ตอนที่ 121 ให้เธอโอ้อวดซะให้พอ / ตอนที่ 122 การบริจาคเพื่อการกุศล

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 121 ให้เธอโอ้อวดซะให้พอ

 

 

การปรากฏตัวของเฉินฝานซิงเป็นเป้าสายตาของคนทั้งงานได้สำเร็จ

 

 

เฉินเชียนโหรวหันไปมองหน้าซูเหิง แต่ก็กลับพบว่าสายตาของเขาเองก็ถูกเฉินฝานซิงแย่งไป

 

 

ปลายเล็บของเธอจิกลงบนฝ่ามือแน่น เธอขบกรามแน่นด้วยความคับแค้นใจ

 

 

คำพูดของเฉินเชียนโหรวเรียกสติของซูเหิงให้หันมามองเธอ เขายกยิ้มขึ้นน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้พูดจา

 

 

นั่นยิ่งทำให้เธอกัดปากแน่นขึ้น

 

 

 

 

แม้ว่าการปรากฏตัวในงานคืนนี้ของเฉินฝานซิงจะสร้างความประหลาดใจได้ไม่น้อย แต่ความห่างเหินของเธอกลับทำให้ผู้คนอยากจะถอยห่าง

 

 

ในตอนนั้นหลินเฟยเฟยได้ยกชายกระโปรงขึ้นแล้วตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเฉินเชียนโหรวด้วยสีหน้าบึ้งตึง เธอมองไปยังเฉินเชียนโหรวและซูเหิงก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาล

 

 

“เฉินเชียนโหรวนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ เธอถึงมาโผล่ในสภาพนั้นได้”

 

 

“ฉันคุยกับคุณชายเฉินคนนั้นไปได้ตั้งหลายคำแล้วนะ แต่พอยัยนั่นโผล่มาแวบเดียวก็ถูกงาบไปซะแล้ว! เจ็บใจนัก!”

 

 

เฉินเชียนโหรวหันไปส่งยิ้มหวานให้ซูเหิงแล้วเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล

 

 

“ผู้ชายคนหนึ่งที่หลงใหลรูปโฉมของผู้หญิงได้อย่างง่ายดาย นั่นหมายความว่าคุณชายเฉินคนนั้นไม่คู่ควรที่จะฝากชีวิตไว้กับเขา”

 

 

นัยน์ตาของซูเหิงที่ยืนอยู่ข้างๆ วูบไหวเล็กน้อย

 

 

ท่าทีเดือดดาลของหลินเฟยเฟยสงบลงไปไม่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกเคืองๆ อยู่บ้าง

 

 

“ฉันก็แค่เจ็บใจ มีอะไรให้น่าโอ้อวดนักหนา ปกติคนที่ไม่ชอบร่วมงานเลี้ยงอย่างเธอ พอพี่ฉันบอกเลิกเธอปุ๊บ เธอก็เข้ามาล่อผู้ชายในงานปั๊บ! คงจะเปลี่ยวจนทนไม่ไหว!”

 

 

“เฟยเฟย อย่าซี้ซั้ว วันนี้คุณย่าขอให้เธอมา!”

 

 

“เพราะงั้นเธอจึงฉวยโอกาสนานทีปีหนแบบนี้อ่อยผู้ชายยังไงล่ะ! ดูสายตาของผู้ชายพวกนั้นสิ ลูกตาแทบจะทะลักออกมาอยู่แล้ว!”

 

 

เธอพูดต่ออย่างใส่อารมณ์ หน้าอกยกขึ้นลงอย่างหนักหน่วง สายตาที่มองไปยังเฉินฝานซิงแทบจะพ่นไฟออกมาได้

 

 

“พอแล้วเฟยเฟย อย่าโมโหเลยนะ เดี๋ยวเจ้าชายขี่ม้าขาวในคืนนี้มาเห็นเข้าจะตกใจจนเผ่นหนีเอาได้นา…”

 

 

ความโดดเด่นในคืนนี้ถูกเฉินฝานซินกลบจนหมด เธอจึงทำได้เพียงหาประโยชน์จากความเฉลียวฉลาดของตัวเอง

 

 

หลินเฟยเฟยหันไปมองแขนของเฉินเชียนโหรวที่คล้องแขนเธออยู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วหันไปมองซูเหิงแล้วเอ่ยว่า

 

 

“พี่คะ คืนนี้ความเด่นของเฉินเชียนโหรวถูกผู้หญิงคนนั้นกลบทับหมดแล้ว อีกเดี๋ยวคงต้องขอแรงพี่หน่อยแล้วนะ”

 

 

ซูเหิงเลิกคิ้วขึ้นมองหลินเฟยเฟยแล้วเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “เธอไม่ก่อเรื่องอีกจะได้ไหม”

 

 

หลินเฟยเฟยบุ้ยปากอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า

 

 

“ฉันไม่ได้ก่อเรื่องนะ! เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณชายเฉินพูดว่าคืนนี้ก่อนจะเริ่มงานจะมีช่วงบริจาคเพื่อการกุศล”

 

 

ซูเหิงนิ่งไปก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “แขกที่มารวมตัวกันในงานคืนนี้ต่างก็กระเป๋าหนักกันทั้งนั้น งานเลี้ยงใหญ่โตของสกุลป๋อแบบนี้ต้องได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วนไม่น้อย เพื่อไม่ให้เป็นขี้ปาก การบริจาคเพื่อการกุศลเองก็จัดว่าเป็นเรื่องปกติ มีอะไรน่าสงสัย?”

 

 

รอยยิ้มมีเลศนัยพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเฟยเฟย “งั้นพี่คิดออกรึยังล่ะว่าจะบริจาคอะไร”

 

 

ซูเหิงกวาดสายตาขึ้นลงไปมาก็เห็นเพียงนาฬิกาข้อมือของเขาที่ดูเข้าที

 

 

หลินเฟยเฟยมองไปรอบๆ ห้องจัดเลี้ยง ก่อนจะส่งเสียงจุ๊ๆ ออกมา

 

 

“สกุลป๋อคงจะล่อลวงคนเก่งหน้าดู แขกในงานทุกคนค่าตัวใช่ว่าจะน้อยๆ ที่ไหน ดังนั้นถึงจะเป็นช่วงการบริจาคสั้นๆ แต่ถ้าเอามารวมกัน คืนนี้คงจะได้อย่างน้อยๆ สักร้อยล้านเห็นจะได้ งานนี้ช่างใหญ่โตซะจริง”

 

 

ซูเหิงไม่ออกความคิดเห็น

 

 

อำนาจของสมาคมสกุลป๋อ เป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจเทียบเคียง

 

 

ตอนนี้สายตาของหลินเฟยเฟยจับจ้องไปยังร่างขอเฉินฝานซิงที่อยู่ไม่ไกล เธอเลิกคิ้วขึ้นแล้วหัวเราะเสียงเย็น…

 

 

โอ้อวดดีนักใช้ไหม

 

 

งั้นคืนนี้เธอก็โอ้อวดซะให้พอ!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 122 การบริจาคเพื่อการกุศล

 

 

“เชียนโหรวล่ะ เธอคิดไว้แล้วหรือยังว่าคืนนี้จะบริจาคอะไร”

 

 

เฉินเชียนโหรวส่ายหน้าไปมา “ไข่มุกที่ตัวฉันใช้บริจาคไม่ได้นะ มันเป็นของสปอนเซอร์ทั้งนั้นเลย เดี๋ยวฉันจะโทรหาคุณย่า บอกท่านว่าจะออกมาแล้วช่วยหยิบสร้อยคอมาให้ฉันสักเส้นก็คงจะพอ…”

 

 

“ไม่ต้อง” หลินเฟยเฟยยกยิ้มขึ้นแล้วคว้ามือเฉินเชียนโหรวเอาไว้ “มีแค่พี่ชายฉันก็พอแล้ว”

 

 

“ว่าไงนะ” เฉินเชียนโหรวสงสัย

 

 

หลินเฟยเฟยพูดต่อไปว่า

 

 

“ตอนนี้เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงวัยรุ่นที่กำลังโด่งดังในประเทศ! อีกทั้งตอนเริ่มยังดึงดูดสายตาไปได้เยอะขนาดนั้น อีกเดี๋ยวเต้นรำจะต้องมีคนแย่งกันคู่กับเธอแน่ๆ!”

 

 

หลังจากได้ฟังคำพูดของหลินเฟยเฟยแล้วคิ้วที่ขมวดเข้าหากันก่อนหน้าก็เหมือนจะคลายลงได้

 

 

เข้าใจแล้ว

 

 

อย่างนี้นี่เอง

 

 

“พอตอนนั้นพี่ก็ต้องจับเธอไว้ให้แน่นๆ ล่ะ การเต้นรำคืนนี้ของเชียนโหรว จะต้องเป็นการเต้นเปิดงานนี้อยู่แล้ว โอกาสดีๆ แบบนี้ พี่คงจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปใช่ไหม”

 

 

ซูเหิงหันไปมองเฉินเชียวโหรวก็พบว่า ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ตอนนี้เธอกำลังมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการรอคอย

 

 

เขายิ้มอย่างอ่อนโยน “คนที่จะได้เต้นรำกับเชียนโหรวจะต้องมีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นและจะไม่ยอมถอยให้ใครเด็ดขาด”

 

 

ในที่สุดเฉินเชียนโหรวก็คลี่ยิ้มออกมา

 

 

“คืนนี้ พวกเธอต้องเป็นคู่ที่สะดุดตาที่สุดในงานแน่!”

 

 

แค่คิดหลินเฟยเฟยก็ตื่นเต้นแล้ว

 

 

เธอเคลื่อนสายตาไปมองเฉินฝานซิงที่อยู่ไม่ไกลอีกครั้งด้วยใบหน้ากระหยิ่ม

 

 

ถึงตอนนั้นจะได้เห็นดีกัน!

 

 

ผ่านไปไม่กี่นาที เวทีตรงหน้าก็ได้ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งอยู่ในชุดราตรีกระโปรงยาวสีดำ ยืนอยู่ตรงกลางเวทีพร้อมกับสคริปต์ในมือและรอยยิ้มที่อ่อนหวาน

 

 

“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ยินดีต้อนรับทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาพร้อมกัน ณ ที่แห่งนี้ เพื่อร่วมพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของท่านประธาน แต่เมื่อสักครู่ดิฉันได้รับข่าวมาจากท่านประธานว่า ท่านอาจจะมาสายเล็กน้อย แต่ท่านก็ได้สั่งไว้ว่าสามารถเริ่มกิจกรรมในคืนนี้ก่อนได้ และดิฉันเชื่อว่าแขกผู้มีเกียรติบางท่านทราบมาแล้วว่าคืนนี้เรามีกิจกรรมอะไร ใช่แล้วค่ะ นั่นก็คือการบริจาคเพื่อการกุศลขนาดย่อม ต้องเรียนให้ทราบก่อนว่า…”

 

 

หลังจากที่เสียงหวานของพิธีกรสาวอธิบายเรื่องการกุศลเสร็จแล้วก็ต่อท้ายด้วยถ้อยคำเชิญชวน จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่หัวข้อหลัก

 

 

อันที่จริงแล้วมีไม่กี่คนที่จะสนใจว่าผู้ที่จะรับบริจาคเหล่านั้นเป็นเช่นไรบ้าง

 

 

แต่พวกเขาก็ไม่อาจเลี่ยงการบริจาคทำนองนี้ไปได้เพราะมันเป็นการโอ้อวดวิธีหนึ่ง

 

 

ทุกคนต่างก็ชื่นชอบที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของความสำเร็จและเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คน

 

 

คำพูดของพิธีกรดึงดูดความสนใจของเฉินฝานซิงและชิงจือไปได้ไม่น้อย

 

 

“ประธานสมาคมสกุลป๋อนี่ก็ร้ายไม่เบา สุดท้ายพวกนายทุนก็เป็นผีดูดเลือดเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าที่ผู้นำตระกูลของสกุลป๋อคนต่อไปร้ายยิ่งกว่า เห็นไหม สุดท้ายพวกนายทุนทั้งงานก็โดนเขาสูบเลือด!”

 

 

สวี่ชิงจือเอ่ยขึ้นเสียงใส เธอส่ายหน้าพลางหัวเราะเบาๆ “นายทุนดูดเลือดนายทุน ประธานป๋อดูดทีเดียวทั้งรัง จุ๊ๆ …หากไม่มีประสบการณ์เป็นสิบปี คงจะทำเรื่องหน้าด้านแบบนี้ออกมาไม่ได้…เจ้าเล่ห์เพทุบาย!”

 

 

หน้าด้าน?

 

 

เจ้าเล่ห์เพทุบาย?

 

 

เฉินฝานซิงกำลังนึกไปถึงใบหน้าของป๋อจิ่งชวน อันที่จริงก็ดูไม่ค่อยเหมาะกับสองคำนี้เท่าไหร่

 

 

เธอขำออกมาเบาๆ หากป๋อจิ่งชวนรู้ว่ามีคนนิยามเขาเช่นนี้ นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเขาจะทำสีหน้ายังไง!

 

 

“ยังไงซะคนพวกนี้ก็มีเงิน อีกอย่างมันก็เป็นการกุศล …”

 

 

ขณะที่พูดคุยอยู่นั้น การบริจาคก็ได้ดำเนินไปแล้วเกินกว่าครึ่งทาง

 

 

ทว่าในตอนนั้นหลินเฟยเฟยกลับลุกขึ้นมาพูดกับพิธีกรบนเวทีว่า

 

 

“คุณพิธีกรคะ ในเมื่อมันเป็นงานสังสรรค์ การบริจาคแบบนี้คงจะดูจืดชืดไปสักหน่อย เอาแบบนี้ไหมสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีในงานนี้ก็มีอยู่มากมาย ถ้าเราหยิบการเต้นรำเปิดงานมาประมูลราคาล่ะเป็นไง”