“แต่ในโลกออนไลน์ผู้คนต่างพูดกันว่าภาพยนตร์ของถังหนิงถูกบีบให้ต้องปรับแก้และถังหนิงเองก็ถูกแบนอย่างลับๆ เพราะคุณปู่ของคุณใช้เส้นสายในเรื่องนี้” นักข่าวขุดหลุมรอให้ซ่งซินตกหลุมพราง เพราะตอนนี้ซ่งซินกำลังตามืดบอดด้วยความโกรธ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะหลุดปากพูดออกมา

 

 

“ถ้าคุณปู่ของฉันทำได้ขนาดนั้น ฉันจะยังถูกไห่รุ่ยรังแกอยู่แบบนี้เหรอคะ” ซ่งซินตอบอย่างเหยียดหยันพลางใช้หางตามองไปยังนักข่าวคนนั้น

 

 

“ถ้าอย่างนั้น ต้วนจิ่งหงที่ถูกจับได้ว่าเป็นขโมยเป็นคนเดียวกับจิ่งหงที่ตอนนี้อยู่ในวงเอโอบีจริงเหรอครับ” นักข่าวถาม

 

 

“คุณจะรู้เรื่องนี้ทันทีที่คุณเห็นภาพที่กำลังอยู่ในโลกออนไลน์ เธอแอบเข้าไปในห้องทำงานของโม่ถิงและถูกหมากัด หลังจากนั้นด้วยวิธีการบางอย่าง เธอก็ได้แปลงโฉมและเดบิวต์เป็นศิลปินคนหนึ่งของค่าย ถึงเหตุการณ์นั้นจะผ่านมาสองเดือนแล้ว ฉันก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า ฉันไม่อยากเชื่อว่าเธอจะเป็นอดีตผู้จัดการของฉัน ไร้ยางอายสิ้นดี!”

 

 

“แล้วอุบัติเหตุในวันนี้ล่ะครับ คุณอธิบายรายละเอียดได้ไหม”

 

 

 

 

สาธารณะได้รับรู้ข้อโต้แย้งในวงการบันเทิงมามากพอแล้ว

 

 

ทุกคนมักอ้างว่าตนเองเป็นเหยื่อเสมอ แต่เมื่อใดก็ตามที่คนเหล่านั้นถูกเปิดโปง พวกเขาจะพูดไร้ยางอายอย่างที่สุด

 

 

เรื่องส่วนใหญ่ไห่รุ่ยไม่จำเป็นต้องออกมาอธิบายเพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระทั่วไป แต่เมื่อเป็นเรื่องของต้วนจิ่งหง ประชาชนกลับมองไห่รุ่ยต่างออกไป

 

 

หากต้วนจิ่งหงเป็นคนเดียวกันกับต้วนจิ่งหงที่เคยพยายามขโมยของจากไห่รุ่ยจริง ทำไมการตอบสนองในของไห่รุ่ยถึงแปลกนัก

 

 

ถ้าหัวขโมยกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ นั่นหมายความว่าไห่รุ่ยกำลังสร้างภาพลักษณ์แบบไหนสู่สาธารณะกันล่ะ

 

 

ความจริงนั้น ไห่รุ่ยได้จัดการเรื่องนี้อย่างลับๆ เมื่อโม่ถิงต้องการให้ต้วนจิ่งหงเดบิวต์ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องเตรียมการสิ่งสำคัญต่างๆ เอาไว้แล้ว ส่งผลให้ไม่มีใครสามารถหารูปของต้วนจิ่งหงนับจากตอนที่เธอถูกจับได้ว่าเป็นขโมยและถูกสุนัขกัดได้เลย ดังนั้นด้วยรูปโฉมที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของต้วนจิ่งหง ตราบใดที่ทีมประชาสัมพันธ์ของไห่รุ่ยยืนกรานว่าทั้งสองไม่ใช่คนคนเดียวกัน ก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เพราะไม่มีใครสามารถหาอะไรมาเปรียบเทียบคนทั้งสองได้

 

 

หลังได้เห็นข่าวดังกล่าว ถังหนิงโทรหาต้วนจิ่งหง “ไม่ต้องห่วง ทำหน้าที่ของเธอต่อไปเถอะ ไม่มีใครสามารถยืนยันตัวตนของเธอได้แน่นอน”

 

 

แม้ต้วนจิ่งหงจะรู้ดีว่าไห่รุ่ยนั้นทรงอำนาจมากแค่ไหน แต่ทันทีที่เธอได้ยินคำว่า ‘ขโมย’ เธอก็ไม่อาจควบคุมความกังวลได้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็คือต้วนจิ่งหง ต้วนจิ่งหงคนที่ถูกสุนัขกัดหลังจากแอบลักลอบเข้าไปภายในห้องทำงานของโม่ถิง

 

 

ก่อนหน้านี้เธอพึ่งพาโชคมาตลอด เธอคิดว่าเธอหากเธอไม่เปิดโปงซ่งซิน ซ่งซินก็จะไม่เที่ยวป่าวประกาศเรื่องของเธอ แต่…

 

 

…คนอย่างซ่งซินนั้น…

 

 

…ไร้หัวใจ!

 

 

เพราะเธอคิดเอาเองว่าต้วนจิ่งหงไม่มีหลักฐานอะไรในมือ

 

 

“ถังหนิง…”

 

 

“จ๊ะ” ก่อนที่ถังหนิงจะทันได้วางสาย ต้วนจิ่งหงเรียกเธอเอาไว้ “ที่จริงฉันคิดว่ามันน่าจะพอแล้วละมั้ง”

 

 

“อะไรพองั้นเหรอ”

 

 

“ฉันได้ลิ้มรสความสำเร็จแล้ว แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในที่สุดฉันก็เชื่อในสิ่งที่คุณพูดเรื่องที่ว่าท้ายที่สุดคนที่ติดค้างและคนที่ทำผิดจะต้องชดใช้ ดังนั้นฉันไม่อยากจะหลบซ่อนตัวอีกแล้ว!” ต้วนจิ่งหงกล่าวหลังจากรวบรวมความกล้า “ฉันอยากจะขอให้ท่านประธานไม่ต้องเตรียมแผนประชาสัมพันธ์อะไรให้ฉันอีก ถึงฉันจะรู้ว่าเส้นทางไปสู่การเป็นดาราของฉันจะปราศจากปัญหาหลังจากไห่รุ่ยใช้เวทมนตร์วิเศษก็ตามที แต่ฉันไม่ใช่คนที่ไม่มีชนักติดหลัง

 

 

“ถังหนิง ฉันขอโทษด้วยที่ก่อนหน้านี้เคยทำอะไรคุณและเพื่อนของคุณ ฉันขอโทษจริงๆ

 

 

“ฉันไม่รู้จะชดใช้ตราบาปของตัวเองและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณได้ยังไง”

 

 

ณ ปลายสายอีกด้านหนึ่ง ถังหนิงยังคงเงียบอีกชั่วครู่ก่อนในที่สุดเธอจะเอ่ยขึ้น “เธอคิดเรื่องนี้ดีแล้วใช่ไหม”

 

 

“ฉันไม่เคยแน่ใจเท่านี้มาก่อนเลย” ต้วนจิ่งหงยิ้ม “หลังจากที่ฉันก้าวออกไป ฉันอาจจะพังยับเยินแต่ฉันคิดจะใช้ชีวิตที่ซื่อตรงมากกว่านี้ ถังหนิง ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างที่คุณทำให้ฉันนะ”

 

 

ถังหนิงไม่ห้ามต้วนจิ่งหง เพราะต่อให้อีกฝ่ายกำลังจะสูญเสียทุกอย่าง เธอก็กำลังจะเป็นอิสระทางใจเช่นกัน

 

 

“เธอวางแผนจะทำอะไรล่ะ”

 

 

“ฉันจะโจมตีผู้หญิงคนนั้นแบบซึ่งๆ หน้า” ถังหนิงหัวเราะ “ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันแค่หวังว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน คุณจะช่วยดูแลพ่อแม่ของฉันแทนฉันด้วย พวกท่านเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้โลภมากเหมือนฉัน”

 

 

“ไม่ต้องห่วง!”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ต้วนจิ่งหงยิ้มให้ถังหนิงและกล่าวคำอำลา

 

 

ครั้งหนึ่งถังหนิงเคยให้คำมั่นกับเธอว่าต่อให้ซ่งซินถูกเปิดโปง เธอก็จะไม่ถูกประณามไปด้วย ในตอนนั้นเธอรู้สึกว่าถังหนิงกำลังหลอกล่อเธออยู่ แต่ตอนนี้เธอกลับต้องการที่จะถูกประณาม ด้วยวิธีนี้เธอจะไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป ถังหนิงสามารถรักษาคำพูดของตัวเองได้แน่แต่ต้วนจิ่งหงไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว…

 

 

[ไห่รุ่ยเงียบมาตลอดเลย ทำไมแผนกประชาสัมพันธ์ถึงไม่ทำอะไรสักอย่าง]

 

 

[ฉันพยายามหารูปของต้วนจิ่งหงแต่เจอแต่รูปเบลอๆ ที่ไม่เห็นเหมือนอย่างที่ซ่งซินพูดเลย]

 

 

[ซ่งซินไม่เห็นอธิบายเรื่องอุบัติเหตุให้ชัดเจนเลย ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าใครเป็นคนผิดกันแน่]

 

 

[ถังหนิง ออกมาพูดอะไรสักอย่างสิ อย่าช่วยให้หัวขโมยกลายเป็นดารานะ]

 

 

[ทุกอย่างที่ฉันเห็นในโลกออนไลน์มีแต่ความไม่พอใจของซ่งซินทั้งนั้น ไห่รุ่ยไม่เห็นออกมาโต้ตอบอะไรเลยสักคำ ฉันสงสัยจริงว่าความจริงคืออะไรกันแน่ ฉันรู้สึกว่ามันต้องมีความลับใหญ่บางอย่างซ่อนอยู่ในเรื่องทั้งหมดแน่]

 

 

[ฉันก็คิดเหมือนกัน!]

 

 

[ฉันด้วย +1]

 

 

ท้ายที่สุด ไห่รุ่ยยังคงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนี้ขณะที่ความไม่พอใจของซ่งซินกระจายไปทั่วทุกหัวระแหงให้ทุกคนได้สนุกกับมันอีกหน่อย

 

 

ในที่สุดผู้อาวุโสซ่งและคนขับรถได้ออกจากห้องผ่าตัดราวห้าถึงหกชั่วโมงหลังจากนั้น เนื่องจากผู้อาวุโสซ่งมีอายุมากแล้วทำให้เขายังคงไม่ได้สติ ในขณะที่คนขับรถฟื้นคืนสติเป็นคนแรก

 

 

ซ่งซินยืนดูแลอยู่ข้างเตียงของคนขับรถ ทันทีที่เขาได้สติ เธอรีบพุ่งตัวเข้าหาเขาและถาม “ลุงเฉิน เป็นยังไงบ้าง”

 

 

“คุณหนู…”

 

 

“ลุงยังจำได้ไหมว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไง” ซ่งซินถามทันทีที่เธอเห็นเขาเริ่มได้สติ

 

 

“ผมจำได้ว่าเป็นคุณหนูที่…”

 

 

“ไม่ใช่! ไม่ใช่ฉัน… ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยทั้งนั้น” ซ่งซินกล่าวก่อนจะโน้มตัวไปใกล้อีกฝ่ายและข่มขู่ “ถ้าลุงกล้าบอกสื่อว่าฉันเป็นคนทำให้เกิดอุบัติเหตุละก็ ระวังครอบครัวของลุงเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน”

 

 

ดวงตาลุงเฉินเบิกโพลง แต่เขาไม่พูดอะไรอีก

 

 

ซ่งซินสรุปเอาเองว่าลุงเฉินได้ยอมรับคำขู่ของเธอและจะไม่พูดอะไร ดังนั้นเธอจึงกล่าว “ลุงเฉิน พักผ่อนเถอะนะ ฉันจะไปดูคุณปู่สักหน่อย”

 

 

ลุงเฉินกะพริบตาปริบๆ ขณะที่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อสิ่งที่เขาพูดมาเคลื่อนมาถึงปาก เขาก็กลืนมันกลับไปจนหมด

 

 

เขาเป็นคนมีศีลธรรมมาตลอดชีวิต ใครจะไปคิดว่าทันทีที่เขาประสบอุบัติเหตุ เขาจะถูกข่มขู่เช่นนี้

 

 

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความผิดของซ่งซิน…

 

 

ลุงเฉินรู้ดีว่าเขาจะทำอะไร เขารู้ดีว่าคำบางคำจะมีค่าก็ต่อเมื่อถูกพูดโดยคนที่มีอำนาจเท่านั้น

 

 

แต่ซ่งซินไม่รู้ตัวเลยว่าครั้งนี้เธอได้ขุดหลุมฝังตัวเองเสียแล้ว…

 

 

หากซ่งซินไม่ได้หุนหันพลันแล่นไปเรียกร้องให้ไห่รุ่ยออกมาเคลื่อนไหว เธอก็คงไม่ได้กระตุ้นต่อมของต้วนจิ่งหง…

 

 

เพราะในขณะที่ซ่งซินนั้นกล้าเพียงแค่แสดงท่าทีผยองต่อหน้าสื่อ…

 

 

…ต้วนจิ่งหงได้เข้ามอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว!