ตอนที่ 92 เพราะข้าเป็นอาจารย์ของพวกเจ้า

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ยันต์ของอันหลินและสวีเสี่ยวหลานก็เริ่มส่องแสงแล้วเช่นกัน แต่พวกเขาก็ทำได้แค่มองยันต์สื่อสารนิ่งๆ ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด

ขณะที่ทั้งคู่กำลังมองหน้ากัน จู่ๆ ร่างของพวกเขาก็มีแสงสีขาวผุดออกมา

“นี่มัน…”

แววตาของอันหลินฉายความดีใจ เขานึกขึ้นได้ว่าตอนที่พวกเขาจะเข้ามายังแดนพิศวงก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

หมายความว่า แสงสีขาวสามารถพาพวกเขาออกจากแดนพิศวงได้!

เป็นดังที่คาด ร่างของพวกเขาเริ่มเลือนรางลง สุดท้ายก็หายไปจากแดนพิศวง

อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานรู้สึกว่ามิติรอบข้างเปลี่ยนไป กลับมาถึงริมบ่อน้ำโบราณอีกครั้ง

เมื่อกลับมาถึงที่นี่ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป

เพราะบริเวณรอบๆ บ่อน้ำโบราณในเวลานี้ กลายเป็นสมรภูมิรบไปแล้ว!

พลังฟ้าดินเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง เสียงปะทะกันของพลังเซียนดังไม่ขาดสาย

กองทัพเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดกำลังรบกับนักพรตมนุษย์ เสียงโห่ร้องดังระงมทั่วสนามรบ

ไกลออกไป มีแอ่งเลือดกระจายไปทั่วผิวดิน

ชายผมทองนัยน์ตาสีแดงยืนอยู่กลางแอ่งเลือด ใช้ฝ่ามือตบกระแสไฟสีขาวให้แตกกระเจิง จากนั้นก็เรียกมังกรร้อยจั้งออกมา พุ่งไปโจมตีนักพรตที่มีกระแสไฟล้อมกายกลางอากาศด้วยอานุภาพอันน่าตะลึง

“นั่นมันปรมาจารย์จางแห่งสำนักหลงหู่!” เมื่ออันหลินเห็นนักพรตชราบนนภา ก็อุทานลั่นโดยพลัน

เมื่อมองจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาแล้ว ชายผมทองบนพื้น คงจะเป็นผีดูดเลือดตนหนึ่ง!

บนนภา ชายรูปหล่อมีปีกสีดำ กำลังยืนเฝ้าปากหลุมดำสนิทอยู่

นักพรตซวีอวิ๋นแห่งสำนักอู่ตาง สือหลิงจื่อเจ้าสำนักคุนหลุนและนักพรตมู่โหยวแห่งสำนักซ่างชิง นักพรตระดับแปลงจิตทั้งสามพร้อมใจกับโจมตี แต่ก็ไม่อาจกำราบเขาได้

เบื้องล่าง นักพรตมนุษย์ร่วมร้อยชีวิตกลับสู้รบปรบมือกับกองทัพผีดูดเลือด

กองกำลังของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดยิ่งใหญ่ พวกเขาเหนือกว่านักพรตมนุษย์ทั้งด้านจำนวนคนและพลังต่อสู้

แต่ทว่า คมกระบี่ของนักพรตมนุษย์ล้วนอาบเลือดที่มีพิษร้ายแรงชนิดหนึ่ง

หากกองกำลังผีดูดเลือดได้รับบาดเจ็บเพราะอาวุธเปื้อนเลือดพิษ จะตายทันที แม้แต่เจ้าแห่งผีดูดเลือดก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงจุดจบเช่นนี้ได้

เป็นเพราะการช่วยเหลือของเลือดพิษ ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ นักพรตมนุษย์ต่างหากที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ

“อันหลิน ไม่คิดเลยว่าเลือดของเจ้าจะได้ผลขนาดนี้!”

สวีเสี่ยวหลานมองกองกำลังผีดูดเลือดที่น้ำลายฟูมปาก นอนแอ้งแม้งบนพื้น ใบหน้ามีแต่ความตกใจ

นางได้ยินอันหลินพูดก่อนหน้านี้ว่า เลือดของเขาสังหารผีดูดเลือดได้

ตอนแรกนางไม่ปักใจเชื่อ แต่ตอนนี้ความจริงอันน่าตะลึงปรากฏอยู่ตรงหน้านางแล้ว จึงรู้สึกตกตะลึงไม่น้อยเลย

ริมบ่อน้ำโบราณ มีแสงสีขาวพุ่งผ่านไปอีกครั้ง

เซวียนหยวนเฉิงยืนอยู่ริมบ่อด้วยใบหน้างุนงง คิดในใจว่าทำไมยังไม่ถึงแดนเป็นหนึ่ง ก็ถูกส่งออกมาแล้ว

เซียนพสุธาเยว่อิ่งกับเซียนพสุธามิ่งหยวนก็ปรากฏตัวข้างบ่อน้ำเช่นกัน

พวกเขาล้วนบาดเจ็บสาหัส แลดูหมดสภาพ

“รีบหนีเร็วเข้า กลับไปส่งข่าวให้สรวงสวรรค์ที่อารามเมฆขาว บอกว่าอ้านเย่มาแล้วก็พอ!”

จู่ๆ กระแสจิตของเซียนพสุธาเยว่อิ่ง ก็ดังขึ้นในหัวของอันหลิน สวีเสี่ยวหลานและเซวียนหยวนเฉิง ราวกับสายฟ้าคำราม ทำให้พวกเขาสะดุ้งโหยง

เซวียนหยวนเฉิงตอบสนองฉับไว ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขี่กระบี่เหาะไปทางอันหลินทันที

จู่ๆ ก็มีรอยแยกปรากฏขึ้นกลางอากาศ

จากนั้น หญิงที่มีปีกสีดำคนหนึ่งก็เดินออกมาจากรอยแยก ปรากฏตัวกลางเวหา

ในมือของนางมีกระบี่สีดำสนิท แลดูยากแท้หยั่งถึง

ด้านหลังมีเจ้าแห่งผีดูดเลือดผมทองนัยน์ตาสีแดงสองตน กำลังก้มศีรษะลง ยืนอยู่อย่างนอบน้อม

หญิงคนนี้มีสถานะสูงส่งอย่างยิ่ง

นางคือนายหญิงอ้านเย่ผู้มีพลังยุทธ์ระดับหวนสู่ความว่างเปล่า หนึ่งในสิบสองราชาของเผ่าพันธุ์ปีกทมิฬผู้เป็นพันธมิตรกับเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด

“จิตวิญญาณแห่งกระบี่ถูกเปลี่ยนแล้ว หลุดพ้นจากพันธนาการของค่ายกลไตรโลกแล้วโดยสิ้นเชิงจักรพรรดิปีศาจ ในฐานะที่เจ้าเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่ใหม่ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าได้ดื่มเลือดของนักพรตให้หนำใจ”

อ้านเย่เบนสายตาไปยังเซวียนหยวนเฉิงที่กำลังขี่กระบี่เหินเวหา กระตุกมุมปากเล็กน้อย

“นักพรตที่มีกลิ่นอายของแดนพิศวง คิดว่าคงจะมาจากสรวงสวรรค์กระมัง สังหารทิ้งจะดีกว่า…”

เมื่ออ้านเย่ดีดนิ้ว หมอกสีดำที่แฝงด้วยพลังอันน่ากลัวก็ลอยไปหาเซวียนหยวนเฉิง

เมื่อเซียนพสุธาเยว่อิ่งเห็นดังนั้นก็หน้าถอดสี เดิมทีนางคิดว่าตนกับเซียนพสุธามิ่งหยวนอยู่ที่นี่ อ้านเย่ไม่มีทางแยแสนักพรตกระจ้อยร้อย

ไม่คิดว่าอ้านเย่จะสัมผัสได้ว่า กลิ่นอายของเซวียนหยวนเฉิงแตกต่างจากนักพรตคนอื่น

“อันหลิน สวีเสี่ยวหลาน รีบขึ้นมาเร็วเข้า!”

เซวียนหยวนเฉิงขี่กระบี่มาหยุดอยู่ข้างๆ อันหลินแล้วตะโกนลั่น

เขาไม่รู้ตัวว่า มีหมอกสีดำที่อันตรายถึงชีวิตกำลังไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว

“ระวัง!”

อันหลินแผดเสียงดังลั่น จากนั้นพุ่งตัวเข้าไป ผลักเซวียนหยวนเฉิงออก ขณะเดียวกันก็ยกอิฐสีดำขึ้นมาขวางไว้ข้างหน้า

ตูม!

เมื่อหมอกสีดำชนกับก้อนอิฐก็ระเบิดทันใด

พลังทำลายล้างอันน่ากลัวโจมตีก้อนอิฐ แต่กลับทำลายมันไม่ได้ แม้กระทั่งว่าไม่ทิ้งร่องรอยขีดข่วนไว้เลยแม้แต่นิด

แม้ก้อนอิฐสีดำจะสกัดการโจมตีอันรุนแรงไว้ได้ แต่อันหลินก็ถูกพลังมหาศาลสะเทือนจนอวัยวะภายในได้รับแรงกระทบกระเทือน ทำให้กระอักเลือดออกมา

ก้อนอิฐสีดำในมือเขา คืออิฐโลหะผสมที่ได้จากการจับฉลากนั่นเอง

ทนทานที่หนึ่งของโลก…สมคำร่ำลือจริงๆ!

อ้านเย่เห็นว่าหมอกสีดำกลุ่มนั้นถูกนักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบคนหนึ่งขัดขวาง ก็ชะงักไปเล็กน้อย

“น่าสนใจดีจริง แต่ท่านี้ ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะขวางอย่างไร”

นางยิ้มบางๆ กระบี่พิชิตมารลอยคว้างกลางอากาศ ปลายกระบี่เล็งไปที่อันหลิน และดีดนิ้วเช่นเดิม

เมื่อศาสตราวุธอยู่ในมือยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าจะมีอานุภาพปานใด

มันเป็นอานุภาพที่เพียงแค่ดีดนิ้ว ก็สามารถสังหารนักพรตระดับแปลงจิตได้!

กระบี่พิชิตมารวาดวงโคจรอันน่าสะพรึง ลำแสงสีดำเจิดจ้ากลายเป็นโทนสีหนึ่งเดียว ณ ที่นี่

มิติก็เปลี่ยนเป็นโกลาหลภายใต้กระบี่เล่มนี้

ร่างของเซวียนหยวนเฉิงและสวีเสี่ยวหลานราวกับถูกตรึง ทำได้แค่มองทุกอย่างเกิดขึ้น

อันหลินจ้องกระบี่พิชิตมารที่พุ่งมาทางเขา กลิ่นอายแห่งความตายปกคลุมทั่วร่าง สมองขาวโพลน

มันเป็นพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ พลังที่ชวนให้รู้สึกสิ้นหวัง…

แต่ขณะนั้นเอง พลันมีร่างโผล่มายืนขวางอยู่ตรงหน้า

นางกางแขนออก ผมยาวเป็นลอนคลื่นโบกปลิว

ร่างที่แลดูหนักแน่นแต่ก็บอบบาง เข้ามาแทนที่กลิ่นอายความตายดำทมิฬนั่น กลายเป็นทัศนียภาพหนึ่งเดียวที่อันหลินเห็น

ตำราขนาดมหึมาลอยอยู่ตรงหน้าหญิงคนนั้น ระเบิดลำแสงสีทองสว่างไสว

อักขระสีทองนับไม่ถ้วนกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ก่อตัวเป็นขอบเขต เตรียมรับมือกับคมกระบี่ของกระบี่พิชิตมาร!

คมกระบี่สีดำของกระบี่พิชิตมารพุ่งเข้ามาในขอบเขตอักขระ เมื่อทิ่มแทงตำราโบราณแล้วก็หยุดชะงัก

แต่ต่อมา กระบี่พิชิตมารก็สาดแสงสีดำเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม แทงทะลุตำราโบราณทันที

สุดท้าย กระบี่ดำสนิทก็เคลื่อนตัวมา ทะลวงร่างที่ยืนขวางอันหลิน…

ร่างของหญิงคนนั้นถูกแทงจะทะลุ แต่สองมือกลับจับปลายกระบี่อันคมกริบไว้แน่น อักขระสีทองห้อมล้อมคมกระบี่ ทำให้มิติที่ถูกหยุดนิ่งกลับคืนสู่สภาวะปกติชั่วขณะ

“รีบหนีเร็วเข้า!” เลือดไหลออกจากมุมปากของหญิงคนนั้น นางพูดเสียงแผ่วเบา

“อาจารย์…ทำไม…ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย…”

อันหลินมองร่างที่ขวางอยู่หน้าเขาอย่างเด็ดเดี่ยว นัยน์ตาแดงก่ำ

ทั้งๆ ที่เขาเป็นแค่นักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบกระจอกๆ คนหนึ่งเท่านั้น

ทำไมนางที่มีพลังแปลงจิตขั้นปลาย ต้องสละชีวิตเพื่อช่วยพวกเขาด้วย…

มันไม่คุ้มค่าเลยสักนิด!

ใบหน้างดงามของเซียนพสุธาเยว่อิ่งซีดเผือด แต่ยังคงส่งยิ้มให้อันหลิน

“เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์แท้ๆ ยังจะถามอีกหรือว่าทำไม เหตุผลก็เห็นอยู่ทนโท่แล้ว…ข้าเป็นอาจารย์ของพวกเจ้านี่นา”

……………………………………