เล่มที่ 3 บทที่ 88 เพื่อนรัก มีสุขร่วมเสพ

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวซานเกาศีรษะด้วยท่าทางเก้อเขิน “คือว่า… ฮ่าฮ่า ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้าพูดผิดไปไม่ได้หรือไง? ”

ด่าตัวเองเสียได้

กลิ่นหอมที่ลอยมาจากห้องครัวกระตุ้นต่อมอยากอาหารของเซียวซานอีกครั้ง หากนำน้ำแกงนี้มาคลุกข้าวกิน คาดว่าคงกินข้าวได้สามถึงสี่ชามเลยทีเดียว

ก่อนเซียวซานจะไป ยังแอบกระซิบกับเซียวจื่อเซวียน “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าดีถึงเพียงนี้ ครั้งก่อนทอดปลาตากแห้งให้เจ้า ครั้งนี้ตุ๋นน้ำแกงกระดูกหมูให้พวกเจ้า อิจฉาเจ้าเสียจริง! ”

เซียวจื่อเซวียนรู้สึกได้ใจเสียยิ่งกว่ากระไร ถ้าให้เซียวซานรู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ยังเล่านิทานให้พวกเขาฟัง ห่อเกี๊ยวให้พวกเขา ทั้งยังตุ๋นน้ำแกงไก่ ตุ๋นน้ำแกงปลาให้พวกเขาดื่ม คาดว่าเขาคงอยากกินจนน้ำลายไหลออกมายาวสามฟุตได้เลย

เซียวจื่อเซวียน “เจ้ายังจะอิจฉาข้าอีก เจ้ามีทั้งพ่อทั้งแม่ไม่ใช่หรือ? ท่านพ่อท่านแม่เจ้าไม่ดีกับเจ้าหรือไง? ”

เซียวซานรีบแอบมองสีหน้าของเซียวจื่อเซวียน เมื่อเห็นว่าเขากล่าวเป็นเชิงหยอกล้อ ใจที่วิตกกังวลจึงเบาใจลง “ดีสิ ดีสิ! ”

โชคดีที่เซียวจื่อเซวียนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เมื่อครู่เขาไม่ทันระวังคำพูด

เมื่อเห็นเซียวซานมองตัวเองอย่างระมัดระวัง ก็รู้ว่าเขากลัวตนเองจะเสียใจ เซียวจื่อเซวียนรู้สึกอุ่นใจนัก “พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว เจ้ารีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวท่านป้าโจวจะออกตามหาเจ้าทั่วหมู่บ้านอีก! ”

เป็นเช่นนั้นจริงไม่ใช่หรือ ถึงแม้ท่านแม่ของเขาจะมีนิสัยมุทะลุ ทั้งตีทั้งด่าเขาเป็นประจำ แต่เซียวซานก็รู้ ว่านั่นเป็นเพราะท่านแม่รักเขา

เซียวซานตบไหล่เซียวจื่อเซวียน กล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง “ถึงเวลาพี่เซียวยิงกลับมา พวกเราไปหาพี่เซียวยิงด้วยกัน! ”

เดิมทีคิดจะไปฟังนิทานเอง จากนั้นค่อยมาโอ้อวดต่อหน้าเซียวจื่อเซวียน แต่ภายหลังลองคิดดู เรียกจื่อเซวียนไปฟังด้วยกันดีกว่า เพื่อนรักกัน มีสุขร่วมเสพ!

เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไปหาพี่เซียวยิงทำไม? ”

เซียวซานกล่าว “พี่ใหญ่ของเจ้าไปแล้ว ครั้งก่อนวานรตัวนั้นจะไปเรียนวิชาอมตะ เรื่องราวหลังจากนั้นเจ้ายังไม่รู้ใช่หรือไม่? พี่เซียวยิงต้องรู้แน่ ถึงเวลาให้พี่เซียวยิงเล่าให้พวกเราฟัง”

กล่าวจบ เขาสะพายตะกร้าที่มีหน่อไม้ใส่อยู่เต็มเดินออกไป

เซียวจื่อเซวียนขยับริมฝีปาก ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงหันไปปิดประตู

วานร?

เขาชื่อว่าซุนวู่คง

ยังจะฝึกวิชาอมตะอีก เขาลบชื่อออกจากบัญชีเป็นตายแล้ว ทั้งยังกลายเป็นฉีเทียนต้าเซิ่งแล้ว หลังจากบุกอาละวาดตำหนักสวรรค์ ก็ถูกทับอยู่ใต้เขาห้านิ้ว ถูกทับอยู่นานถึงห้าร้อยปี ยังดีที่ยังมีพระถังเซิง

ซุนวู่คงติดตามพระถังเซิงไปอัญเชิญพระคัมภีร์ที่ชมพูทวีปแล้วด้วย!

เซียวซานแบกตะกร้าที่ใส่หน่อไม้ไว้เต็มกลับถึงบ้าน โจวซื่อเห็นเขาขุดหน่อไม้กลับมามากถึงเพียงนี้ ก็รู้สึกปวดหัวนัก “เจ้าขุดมามากมายขนาดนี้ เจ้าจะกินต่างข้าวหรืออย่างไร? ”

ที่สำคัญคือกินมากไม่ได้ กินหน่อไม้มากเกินไปจะท้องเสีย

เซียวซานพึมพำเสียงเบา “บ้านจื่อเซวียนก็ขุดเยอะเท่านี้เหมือนกัน! ”

โจวซื่อ “บ้านจื่อเซวียนก็ขุดมากขนาดนี้? ”

เซียวซานพยักหน้า “ขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาเป็นคนขุด หน่อที่อวบใหญ่เหล่านี้พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาช่วยขุด! ” หลังจากคัดหน่อใหญ่ออก ที่เหลืออยู่ในตะกร้า ล้วนเป็นหน่อเล็ก และมีหน่อที่ถูกจอบขุดจนเสียหาย นั่นถึงจะเป็นส่วนที่เขาขุด

โจวซื่อตกใจเล็กน้อย “เซี่ยยวี่หลัวขุดหน่อไม้ให้เจ้า? ”

เซียวซานพยักหน้า บอกเล่าท่าทางการขุดหน่อไม้ของเซี่ยยวี่หลัวให้ฟัง โจวซื่อยิ่งประหลาดใจ “สวรรค์ อย่างนี้เหมือนคนไม่เคยทำไร่ทำนาที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าทำมามาก นางเรียนรู้การทำไร่ทำนาตั้งแต่เมื่อใดกัน”

แต่ครั้งก่อนได้ยินมาว่าช่วงปลูกถั่ว เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนหักร้างถางพง และหว่านเมล็ดด้วยตัวเอง เห็นว่าคนทั้งหมู่บ้านต่างรู้สึกผิดคาดนัก

ลองคิดดู โจวซื่อก็ไม่รู้สึกว่าน่าแปลกแล้ว

ในบ้านไม่มีอะไรให้กินให้ดื่ม หากไม่ขยันทำงานก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว!

โจวซื่อคัดเลือกหน่อไม้หน่อใหญ่ออกมาจำนวนหนึ่ง ใส่ไว้ในตะกร้าหิ้ว ยื่นส่งให้เซียวซาน “เจ้ารีบนำหน่อไม้ไปส่งให้พี่เซียวยิง! ”

เซียวซานรู้สึกยินดียิ่ง “เหตุใดพี่เซียวยิงถึงกลับมาล่ะขอรับ? ”

โจวซื่อกรอกตาขึ้นบน “บิดามารดาของเขาอยู่ที่นี่ เวลานี้ก็ถึงชิงหมิงแล้ว หรือว่าไม่ต้องกลับมาจุดธูปเซ่นไหว้? เจ้ารีบส่งหน่อไม้ไป รีบกลับมากินข้าวเย็น! ”

เซียวซานรู้สึกดีใจจนกระโดดโลดเต้น หิ้วตะกร้าวิ่งออกไป “ข้าไปก่อนนะขอรับ! ”

โจวซื่อเห็นบุตรชายตนเองแสดงท่าทางไม่หนักแน่น ก็ทอดถอนใจ นี่ก็ใกล้จะอายุสิบขวบแล้ว ยังทำตัวไม่หนักแน่นอีก อีกไม่กี่ปีก็ต้องแต่งภรรยาแล้ว ยังเหมือนเด็กเล็กก็มิปาน

เซียวซานหิ้วตะกร้าไปบ้านเซียวยิงด้วยท่าทางดีอกดีใจ แล้วก็ได้เห็นภายในบ้านจุดไฟสว่างอยู่จริง

“พี่เซียวยิง พี่เซียวยิง…”

เซียวยิงเดินออกมา เปิดประตูใหญ่ ก็เห็นเซียวซานยืนอยู่ข้างนอก “เซียวซาน…”

“ช่วงบ่ายข้าขุดหน่อไม้มาจำนวนหนึ่ง ท่านแม่บอกว่าท่านกลับมาแล้ว ให้ข้านำหน่อไม้มาให้ท่านขอรับ” เซียวซานกล่าว

เซียวยิงชอบกินหน่อไม้ คิดจะขึ้นเขาไปขุดพรุ่งนี้ แต่เขานำมาส่งมอบให้พอดี เมื่อเห็นหน่อไม้ที่ทั้งอวบทั้งอ่อนนุ่มในตะกร้า เซียวยิงยื่นส่งให้ฟ่านซื่อด้วยท่าทางดีใจ “เหวินจวิน เย็นนี้ผัดหนึ่งจานแล้วกัน! ”

ฟ่านซื่อรู้ว่าสามีของตนเองชอบกิน รีบรับมาไปทำอาหารที่ห้องครัว

เซียวยิงนำขนมกลับมาสองกล่อง จึงจูงมือเซียวซานเข้าไปในบ้าน ให้เขาลองชิมสองชิ้น

เซียวซานรีบกลืนขนมอย่างอดรนทนไม่ไหว ก่อนเอ่ยถามเซียวยิง “พี่เซียวยิง ท่านเล่านิทานของวานรให้ข้าฟังหน่อย! ในภายหลังวานรได้ร่ำเรียนวิชาอมตะหรือไม่? เขาจะตายหรือไม่ขอรับ? ”

เซียวยิงฟังแล้วรู้สึกมึนงงยิ่งนัก “วานรอะไร? ”

“ก็วานรที่ถือกำเนิดขึ้นจากก้อนหินน่ะสิขอรับ เขาอาศัยอยู่ในถ้ำสุ่ยเหลียนบนเขาฮัวกั่ว…”

เซียวยิงคิด เรื่องบ้าบออะไรกัน!

“ข้า ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน! ” เซียวยิงไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ

เมื่อเซียวซานได้ยินเซียวยิงบอกว่าไม่รู้ ก็ร้อนรนจิตใจทันที “ท่านจะไม่รู้ได้อย่างไร? พี่เซียวยวี่ยังรู้! เขายังเล่าให้จื่อเซวียนฟังเลยขอรับ! ”

เซียวยิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หรือว่าเรื่องอะไรที่เซียวยวี่รู้ ตนเองก็จำเป็นต้องรู้งั้นหรือ? เขากล่าวด้วยความสัตย์จริง “ข้าไม่รู้เรื่องราวของวานรตัวนั้นจริงๆ และข้าก็ไม่เคยเห็นตำราเล่มนี้ บางทีอาจเป็นตำราที่เซียวยวี่เคยอ่านแต่ข้าไม่เคยอ่านก็เป็นได้”

เมื่อเซียวซานได้ฟังดังนั้น ก็ห่อเหี่ยวราวกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกก็มิปาน นั่งพิงบนเก้าอี้ “แม้แต่พี่เซียวยิงยังไม่รู้…”

เช่นนั้นก็มีแต่ต้องรอพี่เซียวยวี่กลับมา แต่ต้องรอนานมากทีเดียว!

เขารอไม่ไหวอีกแม้แต่วันเดียว

เซียวยิงเห็นท่าทางเซียวซานดูห่อเหี่ยวเสียยิ่งกว่ากระไร จึงหัวเราะ “ที่เจ้าว่ามานั่นคือนิทานอะไรงั้นหรือ? สนุกมากงั้นหรือ? ”

เซียวซานพยักหน้าราวกับลูกไก่จิกข้าวก็มิปาน “สนุก สนุกมากทีเดียวขอรับ! ”

“ถ้าอย่างไร เจ้าลองเล่าให้ข้าฟัง? ข้ายังไม่เคยฟังนิทานเรื่องนี้เลย! ” เซียวยิงยิ้มพร้อมกล่าว

เซียวซานขานตอบ นั่งตัวตรง เริ่มเล่านิทานให้เซียวยิงฟังอย่างออกรส

“เรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่ครั้งที่สวรรค์และปฐพียังไม่แยกออกจากกัน โลกนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายอลหม่าน ไม่มีใครสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน ผานกู่ผ่าสวรรค์เบิกปฐพี นับแต่นั้นสวรรค์และปฐพีเริ่มแยกออกจากกัน…”

เซียวซานบอกเล่านิทานในส่วนที่ตัวเองจำได้ให้เซียวยิงฟังคร่าวๆ กล่าวถึงตอนที่วานรบุกเข้าไปในถ้ำสุ่ยเหลียน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้รับการขนานนามจากเหล่าวานรให้เป็นราชาวานร เซียวยิงฟังจนไม่กระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว

“หลังจากนั้นล่ะ? เขาได้ร่ำเรียนวิชาเซียนจนเป็นอมตะหรือไม่? ”

เซียวซานเล่าจบแล้ว เซียวยิงจับตัวเซียวซานพร้อมไต่ถามเรื่องราวหลังจากนั้นด้วยความตื่นเต้น

เซียวซานเบ้ปากทำหน้าอัดอั้นใจ “ข้านึกว่าท่านรู้เสียอีก! เรื่องราวหลังจากนั้นข้าก็ไม่รู้ขอรับ! จื่อเซวียนเล่าให้ฟังเพียงเท่านี้! ”

เขาไม่ทันเห็น ว่าดวงตาของเซียวยิงกำลังลุกวาว