ตอนที่ 543 สะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

บนแท่นสังเวยเหล่านั้น รูปสลักหินกำลังฟื้นคืนชีพมาด้วยความเร็วอันคงที่ วงจรพยุหะหมุนวนในดวงตาของฉินมู่ และเขาเพ่งสายตาไปด้วยความสงสัยอยู่เล็กน้อย

เทวรูปเหล่านั้นล้วนแต่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ หนึ่งนั้นเป็นเทพเจ้าหลังเต่า และอีกหนึ่งเป็นเทพเจ้าหางเสือดาว บ้างก็เป็นเทพหัวนก และบ้านก็เป็นเทพหัวมังกร กับอย่างอื่นๆ อีกมากมาย มีแท่นสังเวยทั้งหมดยี่สิบสี่แท่น และมีร่างเทวาที่แตกต่างกันทั้งหมดยี่สิบสี่ร่าง

แต่ทว่า ฉินมู่รู้สึกเหมือนกับเคยเห็นเทพเจ้าพวกนี้ที่ไหนมาก่อน

รูปสลักหินในแดนโบราณวินาศ! เขาระลึกได้ในที่สุด รูปสลักที่เขารู้สึกคุ้นตาเหล่านี้มาจากแดนโบราณวินาศ!

นี่หมายความว่า พวกมันทั้งหมดก็น่าจะมาจากที่นั่น!

รูปสลักหินกำลังจะกลายเป็นเทพเจ้า และมันหมายความว่ารูปสลักหินทั้งหมดในแดนโบราณวินาศอาจจะสามารถฟื้นคืนชีพมาได้ พวกเขาสามารถกลับมาเป็นเทพเจ้าตัวเป็นๆ อันยืนยันข้อสันนิษฐานก่อนหน้าของเขา!

รูปสลักหินยี่สิบสี่รูปเข้ามาในสวรรค์ไท่หวง ดังนั้นมันก็จะมีเทพเจ้ายี่สิบสี่ตนที่มาช่วยเสริมกำลังให้แก่พวกเขา เทพเหล่านั้นน่าจะเป็นสหายของนักบุญคนตัดไม้ และกำลังฝีมือพวกเขาจะต้องไม่ธรรมดา

กระนั้นนักบุญคนตัดไม้ก็ยังกล่าวว่าพวกเขามิอาจป้องกันการรุกรานของเผ่ามารได้ ทำได้เพียงถ่วงเวลาไปสักระยะเท่านั้น

เช่นนั้นเผ่ามารนี่มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่

ทำไมพวกเขาถึงมีกำลังความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้

เมื่อเขาเอ่ยคำถามพวกนี้ออกไป นักบุญคนตัดไม้ก็มองไปที่รูปสลักหินทั้งหลาย และนิ่งขรึมไปพักหนึ่ง

“ที่มาที่ไปของเผ่ามารพวกนี้ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ข้าเองก็ไม่กระจ่างชัด แต่ทว่า มีคำร่ำลือกันว่าพวกมันมาจากแดนใต้พิภพ เป็นสิ่งมีชีวิตของที่นั่น กล่าวกันว่าพวกมันแยกตัวมันเองออกมา แต่ข้าไม่รู้ว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ เผ่ามารมีโลกมิติในครอบครองหลายโลกมิติ และกำลังฝีมือของพวกเขาก็ล้วนแต่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาว่าสวรรค์ไท่หวงไม่สามารถป้องกันพวกมันได้”

ฉินมู่หัวใจสะท้านเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นมีความสัมพันธ์อะไรระหว่างมารพวกนี้กับสภาสวรรค์เที่ยงแท้ที่ว่าๆ กัน อันได้ทำลายกวาดล้างยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง เจ๋อหัวหลีมาจากสถานที่นั้น และอาจารย์ของเขาลั่วอู๋ชวงก็เป็นถึงผู้นำของทัพหลิงซิ่วแห่งสภาสวรรค์ เขาได้ส่งศิษย์ของตนลงมาฝึกฝนท่ามกลางเผ่ามาร ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าสองอิทธิพลอำนาจนี้มีความเกี่ยวข้องกัน”

“พวกเขาเกี่ยวข้องกัน และมิใช่ในฐานะนายเหนือหัวและผู้อยู่ใต้บัญชา” นักบุญคนตัดไม้รู้เรื่องนี้ค่อนข้างมาก แต่เขาไม่อธิบายโดยละเอียด “ความสัมพันธ์ของพวกเขาเหมือนกับคนสองคนที่ต่างใช้ประโยชน์จากกันและกัน สภาสวรรค์ที่ว่าๆ กันนั้นมักจะใช้สอยเผ่ามารให้ทำเรื่องที่พวกเขาไม่สะดวกจะทำ และเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ เผ่ามารก็ยินดีที่จะถูกใช้สอย จิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าได้ท่องเที่ยวไปในจักรวาลมาหลายต่อหลายปีเพื่อเสาะหาที่มาที่ไปของสภาสวรรค์ แต่ข้าไม่พบเบาะแสที่มีประโยชน์เลย”

เขาเหยียบขึ้นไปบนอากาศ และเดินตรงไปยังแท่นสังเวย “ในเมื่อเจ้าอยู่ในสวรรค์ไท่หวงแล้ว งั้นก็จงอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝนสักหน่อย ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ”

ฉินมู่กำลังจะวิ่งไล่ตามไป แต่เขาเห็นนักบุญคนตัดไม้ก้าวห่างไปๆ ทุกที ห้วงอวกาศที่ย่างก้าวหนึ่งของเขาข้ามไป ดูเผินๆ ปกติธรรมดา แต่จริงๆ แล้วกว้างไกลอย่างยิ่ง ทำให้เขาไม่มีทางไล่ตามทัน “ครูบาศักดิ์สิทธิ์ ข้ายังมีเรื่องที่อยากถาม!”

แต่ทว่า นักบุญคนตัดไม้ได้จากไปยังทิศไกลๆ แล้ว และวรยุทธของฉินมู่ก็ไม่เพียงพอที่เสียงเขาจะเดินทางไปได้ไกลขนาดนั้น

“เสือน้อย อยู่กับเขา” เสียงของนักบุญคนตัดไม้ดังมาจากไกลๆ “อย่าปล่อยให้เขาก่อเรื่องวุ่นวายไปทุกหนทุกแห่ง”

เทพเสือขนดำรับคำและมายังข้างหลังฉินมู่ เงามหึมาของมันทอดคลุมเด็กหนุ่มเอาไว้

ฉินมู่แย้มยิ้มและกล่าว “นักบุญคนตัดไม้ตัดสินคนได้ไม่แม่นยำเอาเสียเลย ข้าเป็นจ้าวลัทธิศักดิ์สิทธิ์และไม่ใช่เด็กๆ เช่นนั้นข้าจะก่อเรื่องวุ่นวายได้อย่างไร”

เทพเสือขนดำมองลงไปที่เขาด้วยสีหน้าดำมืด “เจ้าไม่ตระหนักตัวเองเลยหรือเรื่องที่เจ้าก่อเรื่องไปทุกหนทุกแห่งน่ะ”

ฉินมู่เงยหน้าขึ้น เสือเทพยดาขนดำนั้นสูงจนเกินไป ทำให้เวลาคุยกับเขานั้นเมื่อยคอเป็นอย่างยิ่ง “ศิษย์พี่เสือ ท่านย่อหดตัวเองลงได้ไหม”

“ศิษย์พี่?” สีหน้าของเสือเทพยดาขนดำพลันเปลี่ยนเป็นแช่มชื่น หูสองหูเขาตั้งขึ้นมาทันที ทำให้เขาดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เห็นแก่ที่เจ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่ ข้าจะไม่ยืนค้ำหัวเจ้าสูงขนาดนี้ เจ้าก็เห็นด้วยใช่ไหมว่า ข้าไม่ใช่เพียงแค่สัตว์ขี่ของนายท่านเท่านั้น แต่ยังเป็นศิษย์ของเขาอีกด้วย ดังนั้นในด้านอาวุโสแล้ว เจ้าก็ควรจะเรียกข้าว่าศิษย์พี่จริงๆ นั่นแหละ”

ร่างของเขาค่อยๆ ย่อหดลง และผ่านไปสักพัก ความสูงของเขาก็กลับมาไล่เลี่ยกับฉินมู่ และเขาดูเหมือนกับเด็กหนุ่มที่มีหัวเป็นเสือ เพียงแต่ว่าหูของเขานั้นคล่องแคล่วเป็นอย่างยิ่ง และคอยแต่กระดิกไปกระดิกมาตลอดเวลา

“ศิษย์พี่เสือ ครูบาศักดิ์สิทธิ์บอกว่าอย่าก่อเรื่องวุ่นวาย แต่ไม่ใช่ว่าอย่าก่อเรื่องใหญ่ การก่อเรื่องวุ่นวายและการก่อเรื่องใหญ่นั้นมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก อันไม่อาจนับรวมกันได้” ฉินมู่กล่าวอย่างจริงจัง

เทพเสือขนดำไม่หลงลมเขา และส่ายหัว “นายท่านบอกให้ข้าจับตาดูเจ้า ดังนั้นข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าเล็ดลอดสายตาไป”

ฉินมู่ปวดหัวตึบ แต่ก็ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายติดตามเขาไป พลางครุ่นคิด ข้ากะว่าจะให้ครูบาศักดิ์สิทธิ์ช่วยข้าออกแบบสะพานโลกาที่เชื่อมต่อระหว่างสันตินิรันดร์กับสวรรค์ไท่หวง แต่เขามีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ดังนั้นดูเหมือนว่าข้าคงได้แต่ต้องลงมือทำเองคนเดียวเสียแล้ว

เมืองหลีกลายเป็นพลุกพล่าน และเขาไม่รู้จักใครสักคน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ปักหลักอยู่ที่ป้อมปราการเมือง เขานำกองกระดาษและเครื่องมือคำนวณออกมาเพื่อเริ่มคำนวณและออกแบบสะพานโลกา

เสือเทพยดาขนดำยืนอยู่ข้างหลังเขา และมองอยู่เป็นเวลานาน เมื่อความสงสัยสะกิดใจเขาจนทนคันไม่ไหว เขาก็ถามในที่สุด “เจ้ากำลังคำนวณอะไร”

ฉินมู่ตอบโดยไม่เงยหน้า “ข้ากำลังคำนวณสมการการแลกเปลี่ยนพลังจิตวิญญาณ และอีกสมการที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายมัน ข้าต้องการรู้อัตราแลกเปลี่ยนของพลังจิตวิญญาณสำหรับผู้ฝึกวิชาเทวะจากโลกที่ต่างกัน เช่นเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยนของการย้ายสลับระหว่างสองโลกมิติ”

สิ่งที่เขากล่าวนั้นค่อนข้างลึกซึ้ง แต่เทพเสือขนดำก็เข้าใจมัน เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “สมการในการแลกเปลี่ยนพลังจิตวิญญาณคือวิธีบูชายัญโลหิต และสมการสำหรับการย้ายสลับพลังจิตวิญญาณก็คือวิธีการทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล ใช่หรือไม่”

ฉินมู่เงยหน้าขึ้นและมองเขาด้วยความไม่เชื่อสายตา

สองสมการนี้ต้องอาศัยการคำนวณที่มากมายมหาศาล และเกี่ยวพันกับวิชาความรู้มากมายสารพัน อันรวมถึงการแลกเปลี่ยนดวงวิญญาณ กายเนื้อ และพลังงาน นี่ยังคงรวมไปถึงการเคลื่อนย้ายข้ามห้วงอวกาศ และการคำนวณย้ายสลับ หากว่านี่เอาไปให้ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวงชมดู พวกเขาก็คงงงเป็นไก่ตาแตกหลังจากที่ฟังทั้งหมดนั่น แต่ทว่า เทพเสือขนดำสามารถค้นพบและกล่าวประเด็นสำคัญออกมาได้ภายในประโยคเดียว!

จริงสิ เขาเป็นสัตว์ขี่ของครูบาศักดิ์สิทธิ์ และคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตของครูบาก็มีวิธีการคำนวณอันลึกล้ำ เขาคงจะได้เรียนมาสักหน่อยหลังจากที่ฟังมันอยู่ซ้ำๆ

ฉินมู่จึงถามหยั่ง “ความสำเร็จเชิงคำนวณของพี่เสือเป็นอย่างไรหรือ”

เสือเทพยดาขนดำหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากพื้นและกล่าว “ข้าสังเกตว่ามีความผิดพลาดในการคำนวณของเจ้าอยู่จุดหนึ่ง ตรงนี้แหละที่ผิด”

ฉินมู่มองไปที่กระดาษ และรีบใช้เครื่องมือคำนวณต่างๆ ของเขาเพื่อคำนวณใหม่อีกครั้ง มันมีข้อผิดพลาดอยู่จริงๆ

เด็กหนุ่มประทับใจ “การคำนวณของพี่เสือทั้งลึกล้ำ รวดเร็ว และแม่นยำเสียยิ่งกว่าข้า น้องชายโง่เขลาผู้นี้ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง สมการทั้งสองนี้ค่อนข้างยาก และมีหลายประเด็นที่ต้องไขและแก้ พี่เสือท่านช่วยข้าได้หรือไม่”

เสือเทพยดาขนดำยิ้มให้แก่เขา “ตราบเท่าที่เจ้าไม่ก่อเรื่องวุ่นวาย ช่วยเจ้าไปก็ไม่มีปัญหา แล้วเหตุผลที่เจ้าคิดคำนวณนี้ล่ะ? เจ้าต้องการจะสร้างอะไรขึ้นมาจากสมการ”

ฉินมู่บอกเขาเกี่ยวกับสะพานโลกาที่เขาวางแผนว่าจะก่อสร้าง และนำเอาแท่นสังเวยกับธงเคลื่อนย้ายระยะไกลที่เขาออกแบบออกมาแสดงให้ดู “ข้าใช้วิธีนี้และแทนตัวแม่ทัพมารตนหนึ่งเพื่อมายังสวรรค์ไท่หวง แต่ทว่า ในตอนนี้ข้าต้องการก่อสร้างสะพานโลกาเพื่อเชื่อมต่อสันตินิรันดร์กับสวรรค์ไท่หวงเข้าด้วยกัน สะพานนี้จะต้องเสถียรมั่นคงมากๆ เพื่อให้บุคคลสามารถเดินทางข้ามไปมาระหว่างสองโลกได้”

เทพเสือขนดำพึมพำกับตนเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “นั่นก็จะเป็นสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณข้ามมิติ มันสามารถออกแบบเป็นปล่องช่องทางได้ หลังจากที่มันเปิดออก พลังจิตวิญญาณของทั้งสองโลกก็จะไหลผ่านกันไปมาในทันที หากว่าผู้คนจากสวรรค์ไท่หวงต้องการไปยังสันตินิรันดร์ สันตินิรันดร์ก็จะต้องสูญเสียพลังงานไปจำนวนหนึ่ง ในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน…เจ้านับว่ามีความคิดไม่เลวเลย ศิษย์น้อง!”

เขาตบบ่าฉินมู่อย่างแรง และสีหน้าของเด็กหนุ่มบิดเบี้ยว เขาต่อไหล่ที่หลุดกึ๊กของเขาอย่างเงียบเชียบ และยอมแพ้ราบคาบต่อเทพเสือขนดำ

ความคิดหนึ่งพุ่งวาบมาในจิตคิดของเทพเสือขนดำ และเขาปรบมือเปาะ “ข้ามีความคิดหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องออกแบบแท่นสังเวยใหม่ ในเมื่อนายท่านมีอันใหญ่มหึมาที่พร้อมใช้อยู่แล้ว และมันก็ยังมีแท่นสังเวยที่คล้ายคลึงกันในแดนโบราณวินาศ อันเป็นเส้นทางถอยที่นายท่านได้ทิ้งเอาไว้ให้ตนเอง หากว่าสวรรค์ไท่หวงถูกรุกรานจนต้านไม่อยู่ เขาก็จะใช้เพื่อถอยกลับไป”

“แท่นสังเวยทั้งสองใช้เพื่ออัญเชิญเทพเที่ยงแท้ ดังนั้นมันจึงสามารถใช้เชื่อมต่อสะพานโลกาได้ ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพลังงานจะติดขัดและสะพานก็จะพังทลาย ปัญหาเดียวก็มีเพียงแค่การคิดคำนวณสองสมการนี้เท่านั้น!”

ฉินมู่ตื่นเต้น ไม่เพียงแต่เสือเทพยดาขนดำจะวิ่งได้เร็ว แต่ความสำเร็จของเขาในเชิงคำนวณยังลึกล้ำอย่างไม่คาดคิดอีกด้วย ขนาดฉินมู่เองก็ไม่เก่งเท่ากับเขา ด้วยความช่วยเหลือของเขาสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณที่เชื่อมข้ามสองโลกมิติก็สามารถก่อสร้างขึ้นมาได้เร็วขึ้นกว่าเดิม และเชื่อมต่อสวรรค์ไท่หวงกับสันตินิรันดร์!

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงกิเลนมังกรขึ้นมา และรู้สึกรวดร้าวใจอย่างบอกไม่ถูก พวกเขาทั้งคู่เป็นสัตว์ขี่ แต่กระนั้น พี่เสือก็ยังวิ่งได้เร็วกว่า ขั้นวรยุทธเขาสูงกว่าด้วย แถมเขายังไม่เลือกกินอาหารและความเชี่ยวชาญการคำนวณของเขาก็ลึกล้ำยิ่งกว่าข้า…

ไม่นานเขาก็ละทิ้งความเปรี้ยวฝาดในหัวใจ และทุ่มเทพลังทั้งหมดในการคิดคำนวณทุกสิ่งทุกอย่างกับเสือเทพยดาขนดำ

ความเร็วการคิดคำนวณของอีกฝ่ายนั้นน่าตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ฉินมู่จำเป็นต้องใช้แผ่นไท่จี่ แผ่นผังแปด และอาวุธวิญญาณสำหรับการคำนวณอื่นๆ เพื่อก่อสร้างขึ้นมาเป็นเครื่องมือคำนวณมหึมาเพื่อให้ตามเขาทัน

ในท้ายที่สุด เขาก็ได้แต่ยกอาวุธวิญญาณเครื่องมือคำนวณให้เทพเสือ และปล่อยให้ฝ่ายนั้นคิดคำนวณ ส่วนเขาเป็นคนป้อนความคิด

“เครื่องมือการคำนวณที่เจ้าเตรียมเอาไว้มันน้อยเกินไป เดี๋ยวข้าจะสร้างเพิ่มอีก!”

เมื่อเสือเทพยดาขนดำกล่าวเช่นนั้น เขาก็หลอมสร้างอาวุธวิญญาณคำนวณขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นควบคุมช่วงใช้เครื่องมือการคำนวณขนาดใหญ่หกชิ้นพร้อมๆ กัน

มังกรอ้วนก็ไม่รู้วิธีการหลอมสร้างอาวุธวิญญาณเหมือนกัน… ฉินมู่รู้สึกเปรี้ยวฝาดขึ้นมาอีกครั้ง

เขาบอกความคิดของเขาเกี่ยวกับสมการ และเทพเสือขนดำก็ขานคำตอบกลับไปโดยพลัน ความเร็วของเขาเร็วอย่างยิ่งยวด

หนึ่งเสือและหนึ่งคนไม่พักผ่อนนอนหลับ คิดคำนวณอย่างไม่หยุดพักในป้อมปราการเมืองหลีฝั่งประตูทิศตะวันออก หลังจากนั้นแปดวัน ในป้อมปราการก็เต็มไปด้วยปึกกระดาษตั้งอยู่เป็นกองๆ

ทันใดนั้น เสียงของซังฮั่วก็ดังมา “พี่ชายนักฟาดฟ่อนข้าว พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ที่นี่”

ฉินมู่เงยหน้าขึ้นมาจากกองกระดาษ ดวงตาของเขาแดงซ่านจากความเหนื่อยอ่อน เขาเห็นซังฮั่ว อวี่เหอ ฉู่เหยา และผู้ฝึกวิชาเทวะเยาว์จำนวนหนึ่ง พวกเขามองไปรอบๆ ด้วยความสงสัยใคร่รู้

ทุกคนตื่นตะลึงจากที่ได้เห็นกระดาษเขียนข้อมูลที่ตั้งสูงท่วมหัวคน และพวกมันก็ถูกจัดเรียงไว้เป็นแถวๆ อย่างเป็นระเบียบ ที่ใจกลางกองตั้งกระดาษ ฉินมู่และเทพหัวเสือมีถุงใต้ตาดำคล้ำภายใต้ดวงตาอันแดงซ่าน หนวดเคราของฉินมู่ได้กลายเป็นตอชี้โด่ชี้เด่ไปเรียบร้อยแล้ว แต่เขาไม่สนใจรูปโฉมของตนในตอนนี้เลยสักนิด

“ที่แท้ก็คือพวกเจ้านี่เอง” ฉินมู่เบือนสายตาไปและเขียนบนกระดาษต่อ “พวกเจ้ารอสักครู่ พี่เสือและข้าเพิ่งสิ้นสุดการคำนวณสมการทั้งสองและกำลังใช้มันเพื่อคิดคำนวณอักษรรูนย้ายสลับพลังจิตวิญญาณห้วงมิติ พวกเรากำลังออกแบบโครงรูปสิ่งก่อสร้างของสะพานโลกา”

อวี่เหอ ฉู่เหยา และผู้ฝึกวิชาเทวะที่เหลือมองมาที่เขาด้วยสายตางงงัน ผ่านไปสักพัก ฉู่เหยาก็ถามอย่างกระมิดกระเมี้ยน “ศิษย์น้องซังฮั่ว เจ้าเข้าใจที่เขาพูดสักอย่างไหม”

เด็กสาวส่ายหัวด้วยสีหน้าว่างเปล่า

ฉินมู่และเทพเสือขนดำแปรเปลี่ยนปราณชีวิตของพวกเขาให้เป็นตราชั่งอันละเอียดประณีตอย่างถึงที่สุด และวาดแปลนอยู่สักพักหนึ่งบนกระดาษ หลังจากที่พวกเขาบันทึกค่าจากจุดต่างๆ ของตราชั่งแล้ว พวกเขาก็ลุกขึ้น

“ไปกันเถอะ ไปสร้างสะพานโลกานี้ดูและทดสอบว่ามันจะเชื่อมต่อระหว่างสองโลกมิติได้ไหม!” เทพเสือขนดำกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ฉินมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ครูบาศักดิ์สิทธิ์บอกข้าว่าอย่าก่อเรื่องวุ่นวาย สะพานโลกานี้ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบทดลองดี หากว่าเราสร้างมันขึ้นมาในตอนนี้ ข้าเกรงว่า…”

เสือเทพยดาขนดำตื่นเต้นยิ่งกว่าเขาเสียอีก และตบหน้าอกตนเองปึกๆ พลางกล่าวด้วยความห้าวหาญทะยานฟ้า “นี่ไม่ใช่การก่อเรื่องวุ่นวาย อย่างมากก็เป็นแค่การก่อเรื่องใหญ่ ไม่ต้องห่วง ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา ข้าจะรับผิดชอบเอง!”

 ………………