ตอนที่ 105 ดูขาอ่อน

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่105 ดูขาอ่อน

เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง ในที่สุดฉีเล่ยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ส่วนคนขับเหงื่อแตกจนเปียกชุ่มทั้งแผ่นหลัง

หลินชูวโม่จ่ายค่ารถเสร็จสรรพ คนขับรีบเหยียบคันเร่งจากไปทันที เพื่อความสุขสงบของครอบครัว เขาจำเป็นต้องลบภาพผู้หญิงคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุด!

เธอคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ชูวโม่เซียงเทียน หรือเป็นที่รู้จักในชื่ออย่างเป็นทางการคือ ชูวโม่เซียงเทียน บิลตี้เชน ฮอล์ ฟังจากชื่อแล้วดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นธุรกิจเสริมที่หลินซูวโม่กำลังทำอยู่

หรือบางทีนี่อาจเป็นอาชีพหลัก ส่วนอาชีพเสริมของเธออาจจะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย จะอย่างไรก็ยากเกินกว่าจะบอกได้

“เป็นร้านของคุณเองเหรอครับ?”

ฉีเล่ยชี้ไปที่ตึกตรงหน้าและเอ่ยถามขึ้น

“แน่นอนสิ ไม่อย่างนั้นจะมีชื่อว่า ‘ชูวโม่’ เซียงเทียนเหรอ?”

“แต่คุณเป็นอาจารย์ไม่ใช่เหรอ?”

“แล้วใครบอกว่าอาจารย์ทำธุรกิจไม่ได้?”

หลินชูวโม่จับจ้องยังฉีเล่ยที่มองเธออย่างกับเด็กเลี้ยงเกะ

“ก็นะ ฟังดูน่าแปลกใช่ไหมล่ะ? ก็จะมีอาจารย์ในมหาวิทยาลัยสักกี่คนที่เปิดธุรกิจควบคู่กับงานสอน บางคนเอาแต่แขวนป้ายชื่ออาจารย์ เดินเที่ยวหลังเลิกงานไปวันๆ ส่วนฉันก็ใช้เวลาที่เหลือกับงานอดิเรกของฉัน พอดีฉันชอบเรื่องความสวยความงามน่ะ เลยไปเรียนสาขาศัลยกรรมตกแต่งมาเพิ่ม”

ฉีเล่ยพยักหน้าและเอ่ยถามต่อว่า

“แล้วพาผมมาที่นี่ทำไม?”

“ก็ฉันอยากให้นายเห็นขาอ่อนของฉันหนิ”

“เอาจริง?”

“ก็ตามนั้น”

“…”

ฉีเล่ยค้นพบแล้วว่า เขาไม่สามารถสื่อสารกับเธอคนนี้ได้รู้เรื่องเลยสักอย่าง

“มาเถอะ มาเถอะ พวกเราเข้าไปข้างในกันดีกว่า ขอต้อนรับสู่โลกของผู้หญิงนะ นี่นายเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้เข้ามาในร้าน ปกติฉันไม่ต้อนรับลูกค้าผู้ชาย”

คล้อยหลังพูดจบหลินชูวโม่ก็ดึงแขนของฉีเล่ย ลากเข้าไปทันที

“บอสหลิน สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีค่ะบอสหลิน”

เมื่อก้าวเท้าเดินเข้าไป พนักงานทุกคนต่างเอ่ยปากทักทายเธออย่างพร้อมเพรียง และเหลือบมองไปที่ฉีเล่ยเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไร

พวกเธอทราบดีว่า บอสหลินเป็นคนขยัน ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมารวมกับเรื่องงาน แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีผู้ชายถูกพามาที่นี่

ชายหนุ่มคนนี้คงเป็นคนโปรดปรานของบอสหลินอย่างไม่ต้องสงสัย

อาคารทั้งหลังเป็นคลินิกศัลยกรรมขนาดใหญ่ เมื่อพวกเขาเดินขึ้นไปยังชั้นที่สอง ฉีเล่ยก็พลันได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นในทันใด

ภาพฉากตรงหน้าปรากฏเป็นกลุ่มสาวสวยแต่งตัวแฟชั่นจัดเต็มกำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟา ขณะพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ดูผิวเผินราวกับที่นี่เป็นแหล่งรวมกลุ่มของเด็กสาวบ้านรวยทั้งหลายแหล่ ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่งตัวแต่งหน้าสะสวยและดูดีเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นหลิวชิวโม่เดินตรงเข้ามา เหล่าสาวๆต่างก็โบกมือทักทายเธอกันทันที

“พี่หลินคนสวยของเรามาถึงแล้ว”

“โอ้? วันนี้พี่หลินพาหนุ่มน้อยสุดหล่อมาด้วย เปลี่ยนคนควงอีกแล้วเหรอค่ะ?”

“โอ้โห! ไปหามาจากไหนคะเนี่ย? มานี่เร็วสุดหล่อ มานั่งข้างๆพี่สาวคนนี้นะ”

“พี่หลิน เดี๋ยวนี้เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอค่ะ? ยังดูเด็กอยู่เลย อย่าบอกนะว่า…เป็นลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัย?”

หลินชูวโม่หัวเราะพร้อมกล่าวดุสาวๆไปว่า

“นี่พวกเธอ นับวันยิ่งปากเสียนะ เขาไม่ใช่ผู้ชายของฉัน ฉันเชิญเขาให้มาดูเรียวขายาวของเซียวเซียวต่างหาก”

“อิอิ เซียวเซียว มีหนุ่มมาขอดูเรียวขายาวของเธอเลยนะ ลุกขึ้นให้ดูเร็ว!”

“สุดหล่อ เรียวขาของพี่สาวเองก็สวยไม่แพ้เซียวเซียวเลยนะ อยากดูไหม?”

ฉีเล่ยถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าสาวสวยมากเสน่ห์เกินบรรยาย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาถูกเหล่าสาวๆหยอกเย้าเล่นไม่หยุดราวกับเป็นลูกเจี๊ยบตัวน้อย ใบหน้าของฉีเล่ยเห่อร้อนแดงขึ้นเป็นสีจางๆ

ทันใดนั้นเองผู้หญิงที่นั่งอยู่มุมห้องก็ยืนขึ้น และตรงมาหาทันที

“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉัน เซียวเซียวนะ”

เมื่อสาวสวยคนนี้ลุกขึ้น ฉีเล่ยถึงกับผงะจนร่นถอยออกไปก้าวหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ

ไม่ใช่เพราะเธอมีหน้าตาน่าเกลียดแต่อย่างใด แต่ตรงกันข้าม เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และเธอยังเป็นคนที่สูงมากอีกด้วย

ดูจากลักษณะแล้ว เธอคนนี้น่าจะสูงประมาณ1.75เมตร บวกกับส้นสูงอีกประมาณ10ซม. ส่วนสูงโดยรวมก็อยู่ที่1.85เมตรเห็นจะได้ ร่างกายครึ่งท่อนบนดูสมส่วนดี ที่ทำให้เธอดูสูงขนาดนี้น่าจะเป็นเพราะเรียวขาอันยาวสวยอย่างแท้จริงนั่น หาใช่ของปลอมแต่อย่างใด…

ถึงแม้เซียวเซียวจะสวมรองเท้าส้นสูงแบบนั้น แต่เธอก็ดูไม่ค่อยต่างจากฉีเล่ยมากนัก ถ้าหากมายืนเทียบกันคงมีความแตกต่างกันไม่เกินครึ่งศีรษะ

เนื่องจากเขาเป็นคนค่อนข้างสูง ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่พบเจอจึงค่อนข้างอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา แต่สำหรับเซียวเซียวคนนี้ไม่จำเป็นต้องกดสายตาก็มองเห็นความงดงามของเธอได้อย่างชัดแจ้ง

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ผม ฉีเล่ย”

ฉีเล่ยและเซียวเซียวจับมือกันพอเป็นพิธี เป็นภาพฉากที่ดูสุภาพและห่างเหินอย่างบอกไม่ถูก

จนถึงตอนนี้ฉีเล่ยยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองมาที่นี่ทำไม?

หลินชูวโม่เริ่มขยับริมฝีปากสวยเคลื่อนเข้าใกล้ใบหูของฉีเล่ยอีกครั้ง เธอเอ่ยขึ้นว่า

“ขาอ่อนของเธอสวยไหม?”

“สวย…”

ทันใดนั้นฉีเล่ยรีบส่ายหัวทันทีและรีบแก้คำตอบอย่างร้อนรน

“ปะ-เปล่าครับ แล้ว…แล้วสรุปพาผมมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่?”

“ฮ่าๆๆๆ..”

ดูเหมือนท่าทางการแสดงออกอันเซ่อซ่าของฉีเล่ยเมื่อครู่จะเรียกเสียงหัวเราะให้กับสาวๆเหล่านี้ได้ไม่น้อย บางคนขำหนักจนต้องยกมือขึ้นป้องปาก แค่จ้องขาอ่อนคนอื่นไม่เห็นจะต้องประหม่าจนเลิ่กลั่กขนาดนี้เลย?

“พี่หลิน ถามจริงเถอะ ไปหาหนุ่มหล่อน่ารักขนาดนี้มาจากไหนคะ? นี่…เดี๋ยวหนูให้เงิน ขอยืมตัวไปเล่นด้วยสักวันสองวันได้ไหม?”

“ถ้าฉันให้พวกเธอยืมไปเล่น มีหวังเขาคงโดนเขมือบจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกเลยน่ะสิ? ไม่ให้หรอกนะ!”

หลินชูวโม่กล่าวดุพลางหัวเราะคิกคัก ก่อนจะหันมาพูดกับฉีเล่ยว่า

“เห็นอะไรผิดปกติบ้างไหม?”

“ผิดปกติงั้นเหรอ?”

พอได้ฟังแบบนั้น สีหน้าการแสดงออกของฉีเล่ยกลับมาจริงจังทันที พร้อมใช้สายตาอันเฉียบคมเข้าตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ก่อนจะตระหนักได้ว่า มีรอยแผลสีจางปรากฏอยู่บนขาของเซียวเซียว แม้สีจะอ่อน และเนื้อแผลค่อนข้างตื้นเขินมาก แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นได้ไม่ยาก

“นายเห็นรึเปล่า?”

หลินชูวโม่เอ่ยถาม

“เห็นแล้ว”

หลินซูวโม่ปรายสายตาหวานให้ฉีเล่ยและกล่าวต่อว่า

เซียวเซียวเป็นเพื่อนสนิทของฉัน นายมีวิธีช่วยเธอไหม?“

“ไม่มีปัญหา… แต่ขอร้องเถอะครับหยุดทำท่าทำทางแบบนี้ได้แล้ว”

ฉีเล่ยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง และกล่าวไปตามตรงว่า

“ผมประหม่า”

ผู้หญิงหนึ่งคนเทียบเท่าหายนะ เมื่อผู้หญิงมากกว่าสองคนมารวมตัวภายใต้ชายคาเดียวกันถือได้ว่าเป็น‘ทะเลแห่งความหายนะ’

เลกกิ้งคือสิ่งคู่บุญกับนางแบบไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือมือใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาถุงน่อง รองเท้า กระโปรง หรือชุดเดรส ทั้งหมดล้วนต้องใช้เลกกิ้งก่อนเสมอ

ความสูงเฉลี่ยของผู้หญิงเอเชียจะอยู่ที่1.60เมตร ซึ่งเลกกิ้งโดยทั่วไปจะถูกผลิตให้มีความยาวสมส่วนพอดี แต่เมื่อผู้หญิงร่างสูงที่มีเรียวขาวที่ยาวกว่านั้น โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่มีส่วนสูงเกิน1.80เมตร จะทำให้เนื้อผ้าเลกกิ้งถูกยืดจนตึงเมื่อสวมใส่ และถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานาน เส้นใยเหล่านั้นจะเข้าบาดบริเวณเรียวขาจนเกินเป็นรอยเสียดสี และหนักสุดก็คือแผลเป็น

หากถามว่า ทำไมไม่ลือกใช้การเลกกิ้งที่ผลิตจากเส้นใยคุณภาพที่สามารถยืดได้360องศา ก็ตอบได้เพียงว่า เพราะเซียวเซียวเลือกใช้แต่เลกกิ้งมีคุณภาพ จึงทำให้แผลเป็นที่เกิดบนเรียวขาไม่ร้ายแรงมาก

แต่จะอย่างไร เซียวเซียวก็เป็นถึงนางแบบขาอันดับหนึ่งในซูฮัง และมีรายได้ไหลเวียนเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ดังนั้นแล้วเธอจำเป็นต้องใส่ใจดูแลเรียวขาของตัวเองเป็นพิเศษ จนถึงขั้นที่ว่าต้องทำประกันขากันเลยทีเดียว และบาดแผลดังกล่าวก็เปรียบเสมือนหนามแหลมทิ่มแทงใจเธออยู่นาน หากมีโอกาสก็อยากรักษาให้หายไปเสียที

ถึงบาดแผลจะไม่ลึกและเห็นได้ไม่ชัด แต่ถ้ายังปล่อยไว้นานวันเข้าอาจจะส่งผลกระทบต่องานถ่ายแบบเช่นกัน ยิ่งทุกวันนี้แรงกดดันและการแข่งขันในอุตสาหกรรมเดียวกัน นับวันก็ยิ่งสูงขึ้น ถ้าคู่แข่งของเธอค้นพบว่า เรียวขาอันไร้ที่ติของเซียวเซียวไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนแต่ก่อน มีหวังเส้นทางในอาชีพนี้ของเธอต้องดับวูบเป็นแน่

ยิ่งพยายามปกปิดเท่าไหร่ก็ยิ่งวิตกจนเป็นอันกินไม่ได้นอนไม่หลับ เซียวเซียวค่อนข้างกังวลกับปัญหานี้มาก

เธอและหลินชูวโม่เป็นเพื่อนร่วมคลาสตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแพทย์มาด้วยกัน พวกเธอสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก เมื่อแผลที่ขาเข้ามากวนใจเธอไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้ เซียวเซียวจึงรีบบึ่งรถมาปรึกษากับหลินชูวโม่ทันที ผู้หญิงชื่นชอบความงามโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงอาชีพที่ต้องใช้เรือนร่างเพื่อหาเงินอย่างนางแบบ ถ้าใครรู้ว่านางแบบขากลับมีแผลเป็นที่ขาแบบนี้ ในอนาคตใครจะมาจ้างเธอกัน?

และบังเอิญเหลือเกินที่ หลินชูวโม่ดันไปชนเข้ากันฉีเล่ยเมื่อสองสามวันก่อน ทีแรกเธอยังรู้สึกกังวลเล็กๆว่าบาดแผลบริเวณหัวเข่าของเธอจะหายดีหรือไม่ แต่หลังจากผ่านไปเพียงแค่วันสองวัน กลับหายดีชนิดที่ว่าไม่ทิ้งแม้แต่รอยแผลเป็น ในเวลานั้นเธอรู้ได้ทันทีว่า ทั้งหมดเป็นเพราะยาผงสีดำมหัศจรรย์ขวดนั้นของฉีเล่ย หลินชูวโม่ที่นึกได้แบบนั้นจึงรีบโทรบอกเซียวเซียวทันที

ดังนั้นหลินชูวโม่จึงลากตัวฉีเล่ยมาที่คลินิกศัลยกรรมของเธอในวันนี้ ก็เพื่อดูขาอ่อนจริงๆ ทว่าไม่ใช่ให้มาชื่นชม แต่ให้มารักษา