ตอนที่ 95 อาจารย์กู่พิษ

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

กู่ก็คือ หนอนพิษประเภทหนึ่งที่คนเลี้ยงเอาไว้ ประโยชน์ของกู่มีสารพัดอย่าง บ้างเป็นกู่ยาสำหรับรักษาโรคร้าย บ้างเป็นกู่พิษที่เอาไว้ทำร้ายร่างกาย หรือกลืนกินวิญญาณของคน ในตำราที่อาจารย์ปู่ให้อวิ๋นเจี่ยวนั้นมีระบุถึงหนอนกู่จำนวนมาก เล่ากันว่าหากเจอหนอนกู่ที่มีความร้ายกาจนั้น อย่าว่าแต่คนธรรมดาทั่วไป แม้แต่เทพก็มีสิทธิโดนเหมือนกัน 

 

 

ส่วนกู่พิษรักที่นายหญิงฉีโดนนี้เป็นเพียงหนอนกู่ประเภทหนึ่งที่อ่อนแอ มันอาศัยอยู่ในร่างกายของคน คอยดูดซับสารอาหารเหมือนกับปรสิต ไม่มีผลกระทบมากต่อสุขภาพของคน แต่คุณสมบัติที่สำคัญของมันคือส่งผลต่อความคิดของคน ทำให้คนโดนพิษกู่นั้นรักคนที่เห็นในแวบแรกอย่างควบคุมไม่ได้ ดังนั้นจึงเรียกว่ากู่พิษรัก 

 

 

ซึ่งหมายความว่า ความสัมพันธ์ระหว่างฉีเฉิงและนายหญิงฉีมีปัญหาอย่างมาก 

 

 

“ข้า…ข้าเป็นอะไรไป?” ในขณะที่อวิ๋นเจี่ยวกำลังอธิบาย นายหญิงฉีก็ฟื้นขึ้นมา นางมองไปยัง 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ตรงหน้า สายตาของนางเต็มไปด้วยความฉงน จากนั้นกวาดมองไปรอบข้าง สุดท้ายสายตาจ้องไปบนตัวของฉีเฉิงที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น ตะลึงไปสักพัก ก่อนจะตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาของนางเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “เจ้า…เดรัจฉานที่ทำลายความบริสุทธิ์ของข้า!” 

 

 

นางตะโกนด่าเสียงดัง ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ขอบตาของนางแดงขึ้น สายตาที่มองไปยังอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความแค้น นางแย่งมีดจากมือของอวิ๋นเจี่ยว แล้วพุ่งมีดไปยังคนบนพื้น ท่าทางเหมือนต้องการจะตายพร้อมอีกฝ่าย 

 

 

“อย่า!” ฉีเฉิงที่กำลังผงะนั้นได้สติกลับมาทันที เขาหลบไปทางด้านหลังตามสัญชาติญาณ ก่อนจะหลบไปอยู่ด้านหลังของเหล่าเทียนซือ อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะแก้ตัวว่า “เจ้ากำลังทำอะไร เจ้ายอมแต่งงานกับข้าเอง ไม่เกี่ยวกับข้า!” 

 

 

“เจ้าหุบปาก หากไม่ใช่เจ้าหลอกให้ข้าดื่มของพวกนั้น ข้าจะ…ข้าจะฆ่าเจ้า!” นางพุ่งออกไปอย่างไม่สนใจอะไร เมื่อไร้การควบคุมของหนอนกู่ สติของนางฟื้นคืนกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ความทรงจำก่อนหน้านี้ไม่หายไป นางจำได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง เมื่อตอนนี้มีสติกลับมาแล้ว แต่ก่อนนางหลงใหลฉีเฉิงมากเพียงไหน ตอนนี้ก็รู้สึกขยะแขยงมากเท่านั้น 

 

 

เดิมทีนางเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ แต่กลับถูกเขาทำลายทั้งชีวิต ทันใดนั้นในใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น คิดแต่จะตายไปพร้อมอีกฝ่าย 

 

 

“คุณหนูเซ่า…” เห็นท่าทางทั้งสองคนกำลังจะปะทะกัน เฉินเทียนซือจึงทำได้เพียงรั้งนางเอาไว้ “อย่าบุ่มบ่าม! มันไม่คุ้มค่าที่จะแลกชีวิตกับคนเช่นนี้” 

 

 

นายหญิงฉี…ไม่ ควรจะเรียกว่าคุณหนูตระกูลเซ่าไม่ฟังอะไรทั้งนั้น “หลบไป! ข้าจะฆ่าเขา…ข้าจะฆ่าเดรัจฉานนั่น!” ตัวของนางเต็มไปด้วยความอาฆาต สายตาที่มองไปทางฉีเฉิงแทบจะทิ่มแทงเขาเป็นจำนวนพันหมื่นครั้ง 

 

 

“คุณหนูเซ่า…” เฉินเทียนซือคิดจะห้ามปรามต่อ 

 

 

“หลบไป!” คุณหนูเซ่ายิ่งโกรธเคืองมากขึ้น มือที่จับมีดยิ่งสั่นไม่หยุด “ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าท่านด้วย!” 

 

 

“เขาทำลายชีวิตเจ้าทั้งชีวิต เจ้าจะฆ่าให้เขาตายไปเช่นนี้จะไม่สบายไปหน่อยเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ เดินขึ้นหน้าจับมือที่กำมีดของนางเอาไว้แล้วพูดว่า “เจ้าใจเย็นลงก่อน คิดให้ดีว่าจะแก้แค้นอย่างไรถึงจะคุ้มค่า” ก่อนอื่น อย่าใช้มีดของข้า ขอบคุณ 

 

 

คุณหนูเซ่าผงะ สีหน้ายังคงโกรธเคือง แต่แววตากลับมีความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย นางค่อยๆ วางมือลง อวิ๋นเจี่ยวรับมีดผ่าตัดมาจากมือนาง 

 

 

“ตอนนี้…” อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองฉีเฉิงที่หลบอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าหวาดกลัว “บอกเรื่องลูกแก้วพลังของปีศาจแมวและเด็กในหมู่บ้านได้หรือยัง” 

 

 

ฉีเฉิงในตอนนี้หมดสภาพของนายน้อยตระกูลใหญ่ไปแล้ว บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อคุณหนูเซ่า แต่เขาก็ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับ สายตาล่องลอยไปรอบข้างอย่างลนลาน “ข้า…ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดอะไร ท่านทำอะไรกับภรรยาข้า ทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้!” 

 

 

“ใครเป็นภรรยาเจ้า!” คุณหนูเซ่าโกรธเคือง คิดจะเดินขึ้นหน้าอีกครั้ง แต่ถูกอวิ๋นเจี่ยวดึงกลับมา 

 

 

“ได้! งั้นข้าเปลี่ยนวิธีการพูดอีกแบบ” อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังอีกฝ่าย ก่อนจะพูดเสียงทุ้ม “อาจารย์ที่ลงกู่พิษรักให้ท่าน ตอนนี้อยู่ที่ไหน” 

 

 

สีหน้าของเขาซีดเผือดลงไปทันที สายตาที่มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะหลุดปากพูดออกมา “ทำไมท่าน…” เขาพูดไปได้ครึ่งเดียวก็ชะงักลง สีหน้าเต็มไปด้วยความลนลาน 

 

 

“สงสัยว่าทำไมข้าถึงรู้ใช่ไหม” อวิ๋นเจี่ยวหยิบผ้าผืนหนึ่งออกมา ก่อนจะเช็ดมีดไปพลางพูดไปว่า “เดาได้ไม่ยาก ท่านเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ได้ฝึกฝนทางเต๋าอะไร ลูกแก้วพลังไม่มีประโยชน์อะไรกับท่าน ท่านเปลืองแรงหลอกล่อมารที่ยังเด็ก ก็คงจะต้องมีจุดประสงค์อื่น อีกทั้งภรรยาของท่านโดนพิษกู่พอดี คนโง่ที่ไหนก็สามารถเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองเขาหนึ่งที ก่อนจะพูดต่อว่า “ท่านกับอาจารย์กู่พิษมีข้อแลกเปลี่ยนกัน เขาลงกู่พิษรักให้ท่าน ทำให้ท่านควบคุมคุณหนูเซ่าได้ เมื่อนางแต่งงานกับท่าน ท่านก็จะได้รับสมบัติของตระกูลเซ่า ส่วนท่านก็เพียงแค่หาลูกแก้วพลังให้เขาก็พอ” 

 

 

ตอนที่อยู่สาขาของสำนักเทียนซือ นางก็รู้สึกประหลาดเล็กน้อยแล้ว ทำไมหมู่บ้านบนเขาในเมืองที่ห่างไกลเช่นนี้ถึงมีเงินทองมากมายจ้างเทียนซือถึงสี่คนมาขับไล่มาร อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นเทียนซือระดับหนึ่งดอกไม้ ค่าตอบแทนของเทียนซือระดับดอกไม้และระดับเหรียญทองแดงนั้นแตกต่างกันอย่างมาก เทียนซือที่ได้รับการประเมินว่าเป็นระดับหนึ่งดอกไม้ อย่างน้อยก็เป็นคนระดับหัวกะทิแล้ว 

 

 

สำนักเทียนซือจะไม่ส่งเทียนซือระดับหนึ่งดอกไม้ออกไปตั้งแต่แรกหากยังไม่รู้รายละเอียดของภารกิจ การที่เฉินเทียนซือมาอยู่ที่นี่ เป็นไปได้เพียงมีคนเชิญเขามา และจากการสนทนาของคุณหนูเซ่าเมื่อสักครู่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเฉินเทียนซือเป็นคนที่ตระกูลนางเชิญมา ไม่ไช่ได้รับภารกิจจากสำนักเทียนซือ 

 

 

ซึ่งหมายความว่าตระกูลของคุณหนูเซ่าต้องมีความมั่งคั่งหรือมีฐานะ อย่างน้อยก็มีเบื้องหลังที่ไม่เล็กในเมืองชายแดนแห่งนี้ ส่วนฉีเฉิงนั้นเป็นเพียงคนในตระกูลที่พอมีพอใช้ในหมู่บ้านเล็กนี้ ถึงแม้หัวหน้าหมู่บ้านจะรู้สึกว่าตระกูลฉีมีความร่ำรวย แต่ก็เฉพาะในหมู่บ้านเท่านั้น หากร่ำรวยจริง ทำไมถึงไม่ย้ายไปอยู่ภายในเมืองแทนที่จะมาอยู่ในหมู่บ้านบนเขาเล็กๆ นี้ 

 

 

ความเท่าเทียมกันของตระกูลในยุคสมัยนี้มีความสำคัญมาก ตามสถานะของฉีเฉิงในตอนนี้ คงจะไม่สามารถแต่งงานกับคุณหนูตระกูลเซ่าได้ นอกเสียจากคุณหนูตระกูลเซ่านอกจากเขาแล้วจะไม่ยอมแต่งงานกับคนอื่น หากเป็นเช่นนี้ประโยชน์ของกู่พิษรักจึงมีความสำคัญอย่างมากแล้ว นำลูกแก้วพลังที่ได้มาจากนางมารตัวน้อยที่ไม่รู้ที่มาและไร้เดียงสาไปเพื่อแลกกับกู่พิษรักที่จะทำให้เขาได้รับความมั่งคั่งอย่างมหาศาล ฉีเฉิงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย 

 

 

“ส่วนเด็กเหล่านั้น…” เสียงของต่ำลง ก่อนจะพูดออกมา “อาจารย์กู่พิษคนนั้นคงรู้สึกขาดทุนถ้าใช้ลูกแก้วพลังหนึ่งลูกแลกกับกู่พิษรัก ดังนั้นเขาจึงขอเพิ่มข้อต่อรองกับท่าน” 

 

 

“นายน้อยฉี…ท่าน…” หัวหน้าหมู่บ้านเบิกตาโต สีหน้าเหลือเชื่อ 

 

 

ฉีเฉิงก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ท่าทางราวกับความลับถูกเปิดเผยจนหมด ก่อนจะพูดออกมา “ไม่…ไม่เกี่ยวกับข้า! เขา…เขาจับเด็กพวกนั้นไป เขาบอกว่าบนตัวของเด็กมีพลังบริสุทธิ์…เขาลงพิษกู่บนตัวข้าเหมือนกัน ข้าทำอะไรไม่ได้ ข้า…ข้าหยุดเขาไม่ได้ ทำได้เพียงเชื่อฟังเขา” 

 

 

เป็นเช่นนี้จริงด้วย! 

 

 

เฉินเทียนซือใจร้อน คว้าคอเสื้อของอีกคนแล้วถามขึ้น “คนที่ท่านว่าอยู่ไหน” 

 

 

“ข้า…ข้าไม่รู้” ฉีเฉิงส่ายหัวอย่างแรง “เขาบอกเพียงให้ข้าส่งตัวเด็กไปยังวัดเก่าที่ห่างจากหมู่บ้านทางทิศตะวันออกราวสามลี้ ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่รู้จริงๆ” 

 

 

“สหาย…” คนที่เหลือหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว 

 

 

“ไป!” 

 

 

คนอื่นก็ไม่รีรอ หันหลังเตรียมตัวเดินออกจากประตู ฉีเฉิงราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะพุ่งเข้ามาทันที เขาดึงอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้แล้วพูดว่า “เดี๋ยว! ข้าบอกพวกท่านแล้ว พิษ…พิษกู่บนตัวข้าจะทำอย่างไร” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหน้าดำทะมึน ก่อนจะพูดออกมา “พิษกู่ของท่าน ข้าแก้ไม่ได้!” 

 

 

พูดจบ ก็ไม่ได้สนใจสีหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย และเดินออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว