ตอนที่ 123 ชื่อเสียงฉาวโฉ่ / ตอนที่ 124 เริ่มการประมูล

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 123 ชื่อเสียงฉาวโฉ่

 

 

“คือ…”

 

 

พิธีกรสาวคาดไม่ถึงมาก่อนว่าจะมีการยกข้อเสนอขึ้นมากะทันหันเช่นนี้ สถานการณ์คับขันแบบนี้เธอเองก็หนักใจอยู่ไม่น้อย

 

 

เมื่อหลินเฟยเฟยเอ่ยเช่นนั้นออกมา ผู้คนรอบข้างก็ต่างพากันชอบใจ

 

 

จึงกันพาส่งเสียงฮือฮาและส่วนใหญ่ต่างก็บอกว่านั่นเป็นข้อเสนอที่ดีและก็พากันเห็นพ้องต้องกัน

 

 

ถึงอย่างไรมันก็เป็นการบริจาคเพื่อการกุศล จะทำยังไงให้นักธุรกิจผู้มั่งคั่งเหล่านี้ยอมสำรอกเศษเงินเศษทองออกมาได้มากกว่าที่สำคัญ พิธีกรสาวเองก็ไม่มัวลังเลอยู่นานก็เห็นดีเห็นงามตามไปด้วย

 

 

อีกด้านหนึ่งสวี่ชิงจือก็ได้เค้นหัวเราะออกมาเสียงเย็น “ไม่รู้ว่าเฉินเชียนโหรวเอายาหลอนประสาทตัวไหนให้หลินเฟยเฟยกินนะ ถึงได้สู้เพื่อเธออย่างพลีกายถวายหัวแบบนี้”

 

 

เฉินฝานซิงกระตุกมุมปากขึ้น “ยกนิ้วให้เลย”

 

 

หลินเฟยเฟยไม่รู้ว่าขึ้นไปบนเวทีตั้งแต่เมื่อไหร่ พิธีกรจึงยกไมโครโฟนให้เธอไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ส่วนเจ้าตัวก็ถอยออกมายืนอยู่อีกทาง

 

 

หลินเฟยเฟยยืนอยู่ตรงกลางของเวที สายตามองไปยังเบื้องล่างรอบหนึ่งก่อนจะยกยิ้มขึ้น

 

 

“ในเมื่อเป็นการเต้นรำเปิดงาน แน่นอนว่าจะต้องเป็นหญิงสาวที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในค่ำคืนนี้ใช่ไหมล่ะ อันที่จริงเมื่อกี้ฉันก็กำลังคิดๆ อยู่ว่า หญิงสาวที่ได้รับความสนใจในค่ำคืนนี้มีอยู่ถึงสองคนด้วยกัน คนหนึ่งก็คือดาราสาวที่กำลังมาแรงที่สุดของบ้านเราในตอนนี้อย่างคุณเฉินเชียนโหรว ส่วนอีกคนที่ไม่ต้องพูดถึงนั่นก็คือ…”

 

 

ขณะนั้นสีหน้าของสวี่ชิงจือดูขรึมลงทันตา เธอหันไปวางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะอาหารแล้วคว้ามือของเฉินฝานซิงเข้ามาก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเย็น

 

 

“ระวังตัวหน่อย แม่หลินเฟยเฟยนั่นดูก็รู้ว่ากำลังจ้องมาที่เธอ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่พวกเราไปกันเถอะ!”

 

 

ไม่เพียงแต่สวี่ชิงจือที่รู้ เฉินฝานซิงเองก็รู้สึกได้เช่นกัน

 

 

บางครั้งคนเราก็เป็นเสียแบบนี้ แม้จะไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แต่ทว่าแม้แต่ความสงบสุขพื้นฐานในชีวิตยังหาไม่ได้

 

 

ยิ่งไม่รบรา กลับยิ่งมีคนตั้งท่าจะลากเธอเข้าสู่สมรภูมิรบเสียให้ได้อยู่ฝ่ายเดียว

 

 

คืนนี้เธอก็แค่อยาก…

 

 

แค่อยากจะเห็นตอนที่ป๋อจิ่งชวนขึ้นรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของทั่วโลกของสมาคมสกุลป๋ออย่างเป็นทางการก็เท่านั้น

 

 

นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย และเธอไม่อยากพลาดมัน…

 

 

แต่เธอกลับถูกคนอื่นมองเป็นหนามยอกอกเขาอีกครั้งจนได้

 

 

“นี่ ฝานซิง หลบอะไรอยู่เหรอจ๊ะ คืนนี้เธอทำคนอึ้งกันทั้งงานเลยนะ เต้นรำเปิดงานถ้าไม่มีเธอแล้วคงน่าเสียดายแย่เลย?”

 

 

บางคนแม้จะไม่รู้จักเฉินฝานซิง แต่หากพูดถึงคนที่ทำให้ผู้คนอึ้งกันทั้งงานล่ะก็ พวกเขาก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร

 

 

“ยินดีต้อนรับคุณเฉินฝานซิงมาร่วมสนุกค่ะ”

 

 

ไม่แม้จะมีช่องว่างให้เฉินฝานซิงได้คัดค้าน เมื่อหลินเฟยเฟยพูดจบ เธอก็นำปรบมือเป็นคนแรก ตามหลังมาด้วยเสียงปรบมือที่สนั่นไปทั้งห้องจัดเลี้ยง

 

 

สวี่ชิงจือมองอย่างเยือกเย็น “ฝานซิง…หลินเฟยเฟยจงใจให้เป็นแบบนี้ ต้องดูซูเหิงสักพักก่อน…เธอโอเคไหม”

 

 

สวี่ชิงพยายามพูดให้ซอฟต์มากที่สุด แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงอยู่ดี

 

 

ความสัมพันธ์แปดปี จบลงแล้วก็ให้มันจบๆ กันไป

 

 

เรื่องที่จริงที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือไม่มีรักใดไม่เลิกรา

 

 

บาดแผลต้องใช้เวลาในการเยียวยา พวกเขานอกจากจะไม่ให้เวลาให้เธอรักษาแผลแล้ว ร้ายไปกว่านั้นยังโรยเกลือลงบนแผลของเธออีก คนพวกนั้นไร้ความปรานีจริงๆ

 

 

“ฉันไม่เป็นไร”

 

 

เฉินฝานซิงตอบด้วยท่าทีเรียบนิ่งและน้ำเสียงเยือกเย็นแต่กลับยิ่งทำให้สวี่ชิงจือเจ็บปวดหัวใจ

 

 

“ฝานซิง อย่าฝืนเลย…”

 

 

เฉินฝานซิงยิ้มน้อยๆ อันที่จริงแล้วเธอ…ไม่เป็นอะไรจริงๆ นั่นแหละ

 

 

วันนี้เธอแค่มาเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของป๋อจิ่งชวนเท่านั้น

 

 

ส่วนคนอื่น…ไม่สำคัญ

 

 

“บังเอิญจริงๆ เลย คืนนี้สาวงามทั้งสองคนดันเป็นพี่น้องกันอีกด้วย! อยากรู้จริงๆ ว่าใครกันที่จะเป็นผู้ที่ได้เต้นรำเปิดงานในค่ำคืนนี้กันนะ ทั้งหมดก็ตัดสินจากท่านสุภาพบุรุษในงาน? ใครเสนอราคาได้สูงที่สุดสิทธิ์ในการเต้นรำเปิดงานก็จะตกเป็นของคนนั้น!”

 

 

“พี่น้อง?! เฉินฝานซิง? ฉันรู้จักเธอ ยัยคนนี้ร้ายกาจสุดๆ!”

 

 

“ที่แท้ก็เธอนี่เอง ฉันก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอยังเคยถูกสถานศึกษาคัดชื่อออกถาวรด้วยนะ!”

 

 

“แล้วก็ ฉันยังรู้มาอีกว่า มีอยู่ปีนึงเธอไปแข่งเปียโน…”

 

 

“หุบปาก!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 124 เริ่มการประมูล

 

 

“หุบปาก!”

 

 

จู่ๆ สวี่ชิงจือที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตะคอกออกมาด้วยความโมโห น้ำเสียงเพราะพริ้งนั้นอัดแน่นได้ด้วยความดุดันและน่าเกรงขาม

 

 

ทำเอาผู้หญิงคนนั้นตกใจจนต้องรูดซิปปาก!

 

 

“ไม่มีหลักฐานก็มาพูดจาส่งเดชแบบนี้ ระวังจะเจอดี!”

 

 

หญิงสาวยังคงตกใจกับท่าทีของสวี่ชิงจือ เธอถอยกรูไปข้างหลังและไม่พูดสิ่งใดออกมาอีก

 

 

สวี่ชิงจือหันมามองเฉินฝานซิงก็พบว่าตอนนี้หน้าของเธอเริ่มซีด

 

 

การแข่งขันเปียโนปีนั้น…

 

 

“ฝานซิง…” สวี่ชิงจือแสดงสีหน้าเจ็บปวด เธอไม่รู้แม้แต่ว่าควรจะปลอบเฉินฝานซิงว่ายังไง

 

 

หลินเฟยเฟยมองปฏิกิริยาของผู้คนข้างล่าง ก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วยกไมโครโฟนคืนให้พิธีกรไปก่อนจะลงมาจากเวที

 

 

เธอเดินไปยืนข้างๆ เฉินเชียนโหรวแล้วเอ่ยขึ้นอย่างได้ใจว่า

 

 

“เป็นไงล่ะ สาแก่ใจดีไหม ให้ยัยนั่นแสร้งเป็นผู้ดีต่อไป เดี๋ยวพี่เขาจะต้องเลือกเธอแน่นอน ฉันล่ะอยากเห็นสีหน้าของยัยนั่นตอนนั้นนัก! ฮ่าๆ ฮ่า…”

 

 

เฉินเชียนโหรวกรีดยิ้มน้อยๆ “เฟยเฟย แบบนี้จะไม่มากไปหน่อยเหรอ…”

 

 

“เกินไปอะไรกัน เห็นๆ อยู่ว่ายัยนั่นคิดจะแย่งทุกอย่างไปจากเธอ!”

 

 

“แต่ว่า…”

 

 

“เอาเถอะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว สีหน้าพี่เขาดูไม่ค่อยดีเลย ฉันไปก่อนล่ะ…”

 

 

หลินเฟยเฟยพูดจบก็รีบปลีกตัวไปก่อนที่ซูเหิงจะตรงเข้ามา

 

 

ใบหน้าหล่อของซูเหิงดูเคร่งขรึม เขาคิดจะตามเธอไปแต่เฉินเชียนโหรวก็เข้ามาขวางเอาไว้

 

 

“พี่เหิง…หลินเฟยเฟยแค่อยากทำเพื่อฉัน พี่อย่าไปโทษเธอเลยนะคะ หากพี่ไม่อยากเข้าร่วมก็ไม่เป็นไร มันก็แค่การเต้นรำ ถึงไม่ใช่พี่ เต้นกับใครก็คงเหมือนๆ กัน…”

 

 

ซูเหิงค่อยๆ ลดสีหน้าเคร่งขรึมนั้นลง ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นความยุ่งเหยิงแทน

 

 

ตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดสำหรับเขา!

 

 

ฝานซิงเองเขาก็ไม่อยากไปทำร้ายเธอซ้ำอีก

 

 

แต่ว่าเชียนโหรวเขาก็ไม่อยากทำให้เธอเสียใจ

 

 

หลินเฟยเฟยกำลังทำอะไรของเธออยู่กันแน่ ถึงจ้องจะบีบให้เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!

 

 

“เอาล่ะ ต้องขอขอบคุณคุณหนูเมื่อสักครู่ที่พูดเรื่องดีๆ แบบนี้ขึ้นมานะคะ ถ้าทุกท่านไม่มีอะไรจะคัดค้านแล้วล่ะก็ งั้นพวกเราก็มาเริ่มประมูลกันเลย”

 

 

“หนึ่งแสน เฉินเชียนโหรว!”

 

 

“แสนสอง เฉินเขียนโหรว!”

 

 

“แสนห้า เฉินเชียนโหรว!”

 

 

“แสนแปด เฉินเชียนโหรว!”

 

 

“สองแสน เฉินเชียนโหรว!”

 

 

ที่เขาบอกว่าคำพูดของคนนั้นน่ากลัวมันน่ากลัวแบบนี้นี่เอง

 

 

แม้สวี่ชิงจือประกาศกร้าวไปแล้ว แต่ก็ไม่อาจลบคำครหานินทาลงได้เลย

 

 

ไม่มีแม้แต่สักคนที่จะประมูลให้เฉินฝานซิง

 

 

ไม่มีแม้แต่สักคน…

 

 

“ห้าแสน เฉินเชียนโหรว!”

 

 

ค่าตัวของเฉินเชียนโหรงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเธอจะแอบดีใจอยู่เล็กน้อย แต่ที่มากไปกว่านั้นคือความเครียด!

 

 

ราคาถูกเสนอสูงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของเธอก็ยิ่งเครียดขึ้นเท่านั้น

 

 

ก็เพราะตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ซูเหิงยังไม่ยอมเอ่ยปากออกมาสักคำ

 

 

เธอสังเกตเห็นความยุ่งเหยิงบนใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน เขากำลังสับสน เขากำลังเป็นห่วงเฉินฝานซิง

 

 

“ห้าแสนห้า! เฉินเขียนโหรว!”

 

 

“…”

 

 

จำนวนเลขค่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ระยะเวลาของการประมูลก็ยิ่งกินเวลายืดเยื้อ

 

 

“ไม่มีใครประมูลให้เธอสักคนเลยอะ!”

 

 

“โฮะๆ สมน้ำหน้า!”

 

 

“หน้าขายหน้าเนอะ สักคนก็ไม่มี…ดีนะที่ฉันไม่เอาด้วย ไม่งั้นฉันคงจะอายจนแทรกแผ่นดินหนีไปแล้ว!”

 

 

“เธอเล่นด้วยก็คงไม่มีใครประมูลเพื่อเธอหรอก…”

 

 

เสียงหัวเราะต่ำๆ แว่วดังมาจากทั่วทุกสารทิศ

 

 

ที่หน้าประตูโรงแรม เมื่อรถหรูคันหนึ่งค่อยๆ จอดตัวลง

 

 

อวี๋ซงที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูมาตลอดก็ได้ผ่อนลมหายใจออกมาทันที เขาวิ่งไปยังหน้ารถยนต์เปิดประทุนคันนั้นแล้วเปิดประตูรถออกอย่างว่องไว

 

 

“คุณผู้ชาย”

 

 

“อืม”

 

 

เขาตอบรับเสียงเรียบด้วยท่าทีนิ่งเฉย จากนั้นร่างอันสูงสง่าก็ได้โน้มตัวลงมาจากรถ