ผลึกเก้าลำนำผสานใจ โดย ProjectZyphon
ผู้อาวุโสชิวในร่างผอมสูงเอ่ยเสียงเข้ม “เป็นอย่างไร เจ้าไม่พอใจกับราคาที่อัครการค้าให้หรือ”
หลินสวินส่ายหน้า “ไม่ใช่”
ยังไม่ทันจะได้อธิบาย ผู้อาวุโสชิวก็หน้าเคร่งใส่ “เจ้าหนุ่ม ข้าขอเตือนเจ้าหน่อยว่าของของเจ้ามาจากตระกูลฉือ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับของผิดกฎหมาย หากไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นสหายของคุณชายสาม อย่าว่าแต่หกหมื่นสี่พันเหรียญทองเลย หากได้เพียงครึ่งของราคานี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว”
คำพูดนั้นแฝงด้วยความไม่พอใจ คล้ายคิดว่าหลินสวินไม่รู้จักประมาณตน
สืออวี่ขมวดคิ้วอารมณ์เสีย “ผู้อาวุโสชิว ข้าไม่ได้เชิญท่านมาเพื่อสั่งสอนเพื่อนของข้านะ!”
“คุณชายสามอย่าโมโห ข้าแค่เตือนด้วยความหวังดี ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ” ผู้อาวุโสชิวเอ่ยเรียบๆ
“ท่าน…”
สืออวี่กำลังจะพูดบางอย่างแต่หลินสวินยิ้มห้ามไว้ “ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ไม่พอใจกับราคาเลย แต่ข้าว่ามิตรภาพกับการค้าขายไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นเชิญเก็บราคามิตรภาพไว้แล้วคิดราคาตลาดเถิด”
นักประเมินทรัพย์ที่สูงทั้งตำแหน่งและวัยวุฒิพวกนั้นอึ้งงันคล้ายไม่อยากเชื่อ
แม้แต่สืออวี่ก็ไม่วายตะลึง รู้สึกเดือดดาลในใจ เขานึกว่าหลินสวินไม่พอใจชายชราเหล่านี้ นี่ทำให้เขาขายหน้าจริงๆ
สหายมาหาแต่กลับถูกเอาเปรียบ หากถูกเล่าออกไปจะให้สืออวี่ทำเช่นไร
“คนหนุ่มมีความกล้าเป็นเรื่องดี แต่เจ้าชักจะใช้อารมณ์จัดการเรื่องราวแล้ว ทำเช่นนี้จะไม่หาว่าเราไร้น้ำใจหรือ แล้วคุณชายสามจะมองพวกเราอย่างไร” ผู้อาวุโสชิวแค่นหัวเราะ คิดว่าหลินสวินแสร้งถอยเพื่อรุก จงใจใช้ความเห็นใจของสืออวี่ทำให้พวกเขาดูไม่ดี แผนการชั่วช้าอำมหิตชัดๆ
สืออวี่แทบบ้า คว้าข้อศอกของหลินสวินลากเข้าไปในห้องหนึ่งที่อยู่ข้างๆ แล้วกระซิบ “หลินสวิน อย่าถือสาเอาความกับตาเฒ่าพวกนั้น แม้นิสัยพวกเขาจะไม่ค่อยดี แต่ก็มีความสามารถมากจริงๆ ในสาขาหลักของอัครการค้า พวกเขาฟังแค่คำของพ่อข้าเท่านั้น แม้แต่ข้าเองยังไม่กล้าจัดการพวกเขาเลย”
เขาล้อตัวเองในตอนสุดท้าย “นี่เป็นความจริงนะ ถึงข้าจะเป็นบุตรของเทพเศรษฐี สูงศักดิ์เหนือใคร แต่ความจริงแล้วในอัครการค้าก็มีช่วงเวลาที่ข้าต้องสงบเสงี่ยม ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้เช่นกัน”
ว่าแล้วก็ถอนหายใจ “เดิมทีข้าคิดว่าคนพวกนั้นจะเห็นแก่หน้าข้า ยื่นราคาสูงๆ ให้ แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำเช่นนี้ โถ่เอ๊ย แล้วหลังจากนี้ข้าจะชูคอกับเจ้าได้อย่างไร”
คำพูดมีทั้งห้ามปรามอธิบาย มีทั้งเหน็บแนมตัวเองและพร่ำบ่น เห็นได้ชัดว่าแม้ดูเหมือนว่าคุณชายสามแห่งอัครการค้าจะดูเจ้าสำราญ แต่ก็มีความลำบากและเรื่องทุกข์ใจเช่นกัน
หลินสวินฟังแล้วเงียบไป จากนั้นจึงเอ่ยปลอบ “เทียบกับข้าเจ้านับว่าโชคดีแล้ว อย่างน้อยตำแหน่งคุณชายสามก็เป็นสิ่งจริงแท้ แต่ผู้สืบทอดตระกูลหลินอย่างข้ามีเพียงตัวคนเดียวเท่านั้น”
นี่คล้ายกำลังเปรียบความลำบากของกัน
ความสุขย่อมวัดกันเช่นนี้ สืออวี่นิ่งไปก่อนหัวเราะร่า “เจ้าว่ามาอย่างนี้ทำเอาข้าเบิกบานใจขึ้นมากเลยล่ะ จากนี้ถ้าเจ้ามีเรื่องอะไรไม่พอใจก็พูดออกมา จะได้สบายใจกันทุกฝ่าย…”
หลินสวินกลอกตาใส่ “พอได้แล้ว!”
สืออวี่หัวเราะอยู่ครู่หนึ่งจึงหยุดแล้วว่า “เดี๋ยวพอออกไปแล้วเจ้าฟังคำข้านะ รับราคานี้ไว้ก่อน รอข้ามีโอกาสจะช่วยเจ้าจัดการตาเฒ่าเหล่านั้นเอง” น้ำเสียงนั้นแฝงแววเย็นเยือก
เขาเป็นบุตรคนที่สามของเทพเศรษฐี ภายหลังต้องได้สืบทอดกิจการของอัครการค้า ไม่ว่าจะด้วยเอาคืนให้หลินสวินหรือไม่ เขาต้องหาโอกาสจัดการคนที่ไม่เชื่อฟังกันบ้าง
นี่คือเส้นทางการครอบครองอำนาจ หากทำให้ตาเฒ่าพวกนั้นสยบไม่ได้ อำนาจที่มีก็เป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น
หลินสวินยิ้มบางๆ “ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า ครั้งนี้ให้ฟังข้า”
ว่าจบเขาก็เดินนำสืออวี่ออกมาจากห้อง
ชายชราเหล่านั้นยังคงอยู่ที่นั่น เพียงแต่ท่าทีนั้นเหลืออดเต็มทน เดิมทีที่พวกเขาออกมาเพราะเห็นแก่หน้าสืออวี่ ไม่อย่างนั้นด้วยตำแหน่งของพวกเขามีหรือจะมาเสียเวลากับเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว
ที่นี่คืออัครการค้าสาขาหลัก ในแต่ละวันมีขุนนางและผู้มีฐานะมากมายต่อแถวรอพบพวกเขาอยู่!
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ข้ากับสืออวี่ตกลงกันแล้ว สินค้าพวกนี้ให้คิดราคาตลาด” หลินสวินบอกออกไปตรงๆ ชัดเจน
ชายชราเหล่านั้นมองที่สืออวี่
สืออวี่ใคร่ครวญสักพักจึงเอ่ย “ตกลงตามที่เขาว่า”
ผู้อาวุโสชิวพูดขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตกลงตามนี้ แต่ขอพูดสิ่งไม่น่าฟังก่อน เจ้าหนุ่มเราไว้หน้าเจ้าแล้ว หากเสียใจภายหลังก็อย่ามาโทษพวกข้าแล้วกัน”
หลินสวินยิ้ม “แน่นอนขอรับ”
ท่าทีสบายๆ ของหลินสวินทำให้เหล่าชายชรามองไม่ออก พวกเขาส่ายหน้า คร้านจะคิดให้มากความ แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น ไม่พอใจก็ไม่พอใจสิ แม้จะเป็นสหายของคุณชายสามก็ไม่ได้มีผลกระทบกับตำแหน่งในอัครการค้าของพวกเขาเสียหน่อย
“คุณชายสาม ในเมื่อเรียบร้อยแล้วเช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน” ผู้อาวุโสชิวประสานมือขึ้น
หลินสวินยิ้มขัด “ทุกท่านโปรดช้าก่อน ข้ายังมีของที่อยากขาย ต้องการให้พวกท่านช่วยดูและให้ราคาสมเหตุสมผลตามราคาตลาด”
สืออวี่หรี่ตา รู้ว่าหลินสวินเริ่มเอาคืนแล้ว
เพียงแต่เขาก็นึกสงสัยเช่นกัน ว่าของสิ่งใดที่ทำให้หลินสวินมั่นใจหนักหนาว่าจะสามารถสั่งสอนตาเฒ่าเหล่านั้นได้ ที่นี่คือสาขาหลักของอัครการค้า สามารถแลกเปลี่ยนของล้ำค่าได้จากทั่วสารทิศ เป็นศูนย์รวมของล้ำค่าบนโลกหล้า
มีสิ่งของใดที่ผู้อาวุโสมากในประสบการณ์ ตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงนักประเมินทรัพย์แห่งสาขาหลักอัครการค้าเหล่านั้นยังไม่เคยเจอด้วยหรือ หากหลินสวินจะสั่งสอนอีกฝ่ายก็ต้องนำสุดยอดของล้ำค่าออกมา ไม่อย่างนั้นจะถูกนักประเมินทรัพย์พวกนี้เยาะเย้ยเอาคืนได้
“เหอะ ดูท่าเจ้าจะไม่ยอมแพ้นี่”
“จะทดสอบความสามารถในการประเมินราคาของพวกเราหรือ ฮ่าๆ ไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ”
ชายชราเหล่านั้นชะงักไปก่อนจะหัวเราะออกมา
ผู้อาวุโสชิวมุ่นคิ้วกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม พวกข้ามีธุระต้องจัดการ ไม่มีเวลามากขนาดนั้น หากเจ้าอยากประเมินทรัพย์สินก็ไปเชิญคนอื่นเถอะ”
เขาคิดว่าหลินสวินกำลังท้าทายพวกเขาอยู่ กลวิธีเบาปัญญาอย่างนี้เขาไม่ถือสา นอกจากเสียเวลาก็ยังจะทำให้อีกฝ่ายเสียหน้า หากเป็นเช่นนี้ คุณชายสามคงโทษว่าพวกเขารังแกเพื่อนของตนอีก
ว่าแล้วเขาก็หันหลังไป แต่เมื่อจากไปเพียงครึ่งทางกลับได้ยินเสียงตื่นเต้นประหลาดใจแว่วมา
“ของชิ้นนี้คือ…ผลึกเก้าลำนำผสานใจ?”
“เป็นไปไม่ได้ ผลึกเก้าลำนำผสานใจมีอยู่เพียงในทะเลกลืนวิญญาณส่วนลึกเท่านั้น เป็นของล้ำค่าใต้สมุทรในตำนาน หาพบได้น้อยมาก หลายร้อยปีมานี้ทั้งจักรวรรดิล้วนไม่ปรากฏของล้ำค่าเช่นนี้”
“แต่ลักษณะ กลิ่นอาย สี แล้วก็พลังของมันเหมือนกับผลึกเก้าลำนำผสานใจในตำนานนั้นจริงๆ”
“ขอข้าดูอีกหน่อย!”
ผู้อาวุโสชิวชะงัก ผลึกเก้าลำนำผสานใจอย่างนั้นหรือ น่าขันนัก!
เด็กคนนั้นอายุยังน้อย ทั้งยังมาขอความช่วยเหลือจากคุณชายสาม จะมีของล้ำค่าขนาดนี้ไว้ในครอบครองได้อย่างไร
แต่เมื่อใคร่ครวญดูแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับ จึงเห็นภาพของพวกพ้องตัวเองรุมล้อมรอบกายหลินสวิน ท่าทางเหมือนเห็นของล้ำค่าหาดูยากอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อมองที่มือของหลินสวิน มีของลักษณะคดเคี้ยวดั่งเถาวัลย์ หนาประหนึ่งลำแขน ความยาวประมาณหนึ่งชุ่นเปล่งประกายแสงวิญญาณสีน้ำเงินดุจน้ำทะเล กลิ่นอายเย็นเยือกปานหิมะ เพียงมองปราดเดียวผู้อาวุโสชิวก็ต้องตกใจ นี่…อย่างกับผลึกเก้าลำนำผสานใจในตำนานจริงๆ ด้วย
มันเป็นสุดยอดของล้ำค่าที่ไม่ปรากฏมาหลายร้อยปี คล้ายได้สูญพันธุ์ไปแล้ว มูลค่าของมันไม่อาจประมาณได้เลย
เมื่อนักประเมินทรัพย์คนหนึ่งได้พบของล้ำค่าในตำนาน ความรู้สึกนั้นเหมือนดั่งได้เจอสาวงามหยาดเยิ้ม อดใจไม่ไหวอยากเข้าไปตะครุบไว้เสีย แต่สุดท้ายผู้อาวุโสชิวก็ยังยับยั้งความตื่นเต้นเอาไว้ ด้วยก่อนหน้านั้นเคยลั่นวาจาว่ามีธุระต้องจัดการ ไม่อยากเสียเวลา ให้หลินสวินไปเชิญคนอื่น หากกลับคำยามนี้ไม่เท่ากับว่าตบหน้าตัวเองหรอกหรือ
‘หึ บางทีอาจจะไม่ใช่ผลึกเก้าลำนำผสานใจก็ได้ รอพวกนั้นประเมินเรียบร้อยแล้วค่อยตัดสินใจใหม่’ ผู้อาวุโสชิวคิดในใจ สายตาจ้องไปที่ของในมือหลินสวินอย่างควบคุมไม่ได้ ชัดเจนว่าในใจกำลังขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก
ทุกอย่างล้วนตกอยู่ในสายตาของสืออวี่ เขาไม่วายรำพึงในใจว่าวิธีของหลินสวินเจนจัดยิ่งนัก ไม่ต้องพูดพล่ามมากความ เพียงของล้ำค่าชิ้นเดียวก็พลิกสถานการณ์ได้
แต่สืออวี่เองก็ตกใจกับของล้ำค่าที่หลินสวินนำออกมาเช่นเดียวกัน ผลึกเก้าลำนำผสานใจเป็นถึงวัตถุวิญญาณชื่อสะเทือนทั่วหล้า ตามที่เขาทราบมา หากนำผลึกเก้าลำนำผสานใจผสมเข้าไปในเตาหลอมวิญญาณขณะสร้างเรือรบขนาดใหญ่ จะทำให้เรือรบนั้นมีความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
สืออวี่จำได้ว่าเทพเศรษฐีบิดาของเขาเคยเล่าให้ฟัง สิ่งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเรือหลวงจื่อเวยขององค์จักรพรรดิ คือเตาหลอมวิญญาณที่สร้างจากเสี้ยวหนึ่งของผลึกเก้าลำนำผสานใจกับวัตถุวิญญาณอีกสิบกว่าชนิด
เล่ากันว่าเรือหลวงจื่อเวยสามารถทำลายชั้นบรรยากาศ ล่องลอยไกลถึงขั้วฟ้าได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติก็ไม่สามารถแตะต้องของสิ่งนี้ได้
หากของในมือหลินสวินเป็นผลึกเก้าลำนำผสานใจชิ้นสมบูรณ์จริงๆ…
คิดมาเท่านี้สืออวี่ก็สะท้าน เขามั่นใจว่าของชิ้นนี้ต้องเป็นของล้ำค่าที่สุดในสาขาหลักของอัครการค้าอย่างแน่นอน!
เพียงแต่หลินสวินไปเอาของชิ้นนี้มาจากที่ไหนกัน ของล้ำค่าชิ้นนี้เพียงปรากฏในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณไกลโพ้น เป็นตำนานที่คิดได้แต่หวังครอบครองไม่ได้
ในยามนี้ นอกจากผู้อาวุโสชิวแล้ว นักประเมินทรัพย์คนอื่นต่างพากันตื่นเต้นดีใจ พวกเขารู้ชัดยิ่งกว่าผู้ฝึกปราณบนโลก ว่าผลึกเก้าลำนำวิญญาณนั้นมีมูลค่ามาเพียงใด!