เอาคืน โดย ProjectZyphon
ไม่แปลกที่คนเหล่านี้จะเสียอาการ ต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณที่มีพลังแข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะหรือระดับกระบวนแปรจุติ เมื่อเห็นของชิ้นนี้เกรงว่าก็ยังอยากครอบครอง
หลินสวินไม่ได้หัวเราะเยาะชายชราเหล่านี้ ท่าทางของพวกเขากลับทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าของล้ำค่าจากอนุสรณ์สถานในทะเลกลืนวิญญาณนั้นมูลค่ามหาศาลกว่าที่คาดมาก
เหมือนในยามนี้ที่เพียงผลึกเก้าลำนำผสานใจชิ้นเดียวก็ทำให้นักประเมินทรัพย์ของสาขาหลักแห่งอัครการค้าเสียอาการได้มากกว่าที่หลินสวินคาดไว้ ในบรรดาของล้ำค่าที่เขาได้มา ผลึกเก้าลำนำผสานใจนั้นนับเป็นเพียงของธรรมดาเท่านั้น
ผ่านไปครู่หนึ่งชายชราคนหนึ่งสูดปากตาเป็นประกาย “ไม่ต้องสงสัย นี่คือผลึกเก้าลำนำผสานใจแน่นอน!”
นักประเมินทรัพย์คนอื่นพยักหน้าหงึกหงัก สืออวี่ยิ้มด้วยความตื่นเต้น
ผู้อาวุโสชิวเห็นดังนั้นก็มีท่าทีซับซ้อน หากเด็กคนนี้นำมันออกมาตั้งแต่แรกจะเกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร
“สหายน้อย เจ้าแน่ใจหรือว่าจะขายของชิ้นนี้”
ใครบางคนเอ่ยถาม ชายชราพากันมองไปที่หลินสวิน ท่าทางให้เกียรติระคนแปลกใจแตกต่างจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง
ผลึกเก้าลำนำผสานใจ!
แค่ของชิ้นนี้ก็ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนสายตาที่มองหลินสวินแล้ว เพียงแต่พวกเขาแปลกใจว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น แล้วไปเอาของชิ้นนี้มาได้อย่างไร
“ใช่แล้ว แต่ทุกท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน ผลึกเก้าลำนำผสานใจนี้เป็นเพียงหนึ่งในสิ่งที่ข้าต้องการขายเท่านั้น”
หลินสวินพลิกฝ่ามือเก็บผลึกเก้าลำนำผสานใจแล้วนำดอกไม้วิญญาณลำก้านเรียวตรงสีเขียวที่มีสามสิบหกใบขึ้นมา สีของใบไม้เขียวชอุ่ม เส้นใยคล้ายรอยสลักลึกลับ มีแสงวิญญาณโอบอุ้มคล้ายเป็นก้อนเมฆติดอยู่กับลำก้านเรียวตรง ตัวดอกไม้วิญญาณเป็นสีไพลินจางๆ กลีบดอกบางเบาดุจไอหมอกส่งกลิ่นไอเยือกเย็นออกมา
ผู้คนโดยรอบต่างหลงใหลไปกับความงามที่ได้ยล
“เป็นกลิ่นไอวิญญาณที่ลึกลับนัก นี่คือ?”
“มีสามสิบหกใบ เส้นใยคล้ายรอยสลัก บางเบาแลเจือจาง คงไม่ใช่…คงไม่ใช่ดอกไม้ที่มีพลังแห่งทวยเทพ…”
“ดอกอำพรางวิญญาณ!”
“นี่คือดอกอำพรางวิญญาณ ซึ่งถูกขนานนามว่า ‘ยอดแห่งยาวิญญาณ’ ที่หายสาบสูญไปจากในจักรวรรดินานแล้วไม่ใช่หรือ!”
ชายชราเหล่านั้นเสียงสั่น เบิกตาโพลงมองดอกอำพรางวิญญาณในมือหลินสวินด้วยความตื่นเต้น
กี่ปีมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นดอกไม้ชนิดนี้ เดิมทีคิดว่าสูญพันธุ์ไปเสียแล้ว ไม่คิดว่ายามนี้จะมาปรากฏอยู่ต่อหน้าของตน อย่างกับความฝันอย่างไรอย่างนั้น
“ดอกอำพรางวิญญาณ…”
สืออวี่สูดปาก เป็นของล้ำค่าที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติก็ยังเสียสติได้ มูลค่าสูงยิ่งกว่าผลึกเก้าลำนำผสานใจเสียอีก!
หากมีของชิ้นนี้จะทำให้ผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติสามารถรับรู้ความว่างเปล่าโดยถ่องแท้ จนสามารถหล่อหลอมพลังเทพบริสุทธิ์ของตัวเองได้
“นี่…”
ผู้อาวุโสชิวที่ยังคงขัดแย้งในใจตัวเอง เมื่อได้เห็นดอกอำพรางวิญญาณที่มีสามสิบหกใบแล้ว เส้นความอดทนของชายชราก็ขาดผึง ปรี่เข้ามาดูใกล้ๆ ตาของเขาเป็นประกายวาววับด้วยความหลงใหล
“ไม่อยากเชื่อเลย ไม่อยากจะเชื่อเลย ดอกอำพรางวิญญาณนี้อย่างน้อยก็มีอายุขัยกว่าพันปี ลักษณะแทบจะสมบูรณ์แบบ เป็นของชั้นเลิศยิ่งนัก…”
เหตุการณ์ในยามนี้น่าสนใจนัก หลินสวินไม่เอ่ยปากสักคำ เพียงหยิบสิ่งของวิญญาณขึ้นมาสองชนิดก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
บุคคลที่ถือตัวว่าเป็นนักประเมินทรัพย์ไม่มีความทะนงตัวและอคติดังเช่นก่อนหน้า แต่กลับหลงใหลตื่นเต้น ตกใจเสียอาการไปกับความเย้ายวนของวัตถุวิญญาณ
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้สืออวี่ตาค้าง รำพึงในใจ หลังจากที่รู้จักกับหลินสวินในค่ายกระหายเลือดมา เขาไม่เคยเห็นว่าจะมีเรื่องใดเป็นปัญหาแก่หลินสวินเลย
รวมถึงตอนนี้ก็ด้วย!
ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำให้นักประเมินทรัพย์แสนสุขุมของอัครการค้าสาขาหลักเสียอาการครั้งแล้วครั้งเล่าได้
อาจมีคนบอกว่าเป็นเพราะวัตถุวิญญาณสองชนิดนั้น แต่อย่าลืมว่าของทั้งสองชนิดนั้นล้วนมาจากตัวหลินสวิน หากไม่ยอมรับก็ลองให้ผู้ฝึกปราณคนอื่นไปเอาวัตถุวิญญาณสองสิ่งนี้มาให้ได้สิ
“ทุกท่านดูชัดกันแล้วหรือยังขอรับ” ในที่สุดหลินสวินก็เอ่ยขึ้น เก็บดอกอำพรางวิญญาณในมือลง
ยามนั้นเหล่าชายชราพลันได้สติคล้ายตื่นจากความฝัน ท่าทางประดักประเดิด
“ยืนยันได้ว่านี่คือดอกอำพรางวิญญาณแน่นอน” ผู้อาวุโสชิวกระแอมขึ้น กล่าวเสียงเข้ม
ชายชราคนอื่นส่งสายตาให้กัน หลังจากได้สติคืนมา พวกเขาต่างรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวิน
ก่อนหน้านี้พวกเขายังมองว่าหลินสวินเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ใช้นามของสืออวี่มาโก่งราคาในอัครการค้า จึงมีท่าทีไม่เกรงใจและทะนงตน
ทว่าเมื่อหลินสวินนำของวิญญาณสองชนิดนั้นออกมาทำให้พวกเขารู้ตัวว่าตัวเองมองผิดไป แต่พวกเขาไม่ยอมขอโทษเด็กหนุ่มด้วยต้องรักษาหน้า ทำให้บรรยากาศในห้องอึมครึมลง
นี่เป็นสิ่งที่หลินสวินต้องการจะเห็น เขายิ้มน้อยๆ กล่าว “ในเมื่อยืนยันแล้ว ทุกท่านเชิญให้ราคามาเถอะ อ้อ คิดตามราคาตลาดนะ”
ได้ยินคำว่า ‘ราคาตลาด’ ชายชราเหล่านั้นพลันหน้ากระตุกโดยไม่รู้ตัว แสบๆ คันๆ คล้ายโดนตบเข้าบ้องหู
“เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการขายสองสิ่งนี้จริงๆ”
ผู้อาวุโสชิวสูดลมหายใจ อดกลั้นความไม่พอใจของตัวเองเอาไว้
“แน่ใจ” หลินสวินเอ่ย “หากอัครการค้าไม่ยินดีรับไว้ ข้าไปขายให้ร้านอื่นก็ได้”
ชายชราคนหนึ่งรีบเอ่ยว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เพราะว่าของสิ่งนี้ล้ำค่าหากได้ยาก พวกข้าจึงไม่แน่ใจว่าเจ้าจะขายมันจริงๆ”
“ใช่แล้ว” คนอื่นพากันเอ่ยสมทบ
หากรับของสองสิ่งนี้ไว้ ล้วนเป็นผลดีต่อทั้งอัครการค้าและพวกเขาทั้งสิ้น เช่นนี้แล้วพวกเขาจะยอมให้ของล้ำค่าหายไปจากสายตาได้อย่างไร
“คุณชายสาม ท่านคิดเห็นอย่างไร”
ผู้อาวุโสชิวหันไปมองสืออวี่ น้ำเสียงอ่อนโยนอารีด้วยหวังให้เขาช่วยออกหน้าเอ่ยเกลี้ยกล่อมมหลินสวิน
สืออวี่เบิกบานในใจ แต่ปากกลับปฏิเสธ “ไม่ได้หรอก เมื่อครู่ข้าให้ราคามิตรภาพกับเขา เขายังไม่ต้องการเลย เพื่อนอย่างข้าจะเกลี้ยกล่อมเขาได้อย่างไร”
ได้ยินคำว่า ‘ราคามิตรภาพ’ สีหน้าของเหล่าชายชราล้วนแปลกไป พวกเขามีหรือจะไม่รู้ว่าสืออวี่กับหลินสวินกำลังแก้แค้นกันอยู่ แต่ช่วยไม่ได้ เพื่อรักษาของล้ำค่าสองสิ่งนี้ไว้ พวกเขาทำได้เพียงอดทน
“เอาอย่างนี้แล้วกัน เชิญผู้อาวุโสทุกท่านเสนอราคามา หากข้าคิดว่าดีพอก็จะขายสองสิ่งนี้ให้ หากไม่ได้…” หลินสวินกดเสียงเข้ม “ขอให้ผู้อาวุโสทุกท่านเห็นแก่หน้าสืออวี่ อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”
เหล่าชายชราคล้ายรู้สึกว่าทุกคำพูดของหลินสวินกำลังแดกดันพวกเขา ทำให้พวกเขาลำบากใจ เสียใจที่ไปผิดใจกับเด็กคนนี้จนเหตุการณ์กลายเป็นอย่างนี้ไปได้
อย่างนี้เรียกว่ากรรมตามสนองทันตาเห็น
ที่ทำให้พวกเขาอัดอั้นที่สุดก็คือ ของสองสิ่งนี้ล้ำค่าหาได้ยากเกินไป ทำให้ไม่ง่ายต่อการเสนอราคา
ว่าง่ายๆ หากปล่อยข่าวออกไปว่าอัครการค้าจะเปิดขายของสองสิ่งนี้ แม้ราคาจะสูงเพียงใดก็ย่อมมีผู้ฝึกปราณหลายคนรุมล้อมเข้ามาแย่งชิง
“คือว่า…ให้เราปรึกษากันก่อนได้หรือไม่” ผู้อาวุโสชิวเอ่ยอย่างลังเล
คนอื่นผงกหัวเห็นด้วย หากให้ราคาต่ำไปหลินสวินย่อมไม่พอใจ จนทำให้อัครการค้าพลาดจากของล้ำค่าสองสิ่งนี้ แต่หากให้ราคาสูงไป ทางอัครการค้าก็จะเสียผลประโยชน์ ดังนั้นพวกเขาต้องหาวิธีที่ทำให้ทั้งหลินสวินพอใจ ทั้งให้อัครการค้าได้ผลประโยชน์ไปพร้อมกัน
“เชิญผู้อาวุโสทุกท่านตามสบาย” หลินสวินพยักหน้าตกลง
ชายชราเหล่านั้นออกไปหาห้องปรึกษากันทันใด
“สะใจนัก” สืออวี่ที่ยืนชมเหตุการณ์อยู่ยิ้มเผล่ สบถออกมาด้วยความสะใจ
“นี่เป็นเพียงละครเล็กน้อยที่ทำให้พวกเขาต้องข่มอารมณ์และเปลี่ยนท่าทีเท่านั้น” หลินสวินว่าอย่างไม่ยี่หระ
“ฮ่าๆ แค่นี้ก็พอแล้ว”
สืออวี่คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยเตือน “เดี๋ยวอีกหน่อยเจ้าก็อย่าทำให้พวกเขาเสียหน้านักล่ะ”
หลินสวินยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว”
เขาก้มกระซิบสืออวี่ “ข้าจะบอกเจ้าให้ ไม่ว่าพวกเขาจะเสนอราคามาเท่าไหร่ข้าก็ไม่มีทางรับ”
สืออวี่ผงะ ใคร่ครวญคิดตาม “ก็ใช่ ของล้ำค่าเช่นนี้ใครจะเอาออกมาขายแลกเงินกันเล่า”
หลินสวินส่ายหน้า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่เรื่องของราคา แต่ข้าคิดไว้แล้วว่าจะขายผ่านการประมูล”
คุณชายสืออวี่มึนงง “วิธีของเจ้าไม่เลวเลย แต่หากทำเช่นนี้อัครการค้าของข้าก็เสียเปรียบน่ะสิ”
หลินสวินค้อน “เจ้าแน่ใจหรือว่าอัครการค้าเป็นของเจ้า ข้าทำเช่นนี้ถือเป็นการยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ช่วยเหลือตัวเองแล้วยังเปิดโอกาสให้เจ้าแสดงความสามารถด้วย”
หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว สืออวี่ก็คิดขึ้นได้ เอ่ยด้วยความตกใจ “เจ้าจะให้ข้าออกหน้า ช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ”
เด็กหนุ่มพยักหน้า “ใช่แล้ว ไม่ว่าราคาประมูลจะสูงหรือต่ำ อย่างน้อยทุกอย่างก็ถือเป็นผลงานของเจ้า”
สืออวี่ใคร่ครวญครู่ใหญ่ ก่อนมองหลินสวินด้วยสายตาซับซ้อน “เจ้านี่ความคิดลึกล้ำเกินไปแล้ว”
“ไร้สาระ เจ้าจะตกลงหรือไม่ตกลง” หลินสวินกลอกตา
อีกฝ่ายตอบทันที “ตกลงสิ คนโง่เท่านั้นแหละที่จะปฏิเสธโอกาสดีๆ เช่นนี้”
หลินสวินผงกหัว นำผลึกเก้าลำนำผสานใจกับดอกอำพรางวิญญาณส่งให้สืออวี่
เขานำของวิญญาณล้ำค่าอีกสามสี่ชิ้นที่ไม่ได้ใช้ส่งให้สืออวี่ไปด้วย “โอกาสไม่ได้มีง่ายๆ เอาของพวกนี้ไปประมูลทั้งหมดเถิด”
สืออวี่เหม่อลอย คิดไม่ถึงว่าหลินสวินเอาวัตถุวิญญาณที่ไม่ด้อยไปกว่าผลึกเก้าลำนำผสานใจกับดอกอำพรางวิญญาณอีกสามสี่ชิ้นให้เขาอีก
นะ นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!