บทที่ 45 เก่งกาจช่ำชองหมากกระดาน

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

กู้ชูหน่วนหยิบอ้อยหนึ่งข้อขึ้นมา จากนั้นพลางแทะอย่างไม่สนใจใคร และยังพลางหันไปผิวปากใส่สองอัจฉริยะแห่งแคว้นจ้าว

“พวกเจ้าสองคนอยากจะเดิมพันกับข้าสักตาไหม”

ฉางเจินและฉางผิงมุมปากกระตุกขึ้น

แม่นางนี่เป็นผีพนันรึอย่างไร แต่ละประโยคถึงได้ไม่พ้นคำว่าเดิมพันเลย

ตาเมื่อสักครู่พวกเขานั้นแพ้แล้ว จนทำให้คุณชายอี้ต้องเล่นเป็นเพื่อนนางเจ็ดวัน ในใจพวกเขารู้สึกผิดอย่างมาก ไฉนเลยจะกล้าเดิมพันอีก

ฉางเจินส่ายหน้า แล้วกล่าวตามตรง “คุณหนูสาม พวกเรามาร่วมงานชุมนุมโต้วเหวิน มิใช่มาที่นี่เพื่อการพนัน ความเมตตาที่คุณหนูสามมอบให้ พวกเราขอน้อมรับด้วยใจ และขอคุณหนูสามโปรดมองหาผู้อื่นเถิด”

“ช่างเป็นหนอนหนังสือทั้งสองท่านจริง ๆ น่าเบื่อ”

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นมองไปทางอี้เฉินเฟยผู้สง่างาม แล้วกะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายอี้ ตาเมื่อสักครู่ เจ้าคงจะไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ”

“แน่นอนว่าไม่ รอให้งานชุมนุมโต้วเหวินสิ้นสุดลง ข้าน้อมให้คุณหนูสามลงโทษได้ตามอำเภอใจ”

ผู้คนอยู่ในความโกลาหล

ในข่าวลือว่ากันว่าคุณชายอี้เฉินเฟยนั้นเป็นคนจิตใจดี คิดไม่ถึงว่านิสัยจะดีได้เพียงนี้

เขาเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า และเป็นหนึ่งในบุคคลที่ไม่เป็นสองรองใครในลัทธิขงจื๊อ สถานะสูงศักดิ์ แต่กลับยินดีและเต็มใจที่จะเล่นกับแม่นางผู้ไม่เอาไหนและน่าเกลียดเช่นนาง

หรือเขาดูไม่ออกวากู้ชูหน่วนนั้นกำลังเหยียบจมูกเขา

กู้ชูหน่วนส่งตาหวานใส่เขาอย่างคลุมเครือ ประหนึ่งว่าเขาคือหอนางโลม

อี้เฉินเฟยจะยิ้มก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่เชิง

นี่ถือเป็นการเกี้ยวพาราสีเขาต่อหน้าผู้คนหรือไม่

เซียวหยู่เซวียนกล่าวด้วยความโมโห “ข้ารู้อยู่แล้วว่านางตัวดีนี่จะต้องถูกใจอี้เฉินเฟย สายตานางมีปัญหารึอย่างไร อี้เฉินเฟยมีอะไรดี”

“เฮียใหญ่ พวกข้ารู้สึกว่าคุณชายอี้ค่อนข้างดีเลยเชียว นิสัยก็ดี ความรู้ก็เยี่ยม หนำซ้ำหน้าตาดีอีกด้วย”

“ไสหัวไป”

ผู้เฒ่าสวีโมโหจนดุว่าด่าทอ “การกระทำไม่สมกับผู้มีความรู้ การกระทำไม่สมกับผู้มีความรู้”

การประลองได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้คนมองจดจ่อไปยังกระดานหมากที่อยู่ตรงหน้า

แวบแรกที่มองไปฉางเจิน ฉางผิง อ๋องเจ๋อและเย่เฟิงต่างต้องตกตะลึง

กระดานหมากที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นหมากดำหรือหมากขาวต่างถูกบีบจนถึงทางตัน จนไม่สามารถที่จะวางได้อีกแล้ว

นี่มันหมากตายชัด ๆ

ผู้คนต่างมองอยู่นานสองนาน ก็ไม่รู้ว่าเดินอย่างไรดี

เทพหมากกระดานเหลิงได้ใจ “หมากหลิงหลงนั้นยากที่จะแก้ได้ แม่หนูน้อย เจ้าต้องระวังหน่อยแล้ว”

กู้ชูหน่วนพลางแทะอ้อยพลางมองกระดานหมาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมากนี้ค่อนข้างซับซ้อนจริง ๆ เพราะในกระดานหมากนี้ ยังมีค่ายกลวังนพเก้า ค่ายกลทวิภาวะไตรลักษณ์ หากไม่ระมัดระวังแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะถูกอีกฝ่ายกลืนกินไปจนหมด

เชอะ……

เดินหมากรึ

ตอนที่เธออยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นางนั้นเป็นระดับโปรเฟสชั่นแนล ไม่ว่าจะเป็นหมากล้อม หมากรุกอื่น ๆ ล้วนไม่คณามือ

ที่บังเอิญคือ กระดานหมากหลิงหลงที่ว่ามันก็แค่จิ๊บจ๊อย คอมพิวเตอร์ที่บ้านของเธอล้วนมีระบบในตัว ชาติที่แล้วเธอเล่นมาไม่รู้กี่รอบแล้ว

“ข้าถือสีขาวหรือสีดำดีนะ” เธอกล่าว

ทุกคนต่างพูดไม่ออก

นางคือผู้ท้าดวล แน่นอนว่าต้องถือสีขาว คำถามที่โง่เขลาเช่นนี้ ไม่น่าเชื่อนางจะถามออกมาได้ นางเข้าใจหมากจริงหรือ

“สีขาว” ฉางเจินกล่าว

“ขอบใจ เช่นนั้นตอนนี้ถึงตาข้าเดินหมาก หรือเป็นตาของพวกเจ้าที่เดินหมากกัน”

“……”

จากสองประโยคนี้ ทุกคนที่อยู่ในงานต่างลงความเห็นว่านางนั้นไม่เข้าใจเรื่องหมากเลยสักนิด แม่นางคนนี้ช่างวุ่นวายพันแข้งพันขาจริง ๆ

เทพหมากกระดานขมวดคิ้ว “แม่หนูน้อย เจ้าไม่เคยเดินหมากรึ”

“เอ่อ……ข้าอยู่ที่นี่ไม่เคยเดินหมากอย่างเอาจริงเอาจังจริง ๆ”

“……”

ครั้งนี้แม้แต่เทพหมากกระดานก็ยังถึงกับพูดไม่ออก

ถ้าหากว่านางไม่เข้าใจการเดินหมาก เช่นนั้นจักต้องสอนไปถึงเมื่อใด

การประลองมีเวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

ทุกคนต่างคิดหนักว่าขั้นตอนต่อไปจะวางตรงไหนดี

ฉางเจิน ฉางผิงหยดเหงื่อเย็นเยียบเปียกชุ่ม พวกเขาไตร่ตรองทุกขั้นตอนอย่างถี่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะเดินขั้นตอนใด สุดท้ายก็มีแต่ทำให้ตัวเองเดินไปสู่หน้าผา นี่มันหมากตายชัด ๆ ไม่มีทางที่จะแก้ได้

อ๋องเจ๋อที่ทั้งเจ็บทั้งคันไปทั่วตัว เจ็บจนไม่สามารถนั่งอยู่กับที่ได้ เขาอยากจะจบเกมหมากรุกนี้เร็ว ๆ แต่ทว่าเขาดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ก็เป็นเหมือนกับฉางเจินและฉางผิงที่ไม่รู้ว่าจะวางหมากลงตรงไหนดี เพราะความลนลานทำให้ความเจ็บปวดตามเนื้อตัวยิ่งทรมาน และถูกเขาเกาจนผิวถลอกปอกเปิกไปไม่น้อย

กู้ชูหน่วนหยอกกระเซ้า “ท่านอ๋องเจ๋อในเมื่อทรมานเช่นนี้ ก็ยอมแพ้แล้วรีบกลับไปรักษาเถิด อย่างไรก็แค่สามล้านตำลึงเอง ข้าเชื่อว่าสำหรับท่านแล้ว ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”

อ๋องเจ๋อก็เคยคิดว่าที่จะยอมแพ้ในตานี้ เพราะหมากหลิงหลงที่ซับซ้อนนี้ กู้ชูหน่วนไม่มีทางที่จะแก้ได้อย่างแน่นอน

แต่เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ อ๋องเจ๋อก็อดกลั้นความทรมานไว้ แล้วกัดฟันทนต่อไป

สามล้านตำลึงเชียวนะ นางเห็นเป็นสามร้อยหรือกระไรที่จะยอมให้หลุดมือไปได้ง่าย ๆ

เพิ่งจะสูญเสียสองล้านตำลึงไป เกรงว่าที่จวนคงว่างเปล่าไม่เหลือแล้ว หากว่าแพ้อีก เขาจักต้องออกไปยืนเงินแล้ว

คนที่วางหมากคนแรกคือเทพหมากกระดาน และการวางหมากของเทพหมากกระดานนั้นแทบจะเป็นการวางหมากที่สูญเปล่า เพราะว่ากระดานหมากแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะหมากตัวนั้นเลย

“ถึงตาข้าแล้วใช่หรือไม่”

กู้ชูหน่วนถือหมากขาวไว้ แล้วมองกระดานหมากที่แน่นขนัด ประหนึ่งลังเลว่าจะวางหมากตรงไหนดี

ผู้คนต่างจ้องอยู่ที่หมากของนาง แต่กลับเห็นนางเดี๋ยวมองตรงนี้ที เดี๋ยวมองตรงนั้นที จนสุดท้ายหลับตาลงแล้วสุ่มวางหมากหนึ่งตัวลงไป

ผู้คนต่างบ่นแขวะนางในใจหลายพันครั้ง รอนางขุดหลุมศพให้ตัวเอง

แต่แล้วพวกเขาอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่า หมากตัวนั้นของกู้ชูหน่วนก็เหมือนกับหมากของเทพหมากกระดาน หมากที่วางลงไม่ได้วางลงจุดสำคัญแต่อย่างใด สถานการณ์จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ดวงของนางช่างดีเกินไปแล้วกระมัง เช่นนี้ก็ยังสามารถทำให้นางล้อมได้

เทพหมากกระดานสงสัยว่านางจงใจโยนปัญหายากให้กับเขาอีกครั้งหรือไม่

และในเวลานี้ เย่เฟิงก็ได้วางหมากหนึ่งตัวลง

หมากตัวนี้ของเย่เฟิงสามารถกล่าวได้ว่าเป็นการบุกทะลวงจนสามารถเอาชีวิตรอด เขาทำให้หมากดำที่อยู่ตรงหน้าเป็นประกาย แสงแห่งรุ่งอรุณได้ปรากฏขึ้น

ผู้คนอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม “อัจฉริยะเย่ ช่างมีชั้นเชิงสุดยอด บุกทะลวงจนรอดตาย หมากดำมีความหวังแล้ว”

“ใช่ เจ้าดูหมากขาวหน้าหลังซ้ายขวาสิ ถูกล้อมตายหมดแล้ว ต่อให้มีปีกก็ยากจะบินหนีได้”

“คุณหนูสามกู้จะแพ้แล้ว”

กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วขึ้น แววตาประกายความชื่นชม

วิธีการวางหมากนี้เยี่ยมยอดมาก ไม่เพียงแต่ทำให้เขาหลุดจากการล้อม ยังทำให้นางถูกล้อมตายด้วย เย่เฟิงผู้นี้เกรงว่าจะไม่หน่อมแน้มเหมือนอย่างที่นางคิดเสียแล้ว

กู้ชูหน่วนหยิบหมากขาวขึ้นมา จากนั้นสุ่มโยนลงไป โยนอย่างเกียจคร้าน

อุ้ย……

ผู้คนต่างอ้าปากค้างและมองดูกระดานหมากรุกอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

หมากของกู้……กู้ชูหน่วนนั้น รู้ทั้งรู้ว่าด้านหน้าอันตราย แต่ก็ยังดันทุรังทจะพุ่งชนออกไปโดยไม่สนตนเอง นั่นคือความห้าวหาญที่บุกรุดหน้าไปอย่างไม่ท้อถอย คือความกล้าหาญชนิดที่เห็นความตายดั่งทางกลับบ้าน ไม่มีความเกรงกลัว และด้วยความกล้าหาญนี้ ทำให้หมากขาวที่ถูกศัตรูห้อมล้อมทั้งสี่ทิศได้ค้นพบถึงโอกาส

หมากขาวทะลวงออกมาเผชิญหน้ากับหมากดำอีกครั้ง

นี่…….

กู้ชูหน่วนวางหมากโดยไม่แม้แต่จะพินิจไตร่ตรอง

นี่นางวางสุ่มวางหรือว่านางช่ำชองเชี่ยวชาญหมากรุกกันแน่

แม้ว่าจะช่ำชองเชี่ยวชาญหมากรุกมากเพียงใด ก็คงจะไม่สามารถแก้หมากของอัจฉริยะเย่ได้ในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้หรอกกระมัง

แก้มของกู้ชูหน่วนโหนกนูน มองดูผู้คนด้วยความหวาดกลัว “พวกเจ้าเหตุใดถึงมองข้าเช่นนี้ หรือว่าข้าวางผิดไป ข้าแพ้แล้วรึ”

ผู้คนตบเข้าที่เข่าหนึ่งฉาด

นี่พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่

คุณหนูสามกู้ขึ้นชื่อเรื่องความทึ่ม นางจะเก่งกาจช่ำชองหมากกระดานได้อย่างไร

เย่เฟิงยืดหลังให้ตรง จ้องมองไปยังกระดานหมากอย่างจดจ่อ

เทพหมากกระดานอดไม่ได้ที่จะยกหัวแม่โป้งขึ้นมากล่าวชื่นชม “ช่างเป็นการทะลวงจนสามารถเอาชีวิตรอดที่เยี่ยมยอดมาก ช่างเป็นการบุกรุดหน้าได้อย่างกล้าหาญเสียจริง พวกเจ้าหนูน้อยทั้งสองคนนี้ช่างทำให้ข้าประทับใจมากจริง ๆ”