวกนี้กับท่านหรอก แต่ท่านย่าดูสิว่าเราสองคนใช้ชีวิตกันอย่างไร? ท่านปล่อยพวกเราไปเถอะ!”

“ท่านย่า…..” ชุนเถาเอ่ยด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจอยู่ข้าง ๆ

“ถึงแม้ท่านย่าจะเอาข้าไปขาย แต่ข้าไม่โกรธท่านหรอก ข้ารู้ว่าท่านหวังดี ข้าเองก็มีใจจะกตัญญูต่อท่าน แต่ของที่ท่านยายให้พวกเรามาให้ท่านไม่ได้จริง ๆ” ชุนเถาย้ำเรื่องที่นางเคยจะถูกขายอีกครั้ง

ตอนนี้ไม่ใช่ยุคอดอยาก ถึงแม้แต่ละบ้านจะอยู่กันแบบอัตคัดขัดสน แต่ก็ไม่ได้จนถึงขั้นต้องขายลูกหลาน

อย่างบ้านบัณฑิตจ้าวที่ยากจนเป็นอันดับต้น ๆ ของหมู่บ้าน ก็ยังไม่ได้จะขายลูกเลย

เรื่องที่ตระกูลจางจะขายชุนเถาตอนนั้นเป็นเรื่องฮือฮาในหมู่บ้านพอสมควร

ยิ่งกว่านั้นทุกคนรู้ว่าแม่เฒ่าจางบีบคั้นจางชุนเถาจนนางเกือบตาย

พอได้ยินจางชุนเถาพูดแบบนี้ในตอนนี้แล้วจึงรู้สึกปวดใจเป็นพิเศษ

แม่เฒ่าหลิวที่ไม่เคยกลัวจะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้วเอ่ยขึ้นมา “โอ๊ย ข้าว่านะคนตระกูลจาง เจ้านี่จะใจดำไปหน่อยรึเปล่า เจ้าไม่ช่วยหลานเจ้าแล้วยังจะไม่ให้ท่านยายเขาช่วยอีกรึ? ท่านยายพวกนางช่วยเหลือดูแลพวกนางแล้วเจ้ายังจะแย่งของอีก! ไม่อายบ้างหรือไง!”

แม่เฒ่าจางหน้าเสีย แค่นเสียงเอ่ย “นังแก่ไม่ยอมตายอย่างเจ้านี่อยู่ทุกที่เลยนะ!”

“ถอยหน่อย! เลิกโหวกเหวกโวยวายได้แล้ว! พ่อข้าจับผีอยู่ ถ้าพวกเจ้าส่งเสียงเอะอะอีกระวังกำจัดผีไม่ได้แล้วตกกลางคืนจะไปทำร้ายใครที่บ้านพวกเจ้าเอานะ!” ชายหนุ่มอายุราว 30 ปีคนหนึ่งก้าวออกมาพลางตะโกน

จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองเขา คนผู้นี้โครงหน้าบานใหญ่ ตกกระเล็กน้อย และมีท่าทางดุร้าย

จางซิ่วเอ๋อคิดอยู่นานก็นึกไม่ออกว่าคน ๆ นี้เป็นใคร และไม่เคยเห็นในหมู่บ้านมาก่อน จึงเห็นได้ว่าเขาเป็นคนนอกหมู่บ้าน

……………………………………………