ตอนที่ 34.3 คิดจะปล้นชิง (3)

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“มีบางคนกำลังมา โปรดระวังตัวกันด้วย”

แม้ว่านางจะไม่ยังไม่แน่ใจว่ากลุ่มคนเหล่านั้นเป็นใครและจะมีเจตนาร้ายหรือไม่ แต่อดีตนักฆ่าสาวก็ยังต้องเอ่ยปากเตือนทุกคนออกไป

ฉีอวี้และคนอื่นๆ รู้ดีว่าฉินอวี้โม่มีประสาทสัมผัสที่ไวกว่าพวกตนมาก ฉะนั้นในทันทีที่นางเอ่ยปากเตือน พวกเขาก็หยุดมือจากงานที่กำลังทำและเดินมารวมกลุ่มกันอย่างรวดเร็ว

หลัวเจี๋ยยิ้มออกมาและส่งกริชน้ำแข็งให้ฉินอวี้โม่

“ครั้งนี้เห็นชัดว่าผู้ชนะก็คือแม่นางฉินอวี้โม่ กริชน้ำแข็งเล่มนี้เป็นรางวัลของเจ้า รับไปสิ”

ฉินอวี้โม่รับกริชมาจากมือของหลัวเจี๋ยอย่างไม่เกรงใจ

“ส่วนเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นพวกเจ้าก็จัดการกันเองแล้วกัน ข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซง”

เมื่อรู้สึกว่าคนกลุ่มนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว หลัวเจี๋ยก็ยิ้มมุมปากแล้วกระโดดกลับขึ้นไปนั่งกัดผลผิงกั๋วอยู่บนต้นไม้ตามเดิม

และทันทีที่หลัวเจี๋ยนั่งลงคนกลุ่มนั้นก็มาถึงอย่างพอดิบพอดี

“ดูนี่สินายน้อย มีซากหมาป่าตายเต็มไปหมดเลย”

คนผู้แรกที่มาเป็นบุรุษ เมื่อได้เห็นซากหมาป่าสายลมจำนวนมากที่ตายอยู่บนพื้น เข้าก็หันไปเอ่ยกับชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของกลุ่ม

“แบบนี้พวกเราก็รวยแล้วสิ?”

ชายอีกคนเอ่ยขึ้นมาพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

“นายน้อย ที่พวกเรากะว่าจะเข้ามาในป่าแสงจันทร์แห่งนี้เพื่อล่าอสูรมายาและนำแก่นมายาและแกนชีวิตกลับไป ตอนแรกก็คิดว่าจะกลับกันมือเปล่าซะแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเข้ามาจะมาเจอกองสมบัติแบบนี้”

ชายที่มาถึงเป็นคนแรกกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“เจ้าพวกซื่อบื้อ ยังไม่ไปเอาแก่นมายาและแกนชีวิตออกมากันอีกรึ มัวแต่ยืนเซ่อพูดมากอยู่ทำไม?”

ชายผู้เป็นหัวหน้าตวาดลูกน้องทั้งสองด้วยความขุ่นเคือง

เขาก็คือหลานชายของเจ้าเมืองเยว่กวางแห่งนี้ มีนามว่าหลี่หลินครั้งนี้ที่เข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะเข้าร่วมเทศกาลอสูรล้อมเมือง แต่เนื่องจากเดินทางถึงที่นี่ล่วงหน้านานหลายวันทำให้เกิดความเบื่อหน่าย วันนี้เขาจึงพาคนเข้ามาในป่าแสงจันทร์หวังจะออกแรงล่าอสูรมายาแก้เบื่อ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงป่าแห่งนี้แล้ว เขาก็พบว่าเหยื่อที่นี่หากไม่แข็งแกร่งจนเกินไปก็เป็นพวกระดับต่ำที่ไร้มูลค่า  ทำให้การเดินทางออกมาล่าสัตว์ในวันนี้แทบจะสูญเปล่า  พวกเขายังไม่ได้สิ่งใดติดไม้ติดมือกลับไปเลย

ทว่าในตอนที่เขากำลังจะพาคนกลับออกไปนั้น หลี่หลินก็บังเอิญได้ยินเสียงคำรามดังขึ้นจากทางด้านนี้  ซึ่งทันทีที่มาถึงก็เห็นได้ซากของหมาป่าสายลมนอนตายเกลื่อนกลาดอยู่เช่นนี้แล้ว

แม้ว่าหมาป่าสายลมจะไม่ใช่อสูรมายาระดับสูงมากนัก แต่แก่นมายาและแกนชีวิตของพวกมันก็พอจะมีมูลค่า  และก็ยังดีกว่าที่จะเขาไม่ได้สิ่งใดกลับไปเลย

คณะผู้มาใหม่กวาดสายตามองหมาป่าสายลมที่ตายเกลื่อนอยู่ตามพื้นแต่กลับมองไม่เห็นฉินอวี้โม่และคนอื่นๆ

“ขอรับ พวกเราจะรีบเอานำแก่นมายาและแกนชีวิตของพวกมันออกมา”

ชายผู้เป็นลูกน้องของหลี่หลินก้มศีรษะครั้งหนึ่งเป็นการรับคำสั่ง ก่อนจะเดินตรงไปยังซากหมาป่าสายลมโดยไม่ลังเล

ทว่าทันทีที่เขาดังเอากระบี่ออกมาและเกือบจะเฉือนซากของหมาป่าสายลมนั้น  เขาก็รู้สึกว่ามีก้อนหินก้อนหนึ่งพุ่งเข้ามากระแทกด้ามกระบี่อย่างแรงจนมันหลุดกระเด็นออกไปจากเมืองของเขา

“เฮ้ เฮ้ เห็นพวกเราเป็นตอไม้รึไง!”

ฉินอวี้โม่และพวกพ้องยืนอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มของหลี่หลิน พวกนางมีกันถึงสี่คน  แต่ทว่าตั้งแต่เดินเข้ามาคนพวกนี้กลับไม่คิดที่จะมองพวกนางเลย เอาแต่สนใจซากของอสูรมายาที่พวกนางสังหารเท่านั้น

ที่สำคัญพวกเขาไม่เพียงแค่สนใจแต่ยังถึงกับคิดที่จะชิงเอาแก่นมายาและแกนชีวิตของอสูรมายาเหล่านี้ไปด้วย

อันที่จริง ที่นี่มีซากของหมาป่าสายลมอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าหากว่าพวกเขาเข้ามาขอดีๆ อย่างมีมารยาท ฉินอวี้โม่ก็คงยอมใจดีแบ่งบางส่วนให้ได้อย่างไม่มีปัญหา

แต่กลุ่มคนเหล่านี้กลับเพิกเฉยต่อพวกนางราวกับไม่มีตัวตนและเข้าไปเอาแก่นมายาและแกนชีวิตจากซากหมาป่าเหล่านี้โดยไม่ได้รับอนุญาตหน้าตาเฉย และไม่คิดจะถามหาเจ้าของ แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูผู้ผันตัวมาทำกิจการล่าอสูร…ไม่มีวันยอม!

และผลลัพธ์ก็คือ….ฉินอวี้โม่ปาก้อนหินออกไปปะทะกระบี่ของชายที่กำลังจะชิงแก่นมายาและแกนชีวิตของนางจนมันปลิวหลุดจากมือ