ตอนที่ 723 สามคดีใหญ่ของไห่รุ่ย

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

กลางดึกคืนนั้น คู่รักทั้งสองกำลังหลับสนิทก่อนที่ทันใดนั้นเสียงร้องไห้จะปลุกให้ถังหนิงตื่นจากการหลับใหล เมื่อรู้ว่าหนึ่งในลูกทั้งสองของเธอกำลังร้องไห้ ถังหนังเตรียมตัวลุกจากเตียงแต่ชายที่อยู่ข้างเธอกลับรีบวิ่งไปอุ้มกั่วกั่วไว้ในอ้อมแขน

 

 

โม่ถิงสัมผัสหน้าผากเด็กน้อยและขมวดคิ้ว “ตัวร้อน เขาต้องมีไข้แน่…”

 

 

หลังได้ยินเช่นนั้น ถังหนิงก็รีบลุกจากเตียงทันที “คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่เด็กจะมีภูมิคุ้มกันต่ำ เธอสอนวิธีลดไข้ให้ฉันนิดหน่อยและบอกเราว่าอย่าตื่นตระหนก”

 

 

“คุณอยู่ที่เตียงเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง” โม่ถิงกล่าวก่อนจะหยิบที่วัดไข้ออกมาแล้วพากั่วกั่วไปยังห้องน้ำ คุณหมอได้สอนพวกเขาให้อาบน้ำอุ่นให้กับเด็กเพื่อช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย

 

 

เด็กน้อยอีกคนที่ยังอยู่ในเปลคือแฝดผู้พี่ ขณะที่เด็กคนที่กำลังป่วยคือแฝดผู้น้องที่ร่างกายบอบบางกว่า ขณะที่โม่ถิงกำลังอาบน้ำให้กั่วกั่ว ถังหนิงได้โทรหาคุณหมอ แม้จะเป็นเวลากลางดึกแล้วแต่คุณหมอก็ยังตอบคำถามคนไข้ของเธออย่างใจเย็น

 

 

ที่จริงนับตั้งแต่เมื่อถังหนิงเริ่มตั้งท้อง หมอหลายคนก็ไม่ได้สังเกตว่าเธอกำลังอุ้มท้องแฝดเพราะแฝดผู้น้องมีพัฒนาการช้ากว่าแฝดผู้พี่ ส่งผลให้แฝดผู้น้องนั้นมีสุขภาพที่อ่อนแอกว่า

 

 

“จะเป็นการดีถ้าคุณไม่เลี้ยงดูเขาเป็นพิเศษ อย่าสร้างนิสัยเลือกปฏิบัติให้เขาตั้งแต่เด็ก ไม่เช่นนั้นแฝดผู้พี่จะสัมผัสได้ถึงความไม่เท่าเทียม”

 

 

หลังได้ยินคำแนะนำของหมอ ทำให้ความกังวลใจของถังหนิงลดลง จากนั้นเธอจึงเดินตามเข้าไปยังห้องน้ำอย่างช้าๆ และเห็นโม่ถิงกำลังเช็ดตัวให้เด็กน้อยภายใต้แสงไฟอบอุ่น ความจริงจังของเขาดูทรงเสน่ห์อย่างมาก

 

 

คำว่า ‘ปะป๊า’ พลันผุดขึ้นมาในใจของถังหนิง

 

 

อาจเป็นเพราะถังหนิงไม่เคยได้สัมผัสความรักของผู้เป็นพ่อมาก่อนในชีวิต การได้เห็นโม่ถิงที่กำลังจริงจังทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ…

 

 

เธอไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแค่ว่าโม่ถิงจะต้องเป็นพ่อที่ดีแน่นอน!

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ซ่งซินคุกเข่าด้วยความสับสนอยู่ต่อหน้าบรรพบุรุษของเธอตลอดทั้งคืน เดิมทีเธออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากพ่อบ้าน แต่พ่อบ้านเองก็ไม่รู้ว่าทำไมผู้อาวุโสซ่งถึงโกรธถึงขนาดนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ผู้อาวุโสซ่งยังสั่งให้เขาคอยควบคุมการลงโทษซ่งซินอย่างเข้มงวดอีกด้วย หากชายชราจับได้ว่าพ่อบ้านโอนอ่อนให้ซ่งซิน เขาจะถูกลงโทษเป็นสองเท่า

 

 

เช้าวันต่อมา ทันทีที่แสงอาทิตย์สาดส่อง ซ่งซินถูกผู้อาวุโสซ่งลากขึ้นรถก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งตัว เธอไม่รู้เลยว่ากำลังจะมุ่งหน้าไปนที่ไหน

 

 

“คุณปู่… อย่างน้อยช่วยบอกหนูหน่อยเถอะว่าทำไมหนูถึงต้องคุกเข่าต่อหน้าบรรพบุรุษตลอดทั้งคืนแบบนี้”

 

 

“หลานจะรู้เมื่อเราไปถึงที่หมาย” ผู้อาวุโสซ่งคำราม

 

 

“คุณปู่ไม่เคยทำกับหนูแบบนี้ คุณปู่กำลังรักแกหนูเพราะหนูไม่มีพ่อแม่หรือใครให้พึ่งใช่ไหม”

 

 

“ไม่มีใครให้พึ่งงั้นเรอะ” ผู้อาวุโสยกมือขึ้นอีกครั้งและพร้อมที่จะตบหน้าซ่งซิน แต่ซ่งซินพลันยืนหน้าและร้องตะโกน “ตบหนูเท่าที่คุณปู่ต้องการเลย หนูไม่สามารถหนีไปไหนได้อยู่แล้ว”

 

 

ได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสซ่งกลับใจเย็นลงอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่เขาลดมือลงนั้น เขาหยิบมวนบุหรี่ขึ้นจุดและสูบเฮือกใหญ่ “ซินซิน เราสองคนใช้ชีวิตด้วยกันมานานหลายปีและปู่ให้ทุกอย่างที่หลานต้องการมาตลอด แต่หมู่นี่ปู่เริ่มรู้สึกราวกับหลานเป็นคนแปลกหน้า หลานซ่อนอะไรไม่ให้ปู่รู้อยู่หรือเปล่า”

 

 

ซ่งซินพลันตัวแข็งทื่อด้วยความรู้สึกผิดแต่แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรผิดปกติ “คุณปู่ไปได้ยินข่าวลือมั่วๆ มาจากไหนเหรอคะ”

 

 

“หลานเคยสั่งให้ต้วนจิ่งหงไปทำอะไรที่เป็นอันตรายกับคนอื่นหรือเปล่า” ผู้อาวุโสซ่งถามพลางมองดูซ่งซินด้วยความจริงจัง

 

 

“คุณปู่… จะเป็นไปได้ยังไงกัน หนูเป็นผู้บริสุทธิ์นะ!”

 

 

“แต่ต้วนจิ่งหงมีหลักฐานว่าหลานทำร้ายฮั่วจิงจิงกับลูกของถังหนิง!”

 

 

ได้ยินเช่นนั้น อุ้งมือทั้งสองข้างของซ่งซินเริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่เธอตกอยู่ในความหวาดวิตก แต่หลังจากคิดถึงสิ่งต่างๆ อย่างเงียบๆ เธอจำได้ว่าเธอแทบไม่เคยออกปากสั่งต้วนจิ่งหงเลย แล้วผู้หญิงคนนั้นจะมีหลักฐานได้อย่างไร

 

 

นี่มันกับดักของถังหนิงไม่ใช่หรือ

 

 

ดังนั้นเธอจึงหันกลับไปอีกด้านและพยายามเปิดประตูรถ “เปิดประตูนะ ฉันจะออกไป!”

 

 

“วันนี้หลานจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”

 

 

“คุณปู่ไปเชื่อคำพูดของถังหนิงได้ยังไง หนูจะไปทำอะไรอย่างที่มันพูดได้ยังไงกัน ถังหนิงได้เอาหลักฐานให้คุณปู่ดูหรือเปล่า คุณปู่ไปเชื่อมันทั้งอย่างนั้นได้ยังไง ถ้าหนูบอกว่าหนูไม่ได้ทำก็คือหนูไม่ได้ทำ” ซ่งซินโต้แย้ง จากนั้นเธอลุกขึ้นจากที่นั่งด้านหลังและเข้าขัดขวางการขับรถของคนขับรถ

 

 

คนขับรถตกใจและเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน แต่สายเกินไป…

 

 

รถของพวกเขาได้ชนเข้ากับราวกันของสะพานหินที่กำลังขับผ่านและเกือบจะตกลงจากสะพาน

 

 

ซ่งซินปลอดภัยเพราะการปกป้องของผู้อาวุโสซ่ง แต่ศีรษะของผู้อาวุโสซ่งกระแทกเข้ากับกระจกรถและชุ่มโชกไปด้วยเลือด

 

 

“คุณปู่… คุณปู่คะ…”

 

 

ผู้อาวุโสซ่งถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ซ่งซินทั้งโกรธและหงุดหงิด เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด หลังพิจารณาตัวเลือกทั้งหมดที่เธอมี เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาเซียวอวี่เหอ “ฉันมีอะไรจะบอก…”

 

 

แม้เธอจะถูกต้วนจิ่งหงแทงข้างหลัง เธอก็ยังเป็นคนระแวดระวังเสมอ ไม่น่าเป็นไปได้ที่เธอจะปล่อยให้ต้วนจิ่งหงมีหลักฐานใดๆ ในมือ

 

 

ดังนั้นเธอจึงมั่นใจว่าไห่รุ่ยไม่น่าสร้างหลักฐานอะไรขึ้นมาได้ คนพวกนั้นใช้อุบายหลอกชายชราให้ยอมประนีประนอมด้วย เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจที่สุด!

 

 

ในเมื่อถังหนิงหน้าด้านและทำให้ชีวิตปู่ของเธอต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องออมมือเช่นกัน

 

 

 

 

[ข่าวด่วน เวลาแปดนาฬิกาเช้าวันนี้ ได้รับรายงานอุบัติเหตุทางรถยนต์บริเวณสะพานหินใกล้ถนนจงหวน ผู้สื่อข่าวของเราได้รับการยืนยันว่าผู้ประสบเหตุดังกล่าวคือซ่งซินที่กำลังโด่งดังในขณะนี้และสมาชิกในครอบครัวของเธอ ผู้สื่อข่าวยังยืนยันอีกด้วยว่าปู่ของซ่งซินและคนขับกำลังอยู่ระหว่างการผ่าตัดอยู่ในห้องผ่าตัด ขณะที่ซ่งซินรอดมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน]

 

 

[นักข่าวของเราได้สัมภาษณ์ซ่งซินหลังอุบัติเหตุในครั้งนี้ แต่เขาต้องประหลาดใจเมื่อซ่งซินไม่ได้พูดถึงความช็อคของเธอแต่กลับพูดถึงความไม่พอใจที่เธอมีต่อคนคนหนึ่ง หากคุณต้องการทราบความจริง กรุณาติดตามการรายงานจากนักข่าวของเราหลังจากนี้]

 

 

[ซ่งซิน นักแต่งเพลงและนักเขียนชื่อดัง กล่าวว่าเหตุการณ์อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะไห่รุ่ย!]

 

 

“ทุกท่านทราบดีเกี่ยวกับความไม่ลงรอยกันระหว่างฉันกับไห่รุ่ย หลังจากขั้นตอนทางกฎหมายสิ้นสุดลง ตอนแรกฉันคิดว่าหากฉันอดทนอีกสักหน่อยทุกอย่างคงจะสิ้นสุดลง เพราะฉันจะไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคนพวกนั้นอีก แต่ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่าไห่รุ่ยจะทำถึงขนาดทำร้ายสมาชิกในครอบครัวของฉัน!

 

 

“ตอนนี้ฉันต้องการฟ้องร้องไห่รุ่ยในสามข้อหาหลัก หนึ่ง พวกเขาบีบบังคับศิลปินเพื่อรับประกันตำแหน่งของถังหนิงให้อยู่ในจุดสูงสุด สอง ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์ของผู้อาวุโสอู๋ แต่หลังจากใครบางคนโยนความผิดและทำให้ฉันตกเป็นผู้ต้องสงสัย ไห่รุ่ยไม่ได้ออกมาชี้แจงข้ออ้างต่างๆ พวกเขากดดันฉันเพราะต้วนจิ่งหงถูกจับได้ว่าเป็นขโมย แต่พวกเขากลับเบี่ยงเบนและช่วยให้ต้วนจิ่งหงได้เดบิวต์เป็นศิลปินในค่าย ใช่ค่ะจิ้งหงแห่งวงเอโอบีเป็นอดีตผู้จัดการของฉันเอง!

 

 

“และตอนนี้สิ่งที่รับไม่ได้ยิ่งกว่าคือพวกเขาสร้างเรื่องโกหกมาเป่าหูคุณปู่ของฉันให้เป็นปรปักษ์กับฉัน ทำให้เขาต้องประสบอุบัติเหตุ ฉันขอเตือนคุณนะโม่ถิง ฉันจะไม่ยอมจบเรื่องนี้แน่!”