ตอนที่ 237 ชอบก็คือชอบ / ตอนที่ 238 อาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้น

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 237 ชอบก็คือชอบ

 

 

ขอแค่อวี๋เยว่หานบอกว่าเป็นของปลอม อย่างนั้นไม่ว่าเหนียนเสี่ยวมู่พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น!

 

 

พยาบาลรับจ้างเล็กๆ คนหนึ่ง ทำเป็นรู้แหมือนวงใน เข้าใจศิลปะที่ไหนกัน

 

 

นิสัยของจิตรกรที่ว่า จะต้องเป็นสิ่งที่เธอปั้นเรื่องพูดออกมาแน่

 

 

ต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่!

 

 

เหวินหย่าไต้คิดได้อย่างนี้ ก็ยื่นมือไปจับแขนของอวี๋เยว่หาน พลางมองเขาด้วยความหวังเต็มเปี่ยม

 

 

เธอไม่เชื่อเด็ดขาดเลย ด้วยสถานะของเหนียนเสี่ยวมู่ จะไปเข้าใจสิ่งที่แม้แต่เธอยังดูไม่รู้เรื่องได้อย่างไร!

 

 

อวี๋เยว่หานยืนอยู่ข้างหลังเหนียนเสี่ยวมู่โดยตลอด เดิมทีเขาจ้องมองไปที่หัวเล็กๆ ปุกปุยของเธอ ต่อมาได้ยินเธอพูด สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

โดยเฉพาะตอนที่มองเธอพูดเรื่องภาพวาดของจิตรกรดัง ท่าทางมั่นใจอย่างนั้น ทำให้นัยน์ตาสีดำของเขายิ่งหยั่งลึก

 

 

สายตาร้อนระอุ ราวกับอยากมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง…

 

 

ผ่านไปเนิ่นนาน เขาถึงจะเอ่ยปากอย่างเรียบเฉย “ภาพนี้ผมให้คนส่งมาเอง”

 

 

เพียงแค่คำพูดง่ายๆ ก็ทำให้สีหน้าของเหวินหย่าไต้ซีดเผือดไปหมดแล้ว!

 

 

อวี๋เยว่หานส่งมาให้ด้วยตัวเอง ก็ไม่มีทางเป็นของปลอมไปได้…

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่พูดถูกต้องแล้วจริงๆ แต่พยาบาลรับจ้างที่มีที่มาไม่ชัดเจน กลับกดเธอลงได้จริงๆ แถมยังทำต่อหน้าอวี๋เยว่หานเสียด้วย

 

 

สีหน้าของเหวินหย่าไต้เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวม่วง ไม่กล้าพูดต่อโดยสิ้นเชิง

 

 

ขณะกำลังคิดจะทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง และเรียกทุกคนกินข้าวนั้นเอง เฉินจื่อซินที่เงียบมาโดยตลอดก็เบียดมาข้างหน้าในทันที ก่อนจะพุ่งไปมองภาพวาดสีน้ำมันอยู่หลายครั้ง แล้วพูดขึ้นมา

 

 

“ผมไม่เคยศึกษาของแบบนี้ไม่ก่อนเลย ก็เลยดูไม่ออกอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้จัดการเหวินจะมองผิดไปได้…พูดแล้วซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนนี่เก่งจังเลยนะครับ มองปราดเดียวก็ดูออกแล้ว ว่าภาพนี้เป็นของจริง”

 

 

คำชมที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้บรรยากาศในห้องส่วนตัวแปลกขึ้น

 

 

เหวินหย่าไต้ยิ้มไม่ออกแล้ว

 

 

นับว่าเข้าใจแล้ว ว่าอะไรที่เรียกว่า ยกหินมาทับเท้าตัวเอง!

 

 

ผู้จัดการสาวทำได้แค่ยิ้มตอบไป พลางมองอวี๋เยว่หานตาปริบๆ หวังว่าเขาจะหาทางออกจากสถานการณ์น่าอายให้เธอได้

 

 

แต่อวี๋เยว่หานกลับจ้องมองเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ตลอด ไม่แม้แต่จะมองเธอสักครั้ง…

 

 

เธอยืนอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนตัวตลก

 

 

หลังจากทั้งสี่คนไปนั่งทีโต๊ะอาหารแล้ว บรรยากาศก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะภาพวาดภาพเดียว

 

 

เหวินหย่าไต้เพิ่งเสียหน้า ตอนนี้จึงอายที่จะเป็นคนเอ่ยปากพูดก่อน

 

 

ส่วนในสายตาของเฉินจื่อซิน ก็มีเพียงเหนียนเสี่ยวมู่ จึงเอาแต่ถามเธออยู่ตลอด “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ร้านนี้มีของอร่อยเยอะแยะเลยนะครับ ให้ผมแนะนำให้คุณอีกสักสองสามจานไหม”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันตอบ เขาก็พูดขึ้นมาก่อน

 

 

“เกี๊ยวกุ้งจักรพรรดิดีไหมครับ”

 

 

“คุณชอบขาไก่น้ำแดงหรือเปล่า”

 

 

“แล้วหอยเชลล์ผัดกระเทียมกับวุ้นเส้นล่ะครับ”

 

 

“…”

 

 

ท่าทางอุทิศตัวแบบนั้น เหมือนในสายตาของเขามีเหนียนเสี่ยวมู่เป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว ไม่เห็นเหวินหย่าไต้อยู่ในสายตาเลย!

 

 

เหวินหย่าไต้กัดฟันด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยังรวบรวมความกล้า แล้วมองไปทางอวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

 

 

“คุณชายหาน ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับร้านนี้ คุณแนะนำอาหารให้ฉันสักสองสามจานได้ไหมคะ”

 

 

“…”

 

 

อวี๋เยว่หานนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง อยู่ฝั่งตรงข้ามของเหวินหย่าไต้ แต่สายตาของเขาเอียงมองฝั่งตรงข้ามอยู่ตลอด จับจ้องไปที่เหนียนเสี่ยวมู่ คนที่ถือเมนูอาหารไม่ยอมปล่อย

 

 

เพราะเธอไม่เหมือนลูกสาวตระกูลร่ำรวยคนไหน เธอก็คือเธอ จริงใจ ไร้เดียงสา

 

 

ชอบก็คือชอบ ปิดบังไม่เป็นอยู่แล้ว

 

 

แต่เธอก็เหมือนความลับ ไม่รู้ว่ามาจากไหน และผ่านอะไรมาบ้าง

 

 

ตัวเธอก็ดูแปลกๆ และมีลูกเล่นทำให้คนประหลาดใจอยู่ตลอด…

 

 

ภาพวาดสีน้ำมันที่แม้แต่เหวินหย่าไต้ก็มองไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือปลอม แต่เธอมองครั้งเดียวก็ดูออกแล้ว

 

 

แม้เธอจะพูดออกมาอย่างคล่องแคล่ว แต่ตามที่เขารู้ คนที่รู้นิสัยที่ซ่อนอยู่ในภาพวาดของอาจารย์โอลิวีโร มีไม่เกินสิบคนหรอก แล้วเธอไปรู้มาจากที่ไหนกัน

 

 

 

 

ตอนที่ 238 อาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้น

 

 

“คุณชายหาน? คุณชายหาน?” เหวินหย่าไต้รออยู่นานแล้ว แต่ไม่ได้การตอบรับ จึงเรียกเขาเบาๆ สองครั้ง

 

 

อวี๋เยว่หานถูกเสียงของเธอขัดจังหวะความคิด เขาจึงมองเธออย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง “ในร้านไม่มีพนักงานเหรอ”

 

 

เหวินหย่าไต้ “…”

 

 

น้ำเสียงเฉยชานั้น ไม่เพียงทำให้เหวินหย่าไต้ตะลึงงัน แม้แต่เหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็มองมาทางเขา ครั้นเห็นใบหน้าดำคล้ำของเขา เธอก็เทียบกับเฉินจื่อซินที่อยู่ข้างหน้าอีก

 

 

เหมือนคนหนึ่งเป็นฤดูร้อน ส่วนอีกคนเป็นฤดูหนาวจริงๆ!

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองเหวินหย่าไต้ที่ตัวแข็งทื่อไปด้วยความเห็นใจ เธอกอดเมนูอาหาร พร้อมกับเขยิบไปทางเฉินจื่อซิน เพราะกลัวจะซวยไปด้วย

 

 

อวี๋เยว่หานเห็นทุกการกระทำของเธอ จึงมีสีหน้าเย็นชายิ่งขึ้น

 

 

นัยน์ตาสีดำส่องประกายเยือกเย็นออกมา ทำให้เขาที่นั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนเครื่องทำความเย็นอัตโนมัติ

 

 

ตั้งแต่ต้นจบ เขาไม่ได้พูดเลย มีแค่ตอนที่เช็คบิลกับพนักงาน ที่เขาได้เอ่ยปากพูด

 

 

“คุณชายหาน ครั้งก่อนคุณเลี้ยงแล้ว คราวนี้ให้ผมเลี้ยงได้ไหมครับ” เฉินจื่อซินยืนขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะรียร้อนแย่งบิล

 

 

นี่เป็นครั้งที่สอง ที่เขาเชิญเหนียนเสี่ยวมู่กินข้าว ถ้ายังให้อวี๋เยว่หานจ่ายเงินอีก ต่อไปเขาจะมีหน้ามานัดเธออีกได้อย่างไร

 

 

เฉินจื่อซินควักบัตรออกมาจากในกระเป๋าเงิน แล้วรีบยื่นให้พนักงาน

 

 

“รูดใบนี้ครับ!”

 

 

“เอ่อ…” พนักงานไม่ได้รับไปทันที แต่มองไปทางอวี๋เยว่หานอย่างนอบน้อม

 

 

เงาร่างสูงโปร่งของอวี๋เยว่หานค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง ทุกการกระทำของเขามีแต่ความสูงส่ง

 

 

เขากวาดสายตามองเฉินจื่อซินครั้งหนึ่ง ราวกับว่ารู้ความคิดของอีกฝ่าย และทันทีที่สายตาของเขาวาดผ่านเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ข้างหลัง นัยน์ตาของเขาก็ดำคล้ำ “ผมไม่มีนิสัยให้คนอื่นจ่ายเงิน”

 

 

พูดจบเขาก็สาวเท้าออกจากห้องส่วนตัวไป

 

 

มื้ออาหารท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาดจบลงแล้ว

 

 

คนที่เป็นตัวของตัวเองที่สุดตลอดมื้ออาหาร มีแต่เหนียนเสี่ยวมู่

 

 

เธอรับผิดชอบการกิน กินอิ่มแล้วก็ไป

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กลับไปที่แผนกประชาสัมพันธ์อย่างเบิกบานใจ แต่ตอนที่เตรียมเริ่มทำงาน ก็ได้ยินเลขาเดินมาข้างๆ เธอ “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ผู้จัดการให้คุณไปที่ห้องทำงานของเธอค่ะ”

 

 

“…”

 

 

เมื่อกี้เพิ่งกินข้าวด้วยกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเรียกเธอไปอีกแล้วล่ะ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกสงสัย แต่นึกได้ว่าเหวินหย่าไต้เพิ่งกลับมาจากการทำงานในต่างประเทศ อาจจะอยากสอบถามความคืบหน้างานในมือเธอก็ได้

 

 

เธอไม่ได้คิดมาก เก็บเอกสารบนโต๊ะแล้ว ก็เดินไปทางห้องทำงานผู้จัดการทันที

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นมือไปเคาะประตู

 

 

เมื่อได้ยินเสียงของเหวินหย่าไต้ เธอถึงจะผลักประตูเข้าไป

 

 

“ผู้จัดการเหวิน อยากพบฉันเหรอคะ” เหนียนเสี่ยวมู่เดินมาข้างหน้าโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย พร้อมกับยืนเรียบร้อย

 

 

คราวนี้ถึงจะพบว่า นอกจากเหวินหย่าไต้แล้ว ในห้องทำงานผู้จัดการยังมีคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าอยู่อีกคน

 

 

เหวินหย่าไต้มองเธอ แล้วยืนขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน “ฉันจะแนะนำให้รู้จักก่อนนะคะ นี่คือหวางเมี่ยวเมี่ยว เธอเป็นล่ามที่ไปอิตาลีกับฉันค่ะ”

 

 

“…”

 

 

“คืออย่างนี้ค่ะ ตอนนี้ทุกคนในแผนกยอมรับว่าคุณเก่งที่สุด ต้องเป็นคุณเท่านั้น ฉันเลยอยากมอบหมายงานที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีจะมาให้คุณ”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงัน “มอบหมายให้ฉัน? แต่ฉันยังมีงานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าอยู่ในมือ…”

 

 

“งานนั้นยกให้ซูเปอร์ไวเซอร์เย่เลยค่ะ แถมฉันก็อยู่ ไม่เกิดปัญหาอะไรหรอกค่ะ ส่วนทางรองประธานเฉิน ฉันจะไปอธิบายเอง เชื่อว่าเขารู้ว่าฉันมาดูแล คงไม่มีความเห็นอะไรค่ะ” เหวินหย่าไต้เดินอ้อมโต๊ะมาตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

ผู้จัดการสาวส่งข้อมูลของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มสดใสเป็นพิเศษ “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ทุกคนให้ความสำคัญกับการต้อนรับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีอย่างมาก ฉันเชื่อว่าคุณจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง และทำงานร่วมมือครั้งนี้ได้สำเร็จราบรื่นค่ะ”