ตอนที่ 96 รายการของขวัญ

ปฏิญญาค่าแค้น

กว่าผู้ดูแลซึ่งอยู่บริเวณตีนเขาจะพาคนขึ้นมา หลินหลันก็ชำระล้างร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน แล้วขึ้นเอนกายลงบนเตียงนอนของตนเองเรียบร้อยแล้ว หยินหลิ่วกำลังร้องไห้อยู่ข้างๆ โดยมีเสียงเคร่งขรึมของแม่โจวว่ากล่าวไม่ขาดสาย “เมื่อก่อนเห็นเจ้ายังพอมีความฉลาดหลักแหลมอยู่บ้าง ตอนนี้ชักจะเลอะเลือนไร้สมองไปกันใหญ่แล้ว หากหวังพึ่งพาเจ้า คงสายเกินไปเป็นแน่… 

 

 

พวกเราเป็นข้ารับใช้ มิใช่เพียงตักน้ำ รินชา ปัดกวาด เช็ดถู ที่สำคัญยิ่งคือต้องหัดใช้สมองครุ่นคิดเมื่อผู้เป็นนายเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก แล้วดูเจ้าสิ นับแต่มายังเมืองหลวง กลับเหลวไหลเป็นเช่นนี้ไปได้ เห็นทีว่าข้าคงต้องรีบส่งเจ้ากลับไปเมืองเฟิงอานเสียสิ้นเรื่อง…” 

 

 

“พอแล้วๆ แม่โจว ท่านก็อย่าได้ว่ากล่าวนางเลย นางไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย ภูเขากว้างใหญ่ขนาดนั้น และท้องฟ้าก็มืดค่ำ หากเป็นข้าก็คงหาไม่เจอเช่นกัน” หลินหลันเห็นหยินหลิ่วร้องไห้จนขอบตาแดงก่ำและบวมเปล่ง จึงอดรนทนไม่ไหว แม้ว่าหยินหลิ่วมิใช่สาวใช้ที่มีความสามารถอะไรมากมาย ทว่าหยินหลิ่วนางจงรักภักดีและซื่อสัตย์เป็นที่หนึ่งในบรรดาสาวใช้ 

 

 

“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ท่านอย่ามัวปกป้องนางอยู่เลย ไม่สั่งสอนให้เข็ดราบ นางคงไม่รู้จักเข็ดจักจำ” แม่โจวเอ่ยก่อนจะหันไปจ้องเขม็งใส่หยินหลิ่ว 

 

 

หยินหลิ่วร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่มีหน้าขอความเห็นใจให้แก่ตนเอง 

 

 

“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ตรงนี้ทาเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ลองดูว่ายังมีตรงไหนต้องทาอีกหรือไม่เจ้าคะ” ป๋ายฮุ่ยวางยาทาลง แล้วค่อยๆ คลี่ชายแขนเสื้อของนายหญิงน้อยลงอย่างละเมียดละไม 

 

 

“ไม่ต้องแล้ว บนขาเดี๋ยวข้าทาเองก็ได้ พวกเจ้าวุ่นวายกันมาครึ่งค่อนคืนแล้ว รีบไปนอนพักผ่อนกันเถิด” หลินหลันหยิบยามาไว้ แล้วสั่งการให้พวกนางรีบไปพักผ่อน 

 

 

ป๋ายฮุ่ยไม่วางใจ “ให้ข้าน้อยช่วยเถอะเจ้าค่ะ! เอ้อร์เส้าหน่ายนายยังมีบาดแผลที่มือด้วยนะเจ้าคะ!” 

 

 

หลินหลันชายตามองหยินหลิ่วที่ร้องไห้ราวกับลูกแมว “ให้หยินหลิ่วจัดการเถอะ! ถือว่าคืนนี้ลงโทษให้นางคอยอยู่ปรนนิบัติในนี้เลยแล้วกัน” 

 

 

นัยน์ตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใสของหยินหลิ่วเผยให้เห็นความซาบซึ้งใจ นายหญิงน้อยของนางยังยินยอมให้นางรับใช้ 

 

 

แม่โจวแอบถอนหายใจ จิ้มนิ้วลงไปที่ขมับศีรษะของหยินหลิ่ว “วันหน้าวันหลังทำอะไรก็หัดใช้สมองให้เยอะๆ เข้าไว้” 

 

 

หยินหลิ่วพยักหน้าระรัว “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ” 

 

 

หลี่หมิงอวินให้ตงจึมอบเงินจำนวนหนึ่งให้ผู้ดูแล “ดึกดื่นเช่นนี้ทำให้พวกท่านลำบากขึ้นลงเขา ต้องขออภัยด้วยจริงๆ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ถือว่าเลี้ยงสุราแด่พวกท่าน จะได้คลายความเหนื่อยล้าแล้วกัน!” 

 

 

หัวเด็ดตีนขาดผู้ดูแลก็ไม่ยอมรับไว้ “เรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดข้าน้อย ที่ไม่ได้เอ่ยเตือนกงจื่อไว้เสียก่อนว่าบนเขามีหลุมกับดัก จนทำให้ฟูเหรินได้รับอันตราย ยังดีที่ฟูเหรินปลอดภัยแล้ว มิเช่นนั้นข้าน้อยคงไม่เป็นอันสงบใจได้ เงินนี่จึงไม่อาจรับได้ขอรับ หากกงจื่อมีเรื่องอันใดขอเพียงสั่งการมา ข้าน้อยจะมาทันทีที่ท่านต้องการขอรับ” 

 

 

หลี่หมิงอวินดื้อดึงต้องการให้ให้ได้ ส่วนทางด้านนั้นดื้อดึงที่จะไม่รับเอาไว้ แล้วนำคนเดินจากไป ทำให้หลี่หมิงอวินรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก 

 

 

“ผู้ดูแลของบ้านนี้ไม่เลวเลยนะขอรับ” ตงจึเอ่ยชื่นชม 

 

 

หลี่หมิงอวินเห็นด้วยอย่างยิ่ง เจ้านายเป็นคนเช่นไรก็จะมีลูกน้องเป็นคนเช่นนั้น ผู้ดูแลรู้จักถ่อมตนเข้าใจในเหตุและผล สำหรับผู้เป็นเจ้านายคงยิ่งไม่ต้องพูดถึง จึงรู้สึกอยากผูกมิตรกับบุคคลเช่นนี้ขึ้นมาเสียแล้ว 

 

 

หลี่หมิงอวินกลับถึงห้องนอน ขณะนั้นหยินหลิ่วกำลังทายาให้หลินหลัน 

 

 

หยินหลิ่วเห็นนายน้อยเข้ามา นึกไปถึงตอนที่นายน้อยมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวเมื่อก่อนหน้า นัยน์ตาของเขาราวกับจะเขมือบคนทั้งคน อดรู้สึกเกรงกลัวไม่ได้ นางรีบลุกขึ้นยืนแล้วขยับไปด้านข้าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เอ้อร์เส้าเหยีย…” 

 

 

หลี่หมิงอวินรู้ว่าหยินหลิ่วเข้ากับหลินหลันได้ดีที่สุด เห็นหลินหลันให้คนอื่นๆ ออกไปจนหมด เหลือไว้เพียงหยินหลิ่วไว้คอยให้การปรนนิบัติ ก็เข้าใจถึงความนึกคิดของหลินหลันได้ทันที “นำตลับยาส่งมาให้ข้า แล้วเจ้าออกไปเถอะ!” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย 

 

 

หยินหลิ่วมองไปยังนายหญิงน้อยอย่างเก้ๆ กังๆ 

 

 

หลินหลันบุ้ยปากให้นางเป็นการบอกใบ้ หยินหลิ่วถึงได้ยื่นตลับยาให้แก่นายน้อย ตามด้วยโน้มตัวลงอย่างนอบน้อมแล้วเดินออกไป 

 

 

หลี่หมิงอวินสะบัดชายเสื้อตัวยาว นั่งลงบนขอบเตียงนอนอย่างสง่างาม เตรียมจะช่วยนางทายา กลับเห็นหลินหลันปล่อยชายขากางเกงลงมาแล้วดึงผ้าห่มมาปิดเท้าของตนเองไว้ “ทาเกือบหมดแล้วล่ะ” นางกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย 

 

 

อะไรที่เรียกว่าทาเกือบหมดแล้วหรือ หลี่หมิงอวินขมวดคิ้ว “ให้ข้าดูบาดแผลของเจ้าหน่อย” 

 

 

“ไม่มีอะไรร้ายแรงจริงๆ ก็แค่ถลอกนิดหน่อยเท่านั้น” หลินหลันยิ้มเจื่อน ไม่ใช่ว่านางแสร้งทำทีรักนวลสงวนตัว ทว่า นางไม่กล้าให้เขาดูจริงๆ 

 

 

“ร้ายแรงหรือไม่ ให้ข้าเป็นคนตัดสิน” หลี่หมิงอวินเอ่ยภายใต้สีหน้าเคร่งครึม 

 

 

“ข้าเป็นถึงหมอเชียวนะ!” หลินหลันกล่าว 

 

 

หลี่หมิงอวินกระแอม “ข้าเป็นสามีเจ้า” 

 

 

หลินหลันพูดโพล่งออกมา “แบบปลอมๆ” 

 

 

หลี่หมิงอวินถูกประโยคเมื่อครู่โจมตีถึงขั้นสำลัก แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดแต่อย่างใด ทำเพียงมองนางอย่างสงบนิ่ง ท่าทีราวกับว่า เจ้าไม่ให้ข้าดู ข้าก็จะอยู่กับเจ้าในท่าทางเช่นนี้นี่ล่ะ 

 

 

หลินหลันดื้อดึงอยู่สักพัก ท้ายที่สุดก็ยอมแพ้ แล้วเอ่ยเสียงอ่อนออกไป “งั้นเจ้าเห็นแล้วห้ามโกรธเชียวนะ” 

 

 

หลี่หมิงอวินส่งเสียงกระแอม “เห็นแล้วค่อยว่ากัน” 

 

 

“รับปากแล้วค่อยดู” หลินหลันเอ่ย 

 

 

ดวงตากลมโตของทั้งสองจ้องใส่กันไม่ลดละ และนิ่งเงียบไปชั่วขณะ หลี่หมิงอวินเห็นนางมุ่ยปาก นี่มันสีหน้าอารมณ์อันแสนน่ารักชัดๆ แต่เพราะสีหน้าซีดเสียวเกินไป จึงชวนให้รู้สึกสงสาร เขาเลยอดใจอ่อนไม่ได้ “ก็ได้! ไม่โกรธก็ได้” 

 

 

หลินหลันถึงได้ยอมม้วนขากางเกงขึ้นอย่างระมัดระวัง 

 

 

เห็นถึงรอยช้ำอย่างรุนแรงจากกลางน่องถึงหัวเข่า และร่องรอยบาดแผลถลอกปลอกเปิดจนเห็นคราบเลือดที่ยังคงเหลือ ชวนให้รู้สึกตกใจ 

 

 

สีหน้าของหลี่หมิงอวินดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นนัยน์ตาของเขายังเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เขาหยิบสำลีป้ายลงบนยาทาโดยไม่เอ่ยปากสักคำเช็ด ลงมือเช็ดลงไปเบาๆ บริเวณรอบๆ ปากแผล และเป่าลมเบาๆ ขณะเช็ดบาดแผลให้ 

 

 

สัมผัสของเขาแสนอ่อนโยน ให้การจดจ่ออย่างระมัดระวัง เรียกได้ว่าทำได้ละเมียดระไมกว่าป๋ายฮุ่ยและหยินหลิ่วเสียด้วยซ้ำ หลินหลันกัดริมฝีปากล่าง ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองอยู่เล็กน้อย 

 

 

“เจ็บไหม” เขาทาลงไปยังตำแหน่งที่สาหัสสุด เอ่ยถามด้วยความกังวล 

 

 

“ไม่เจ็บ…” นางสะกดเสียงต่ำอย่างฝืนๆ เล็กน้อย 

 

 

หลี่หมิงอวินเงยหน้ามองนาง รู้สึกสงสารจับใจ จึงสัมผัสโดยให้เบามือยิ่งกว่าเดิม พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ครั้งนี้ถือว่าเจ้าดวงแข็ง วันหลังอย่าได้เที่ยววิ่งเล่นไปทั่วภูเขาอีก ต้องการสมุนไพรใดก็ไปซื้อที่ร้านขายยาเสีย” 

 

 

“อือ…” หลินหลันขานรับอย่างว่านอนสอนง่าย เขาไม่โกรธก็เป็นพอ 

 

 

“รักษาแผลให้หายไวๆ มิเช่นนั้น งานฉลองครบหนึ่งเดือนของท่านเจ้าพระยาจิ้งเจ้าก็คงไปร่วมด้วยไม่ได้แล้ว” 

 

 

“อือ…” 

 

 

“ระยะนี้ก็อยู่อ่านตำราเป็นเพื่อนข้าแล้วกัน หากเจ้ารู้สึกเบื่อ ในห้องหนังสือมีตำราทั่วไปไว้อ่านเล่นอยู่หลายเล่ม ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ไว้เจ้าลองอ่านดูได้” 

 

 

“อือ…” 

 

 

“ไว้หลังจากกลับไป เจ้าก็ควรเรียนรู้ดูแลเรื่องในบ้านในเรือนได้แล้ว…” 

 

 

“หืม?” หลินหลันมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ “ดูแลเรื่องในบ้านในเรือน?” 

 

 

หลังหลี่หมิงอวินทายาให้นางเป็นที่เรียบร้อย ก็นำผ้าขาวบางสำหรับพันแผล มาช่วยพันให้นางอย่างระมัดระวัง พลางเอ่ยด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ก็ดูแลเรื่องในบ้านในเรือนของเราไงล่ะ” 

 

 

หลินหลันไม่เข้าใจ “มิใช่ว่าข้าก็ดูแลอยู่ตลอดหรือ” 

 

 

หลี่หมิงอวินตวัดสายตายมองไปที่นาง “นั่นเรียกการดูแลงั้นหรือ” 

 

 

หลินหลันหมดคำจะโต้เถียง งั้นต้องทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าได้ดูแล น่าสับสนชะมัด… 

 

 

หลี่หมิงอวินผูกผ้าพันแผลเรียบร้อย ช่วยนางคลี่ขากางเกงลง “ไม่ต้องสงสัยแล้ว ไว้ถึงเวลาเจ้าก็รู้เอง” 

 

 

เห็นบาดแผลดูรุนแรง ทว่าล้วนเป็นการบาดเจ็บภายนอก รักษาไม่กี่วันบาดแผลก็สมานกันเป็นที่เรียบร้อย เมื่อถึงเวลาลงเขา หลินหลันสามารถวิ่งได้สบายปรื๋อ ทว่าขากลับครั้งนี้หลี่หมิงอวินบังคับให้นางนั่งแคร่ไม้ไผ่ลงไป เมื่อลงมายังตีนเขาก็ขึ้นรถม้าทันที เมื่อกลับถึงจวนหลี่ก็ถูกบังคับขึ้นนั่งเกี้ยวไปตลอดจนส่งนางถึงเรือนหลั้วเซี๋ยจาย 

 

 

หลินหลันแอบบ่นอุบอิบภายในใจ นี่ก็ออกจะตื่นตูมเกินไปแล้ว 

 

 

เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน หลินหลันถึงกับตกตะลึงอย่างมาก 

 

 

อวี้หลงยื่นรายกายของขวัญขนาดหนาตึ่บให้แก่นาง “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ของเหล่านี้ล้วนถูกส่งมาเพื่อแสดงความยินดีในช่วงที่ท่านและเส้าเหยียไม่อยู่เจ้าค่ะ” 

 

 

หลินหลันพลิกเปิดทีละเล่ม คิดคำนวณอยู่ในใจ สิ่งของเหล่านี้เมื่อคิดเป็นเงิน คงเป็นจำนวนเงินไม่น้อยทีเดียวเชียว! 

 

 

“เอ้อร์เส้าเหยียดูแล้วหรือยัง” 

 

 

“เอ้อร์เส้าเหยียไม่ดูเจ้าค่ะ บอกเพียงว่าให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายจัดการเจ้าค่ะ” อวี้หลงตอบ 

 

 

“ของล่ะ?” หลินหลันถาม 

 

 

อวี้หลงกล่าวภายใต้สีหน้าลังเลใจ “ของทั้งหมดฮูหยินรับไว้เจ้าค่ะ! ส่งมาให้เพียงรายการของขวัญเท่านั้น” 

 

 

“อะไรนะ” หลินหลันใส่อารมณ์เล็กน้อย อดขึ้นเสียงสูงไม่ได้ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ส่งใบรายการของขวัญมา แต่ไม่ส่งสิ่งของมาด้วยงั้นหรือ 

 

 

“ข้าน้อยก็คับข้องใจในเรื่องนี้เช่นกันเจ้าค่ะ! ไม่เข้าใจว่าการที่ฮูหยินทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” อวี้หลงแสดงออกทางสีหน้าถึงความเหลืออด 

 

 

“เรื่องนี้นายท่านใหญ่รู้หรือไม่” 

 

 

อวี้หลงกล่าว “ของที่ส่งมาเหล่าเหยียล้วนรับทราบเจ้าค่ะ ของเกือบทั้งหมดล้วนเป็นเหล่าเหยียรับมอบไว้ ทว่าเหล่าเหยียมีหน้าทีออกรับไว้เท่านั้น ส่วนเรื่องการจัดเก็บหลังรับมาแล้ว เกรงว่าคงจะไม่ทราบแน่ชัดหรอกเจ้าค่ะ” 

 

 

หลินหลันกัดฟัน เดินวนไปมาให้รอบอยู่หลายหน “ไม่เป็นไร ข้าจะคิดหาวิธีหยั่งเชิงฮูหยินดู หากนางส่งมอบสิ่งของมาให้แต่โดยดี ก็แล้วไป หากไม่ล่ะก็ ข้าจะทำให้นางเห็นดีกัน” 

 

 

อวี้หลงกล่าว “จริงเจ้าค่ะ จะเอาของของผู้อื่นไปเปล่าๆ ได้อย่างไรกัน เรื่องนี้ต้องรีบจัดการให้ไวที่สุด เมื่อก่อนข้าน้อยได้ยินว่ามีแม่สามีบางคนหุบสินสอดของสะใภ้ บอกว่าจะไม่แตะต้องแม้แต่สลึงเดียว แต่กลับแอบทำของลอกเลียบแบบอย่างลับๆ แล้วเปลี่ยนเอาของแท้ไปจนหมด จนกระทั่งแยกบ้านออกไป ถึงได้รู้ว่าทั้งหมดนั่นคือของปลอม ถึงตอนนั้นก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว ไปพูดว่ากล่าวอะไร ก็จะกลายเป็นถูกเขาตำหนิกลับมา ว่าแต่งเข้ามาเพราะอยากได้ของเหล่านี้ ที่ไหนได้ล้วนเป็นของปลอมทั้งสิ้น!” 

 

 

ก็เป็นไปได้ คนอย่างแม่มดชราผู้นี้มีอะไรบ้างที่จะทำไม่ได้ “หยินหลิ่ว นำที่ฝนหมึกมาให้ข้าที” 

 

 

หยินหลิ่วขานรับแล้วไปนำที่ฝนหมึกมาให้ 

 

 

“เดี๋ยวข้าเรียบเรียงของขวัญบนใบรายการนี่ให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วไว้คืนนี้จะไปถามฮูหยินเพื่อนำกลับคืนมา” 

 

 

อวี้หลงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย “ฮูหยินจะยินยอมหรือเจ้าคะ” 

 

 

“เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนาง” หลินหลันเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม 

 

 

หลินหลันใช้เวลาไปกว่าหนึ่งชั่วยาม ถึงได้จัดเรียงรายการของขวัญออกตามประเภทเรียบร้อย 

 

 

หลี่หมิงอวินออกไปทำธุระข้างนอก โดยเมื่อถึงเวลามื้อค่ำให้ตงจึกลับมาบอกกล่าว่าเขาจะกลับมาทานมื้อค่ำช้าหน่อย ให้หลินหลันรับประทานไปก่อนไม่ต้องรอเขา 

 

 

หลังจากหลินหลันรับประทานมื้อค่ำแล้ว ก็มุ่งไปยังโถงหนิงเฮ๋อโดยมีหรูอี้ติดสอยห้อยตามไปด้วย 

 

 

แม่มดชราเผยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อหลินหลันเข้าพบ นางสั่งการให้ชุนซิ่งจัดหาที่นั่งสำหรับหลินหลัน 

 

 

“เข้าที่พักนั่นเป็นอย่างไรบ้างหรือ” ฮานชิวเยว่เอ่ยถามด้วยเนื้อเสียงนุ่มนวล 

 

 

หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ที่นั่นค่อนข้างดีเลยเจ้าค่ะ โดยเฉพาะความเงียบสงบ” 

 

 

“เห็นสีหน้าค่าตาเจ้าดีทีเดียว ใบหน้าก็ดูกลมกว่าตอนก่อนออกจากบ้านไปเล็กน้อย เห็นท่าจะดีจริงๆ” ฮานชิวเยว่กล่าวภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มและย้ำเสียงอ่อนโยน 

 

 

หลินหลันแอบคิดในใจ เป็นเพราะหลี่หมิงอวินนั่นแหละ ที่ขุนนางด้วยไก่เป็ดปลาเนื้ออยู่ทุกวัน อีกทั้งไม่อนุญาตให้นางออกไปข้างนอก แล้วจะไม่อ้วนขึ้นได้หรือ “ท่ามกลางภูเขาเงียบสงบ ไม่มีเรื่องอันใดต้องทำ จึงเป็นธรรมดาที่จะอ้วนขึ้นเจ้าค่ะ ไม่เหมือนอยู่บ้าน เรื่องจิปาทะกองโต วันนี้เพิ่งกลับมา ลำพังเรียบเรียงรายการของขวัญก็ยุ่งไปทั่งช่วงบ่ายแล้วเจ้าค่ะ ผู้คนเหล่านี้ก็ช่างมีน้ำใจเหลือเกินนะเจ้าคะ หมิงอวินยังไม่ทันผ่านการสอบฮุ่ยซื่อ พวกเราก็ส่งของขวัญมามากมายขนาดนี้เสียแล้ว” นางกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ 

 

 

ฮานชิวเยว่ยังคงกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม “นั่นมิใช่เป็นเพราะหมิงอวินคือบุตรชายของราชเลขากรมพระคลังหรอกหรือ คนบางส่วนในปกติแล้วไม่อาจเข้าถึงได้ จึงถือโอกาสครั้งนี้ในการเชื่อมสัมพันธ์เสียเลย” 

 

 

หลินหลันหัวเราะแห้งๆ แม่มดชราเข้าใจพูดดีนี่ ความหมายของนางคือ ของขวัญเหล่านี้ล้วนส่งมาด้วยเห็นแก่หน้าของท่านพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอาย ดังนั้น นางจะเก็บเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด 

 

 

“ที่ท่านแม่พูดก็ถูกเจ้าค่ะ ทว่าในรายการของขวัญล้วนเป็นชื่อของหมิงอวินทั้งสิ้น น้ำใจจากคนเหล่านี้ หมิงอวินยังต้องตอบแทนในภายภาคหน้านะเจ้าคะ” หลินหลันเอ่ยด้วยท่าทียิ้มแย้ม