บทที่ 197 กลับบ้านไปปลอบใจ / บทที่ 198 คิดถึงคุณจนนอนไม่หลับ โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 197 กลับบ้านไปปลอบใจ
คนอีกฝั่งของมือถือน่าจะจับน้ำเสียงเธอที่เศร้าสลดได้ เลยรีบถามด้วยความเป็นห่วง “ยังอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ?”
เฉินเมิ่งฉีได้ยินก็สะอื้นเบาๆ อย่างเป็นผู้ถูกกระทำขึ้นมาทันที “พี่มู่ฝาน ฉันทรมานมาก ทรมานจริงๆ เห็นอยู่ว่าผู้ชายคนนั้นมาตื๊อฉันตั้งแต่ต้น ขู่ฉัน ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อฉัน…”
“เด็กดี ยังมีผมที่เชื่อคุณอยู่ ชอบคุณจริงๆ คนที่รักคุณ จะเชื่อคุณ ทำไมจะต้องเสียใจเพราะคนที่ไม่สำคัญเหล่านั้นด้วย?”
“แต่ว่าหวั่นหวัน! แม้แต่หวั่นหวันเธอก็ไม่เชื่อฉัน!” เฉินเมิ่งฉีพูดด้วยความสะเทือนใจ ราวกับว่าเสียใจจนถึงขีดสุด
ได้ยินชื่อเยี่ยหวั่นหวัน เยี่ยมู่ฝานอีกฝากของมือถือก็เงียบลงทันที ผ่านไปนานค่อยพูดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงเย็นชา “เธอไม่เชื่อก็ไม่เชื่อไปเถอะ ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกคุณแล้ว อย่าไปสนิทกับเธอมากนัก เยี่ยหวั่นหวันไม่คู่ควรกับการที่คุณปฏิบัติด้วยความจริงใจ!”
“แต่ว่า ฉันเห็นหวั่นหวันเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด…”
“เพื่อนแบบนี้ ไม่ต้องมีหรอก! เอาล่ะ อย่าไปคิดเรื่องที่ไม่สบายใจเลย คิดว่าหลังจากเรียนจบคุณก็จะกลายเป็นดาราดังที่ทุกคนจับจ้องแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะมีคนเยอะแยะมากมายชอบคุณ!”
ดวงตาเฉินเมิ่งฉีเป็นประกาย “จริงหรือ? ฉันจะได้เป็นดาราดังจริงหรือคะ?”
“แน่นอน ผมจะทำให้คุณเป็นดาวเด่นที่แพรวพราวที่สุดสะดุดตาที่สุด!”
………
หลังจากมาตรวจที่ห้องพยาบาลแล้ว เยี่ยหวั่นหวันก็กลับหอพักด้วยกันกับเจียงเยียนหราน
เจียงเยียนหรานนั่งอยู่ที่ขอบเตียง มองไปทางเยี่ยหวั่นหวันด้วยความกังวล “หวั่นหวัน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ถึงแม้เวลาปกติเยี่ยหวั่นหวันจะดูเหมือนไม่ใส่ใจกับอะไรทั้งสิ้น แต่เธอมองออก ในใจเธอซ่อนเรื่องราวไว้มากมาย รวมถึงใบหน้านี้ของเธอด้วย ที่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงมาก่อน กลัวว่าจะมีเรื่องอื่นที่ปิดบังเช่นกัน
ตอนนี้โดนบีบบังคับ โดนทุกคนเห็นหมด ไม่เป็นอะไรจริงเหรอ?
เยี่ยหวั่นหวันยิ้มอย่างขมขื่นแล้วปัดมือ “พูดตามจริง… ที่จริงเป็น แล้วยังเป็นเรื่องใหญ่ด้วย!”
“สำคัญมาก?” เจียงเยียนหรานสีหน้าเปลี่ยนทันที “ตกลงทำไมเธอถึงเผยใบหน้าที่แท้จริงไม่ได้?”
“แน่นอนว่ากลัวผู้ชายมาติดน่ะสิ! แฟนฉันขี้หึงมาก!” เยี่ยหวั่นหวันถอนหายใจ
เจียงเยียนหรานได้ยินก็อึ้งไป ตามมาด้วยโล่งใจ เธอยังคิดว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่น่ากลัวเสียอีก ปรากฏว่าเปิดเผยหน้าแล้วจะโดนหลงรัก
เยี่ยหวั่นหวันรู้ว่าเจียงเยียนหรานกำลังคิดอะไร และก็ไม่ได้อธิบาย
เฮ้อ ถ้าคนนั้นของเธอเพียงแค่หึงหวงน่ารักแบบนั้นก็ดีหรอก คนนั้นของเธอหึงขึ้นมาทีถึงกับต้องการชีวิตเลย!
เพื่อที่จะรักษาชีวิต เยี่ยหวั่นหวันคิดว่าตัวเองจำเป็นต้องรีบคิดวิธีรับมือล่วงหน้าไว้ก่อน
“เยียนหราน มีเรื่องหนึ่งต้องบอกเธอ ช่วงเวลาหลังจากนี้ ฉันอาจจะไม่ได้อยู่ที่หอแล้ว” เยี่ยหวั่นหวันพูด
“ไม่อยู่ที่หอ? เธอจะกลับไปอยู่ที่บ้านหรือ?” เจียงเยียนหรานถาม
เยี่ยหวั่นหวันได้ยิน สีหน้าอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย กลับบ้าน.. เธอยังมีบ้านที่ไหนให้กลับไปอีก…
“อืม คงอย่างนั้น คิดว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้าน คิดถึงบ้านนิดหน่อย” เยี่ยหวั่นหวันทำได้แค่พูดเออออไปกับเจียงเยียนหราน
ยังไงเธอก็ไม่สามารถตอบได้ว่าตัวเองกลับไปทำให้ปีศาจตัวใหญ่ตัวหนึ่งสบายใจหรอกนะ?
“ได้ยินเฉินเมิ่งฉีบอกว่า ก่อนหน้านี้เธอทะเลาะกับที่บ้านแรงมาก ตอนนี้ดีกันแล้วก็ดี มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่ทำเพื่อลูกสาว มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรก็พูดกันให้ชัดเจน อย่ารอจนเสียใจทีหลัง!” เจียงเยียนหรานปลอบ
เยี่ยหวั่นหวันพยักหน้า “อืม ฉันรู้”
………………………………………………………….
บทที่ 198 คิดถึงคุณจนนอนไม่หลับ
ก่อนนอน เยี่ยหวั่นหวันส่งข้อความหนึ่งหาซือเยี่ยหาน
‘ที่รัก ฉันคิดถึงคุณมากเหลือเกิน คิดถึงคุณทุกวันจนนอนไม่หลับ ฉันเตรียมจะขออนุญาตอาจารย์ไปกลับโรงเรียน ไม่อยู่หอ ดังนั้น ตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไป ฉันจะกลับไปอยู่บ้านแล้วนะ! ดีใจไหมคะ?’
ตอนนี้ฉินรั่วซีกลับมาจากดีพทาวน์แล้ว ฝั่งซือเยี่ยหานนั้นเธอก็ต้องจับให้อยู่หมัดมากขึ้นไปอีก อีกทั้งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ใกล้เข้ามาแล้ว ดีที่ยังสามารถหาโอกาสให้ซือเยี่ยหานช่วยติววิชาเลขให้เธอ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ผ่านไปไม่กี่วินาทีเสียงข้อความมือถือก็ดังขึ้นมา ซือเยี่ยหานตอบเธอหนึ่งคำ ‘อืม’
เยี่ยหวั่นหวันมุดอยู่ในผ้าห่มแอบอมยิ้ม เฮ้อ อยากจะรู้จริงๆ ว่าทุกครั้งบทที่ซือเยี่ยหานเห็นข้อความหวานเลี่ยนของเธอพวกนี้มีสีหน้ายังไง
นับถือเขาจริงๆ ที่ทุกครั้งยังสามารถตอบเธอได้อย่างนิ่งเฉย
‘ใช่แล้วๆ! ต้าไป๋อยู่บ้านไหมคะ? ฉันอยากเล่นกับต้าไป๋!’ เยี่ยหวั่นหวันจงใจถามต่ออีก
โอ้ย คิดถึงต้าไป๋จัง!
ไม่รู้ว่าต้าไป๋อยู่ที่จิ่นหยวนหรือเปล่า
ครั้งนี้มือถือเงียบไปนานกว่าจะตอบกลับ ‘อยู่บ้าน’
ดีจังเลย!
คิดถึงผักกาดขาวที่เธอปลูกกับต้าไป๋ ทันใดนั้นเยี่ยหวั่นหวันก็ไม่รู้สึกรังเกียจที่จะกลับจิ่นหยวนแล้ว
ดีพทาวน์ จิ่นหยวน
จู่ๆ สวี่อี้โดนเจ้านายเรียกไป มอบหมายหน้าที่ที่ทำให้สีหน้าเขามึนงงขึ้นมา
ซือเยี่ยหาน “ไปตามสลอเดอร์กลับมา”
“ครับ?” สวี่อี้อึ้งไป
กลางดึก เรียกให้เขาไปหาสลอเดอร์บนภูเขา?
ยังไม่รู้เลยช่วงนี้เจ้านั่นไปล่าเหยื่ออยู่แถวไหน เขาจะไปตามหาเจ้านั่นที่ไหน!
สภาพแวดล้อมที่น่ากลัวแบบนั้น นายท่านไม่กลัวว่าเขาจะถูกสัตว์ร้ายคาบไปกินหรือไง?
“มีเรื่องอะไรอีก” ซือเยี่ยหานเหลือบตาขึ้นมามองเขา
“ไม่! ไม่มีครับ! ผมจะไปเดี๋ยวนี้…”
“หาให้เจอก่อนวันศุกร์”
“ครับ…” สวี่อี้รับคำสั่งอย่างขมขื่น พาคนไปตามหาเสือทั่วทั้งภูเขา
คิดไม่ออกเลยจริงๆ ทำไมถึงต้องรีบหาสลอเดอร์แบบนี้?
แล้วยังกำหนดให้หาให้เจอก่อนวันศุกร์อีก?
เช้าวันรุ่งขึ้น
เยี่ยหวั่นหวันเอาเครื่องสำอางห่อใหญ่ที่ตัวเองใช้เป็นประจำออกมา
หลังเอาออกมาแล้วก็พบว่า เมื่อคืนเธอเผยโฉมไปแล้ว
ดังนั้น แต่งหรือไม่แต่งดีนะ?
แต่งหน้าต่อไปก็ไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรแล้ว แต่ถ้าไม่แต่งผลที่ตามมาก็ไม่ใช่ว่าดี
เยี่ยหวั่นหวันกำลังคิดไปมา จู่ๆ ด้านล่างก็มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นมาเป็นระลอก ฟังผ่านๆ เหมือนมีชื่อเธออยู่ในนั้นด้วย
“ทำไมเสียงดังขนาดนี้?” เยี่ยหวั่นหวันขมวดคิ้ว
เจียงเยียนหรานเดินเข้ามาจากระเบียง เหลือบมองเธอ อยากจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา สุดท้ายเลยพูดอย่างเสียไม่ได้ “เธอไปดูเองเถอะ…”
เยี่ยหวั่นหวันสีหน้ามึนงง “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เยี่ยหวั่นหวันวางแปรงแต่งหน้าในมือลง สางผม ลุกขึ้นเดินไปทางระเบียง
“เฮๆๆๆๆ สาวในฝัน! สาวในฝัน! สาวในฝัน! หวั่นหวันสาวในฝัน!”
“สาวในฝันออกมาแล้ว! สาวในฝันผมรักคุณ! ท่าทางของสาวในฝันที่เพิ่งตื่นนอนสวยดั่งเทพธิดาเลยโอ้ยยย!”
“สาวในฝัน ผมมีโครโมโซมที่บรรพบุรุษถ่ายทอดมาอยากจะให้คุณ!”
เยี่ยหวั่นหวันเพิ่งเดินมาถึงระเบียง หูเกือบแตกเพราะเสียงร้องดังโวยวายจากชั้นด้านล่าง
เวลานี้เธอเพิ่งพบว่า ที่ชั้นล่างห้อมล้อมไปด้วยฝูงคนจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่โห่เรียก
ส่วนตึกหอพักของพวกเธอและหลายตึกหอพักผู้หญิงที่อยู่ใกล้เคียงต่างเปิดหน้าต่างออกมาแทบทุกห้อง ทุกคนเท้าคางดูกันสนุกสนาน เหมือนต้องการให้โลกนี้ปั่นป่วนจริงๆ เยี่ยหวั่นหวันได้ยินเสียงออกมาเตือนหลายรอบแล้ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์
ขีดเส้นสีดำบนหน้าผากเยี่ยหวั่นหวันตกลงมาแล้ว ถึงแม้จะพอเดาได้บ้างว่าจะเกิดความวุ่นวาย แต่นี่เลยเถิดไปกว่าที่เธอคิดไว้มาก
แต่ก็ไม่แปลก เมื่อคืนมีคนมากมายถ่ายคลิปไว้ เรื่องต้องแพร่ไปทั่วตั้งนานแล้ว อีกทั้งชีวิตนักเรียนน่าเบื่อ มีเรื่องอะไรนิดหน่อยก็สามารถนินทาได้นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากที่มีสีสันขนาดนั้น
………………………………………………..