บทที่ 46 แสร้งแกล้งโง่ให้เหยื่อตายใจ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“เช่นนั้นก็ข้าไม่ได้วางหมากผิดน่ะสิ ค่อยยังชั่ว ๆ ข้าตกใจหมดเลย ใช่แล้ว พวกเจ้าถึงไม่วางแล้วล่ะ รีบวางให้จบ ๆ ข้าจะได้กลับบ้านไปนอนเสียที”

มุมปากผู้คนกระตุกขึ้น

นอนอะไรกัน

วางบ้าบออะไรกัน

หมากนี้ล้วนเป็นหมากตาย แค่อยากขยับนิดเดียวก็เป็นเรื่องยาก จะให้พวกเขาวางตรงไหน

อ๋องเจ๋อร้อนใจจนหัวหมุน แทบอยากจะทุบกระดานหมากรุกนี้ให้แหลกลาญไปเสียเลยนี่กระไร

ล้วนเป็นทางตัน นี่เป็นหมากที่มนุษย์เดินหรือ

ทุกครั้งที่เทพหมากกระดานวางหมากลง กู้ชูหน่วนก็มักจะสามารถสกัดเขาไว้ได้

เขาถอย กู้ชูหน่วนถอย

เขาบุก กู้ชูหน่วนก็บุกตาม

สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ ทุกครั้งกู้ชูหน่วนจะทิ้งโจทย์ที่ยากไว้ให้กับเขา ทำให้เขาโมโหจนขยี้ศีรษะ และก็ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนนั้นจงใจแกล้งเขาหรือไม่

แต่ใบหน้านางดันไร้เดียงสา ยิ้มอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่

เย่เฟิงก็วางหมากสีตัวลงตรงกลาง เพียงแต่ว่าหมากแต่ละตัวก็ถูกกู้ชูหน่วนสกัดไว้ได้

ฉางเจินและฉางผิงได้แต่เฝ้ามอง เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถจะวางหมากแม้แต่ตัวเดียว

อ๋องเจ๋อนั่งไม่ติดก้น ทั่วร่างทั้งคันและเจ็บปวด ใบหน้าที่งดงามล้วนถูกเกาจนเลือดไหลออกมา ยังมีส่วนที่ลับอีกหลายที่ไม่กล้าเกาเนื่องจากภาพลักษณ์ ทำได้เพียงอดทนอดกลั้นไว้

เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

แล้วก็สุ่มหยิบหมากขึ้นมาหนึ่งตัวแล้ววางลงไป

กู้ชูหน่วนตบดังหนึ่งฉาด จากนั้นวางหมากลงไปหนึ่งตัว ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “ข้ารู้สึกว่าตรงนี้มองแล้วสบายตาดี ข้าวางตรงนี้แล้วกัน”

คู่ดวงตาของอ๋องเจ๋อเบิกโพลงขึ้น

หมากตัวนั้นที่เขาวางลงไป เป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ

ส่วนกู้ชูหน่วนวางหมากเพียงตัวเดียว ก็สามารถแก้หมากดำของเขาลงได้ทั้งหมดอย่างง่ายดาย

หมากดำทั้งหมดล้วน…..ถูกทลายลง

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “นี่เป็นไปได้อย่างไร เพียงแค่หมากตัวเดียวก็สามารถแก้หมากหลิงหลงได้ กู้ชูหน่วนเจ้าขี้โกง”

กู้ชูหน่วนตกใจจนอ้อยแทบจะร่วงหลุดจากปาก แล้วกล่าวคัดค้าน “ข้าไปโกงตอนไหนมิทราบ หรือว่ามีใครสอนข้าวางหมาก ฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาทโปรดจงมาให้ความเห็นหน่อยเพค่ะ คนมุงดูมากมายเพียงนี้ ข้าจะสามารถโกงได้อย่างไร อ๋องเจ๋อแพ้ไม่ได้ ถึงได้โยนทุกอย่างมาที่ตัวข้ากระมัง อีกอย่างหมากรุกนี้ยังเดินไม่เสร็จมิใช่รึ”

ฮ่องเต้เย่ปวดพระเศียร ด้านหน้าประหนึ่งฝูงอีกาบินว่อนโฉบไปมา ไม่สามารถพูดอะไรสักคำออกมาได้จริง ๆ

เทพหมากกระดานมองกระดานหมากด้วยความตะลึงตกใจ “แก้ได้แล้ว……แก้ได้แล้ว……แก้หมากหลิงหลงได้แล้ว……คุณพระ……ข้าวางหมากมาหลายสิบปียังไม่สามารถแก้ได้ ทำไมเจ้าถึงแก้ได้ แม่หนูน้อย เจ้าบอกข้าสิว่าเจ้าแก้ได้อย่างไร”

“มันจะไปยากอะไร ก็แค่สุ่มโยนลงไปก็ได้แล้ว” นางกล่าวอย่างเรียบง่ายและหยาบโลน

แต่เทพหมากกระดานกลับไม่เชื่อคำพูดนางสักคำ

หนึ่งครั้งสองครั้งอาจจะเป็นความบังเอิญได้ แต่เป็นไปได้ที่จะบังเอิญทุกครั้งหรอกกระมัง

เทพหมากกระดานกล้ายืนยันว่า แม่นางที่อยู่ตรงหน้า ฝีมือการเดินหมากจะต้องสูงกว่าเขาอย่างแน่นอน

อีกทั้งสูงกว่าหลายเท่ามาก

เทพหมากกระดานดีใจจนแทบคลั่ง มีคำถามมากมายอยู่ในใจของเขา จากนั้นจึงล้อมกู้ชูหน่วนแล้วถามไปด้วยคำถามมากมาย

กู้ชูหน่วนห้ามเขาให้หยุด แล้วกล่าวอย่างหมดความอดทน “ท่านผู้เฒ่า ในเมื่อข้าชนะแล้ว อย่างนั้นตามหลักการเดิมพันเมื่อสักครู่ ท่านจะต้องคารวะข้าเป็นอาจารย์ เรียกข้าว่าอาจารย์ใช่หรือไม่”

“อาจารย์อยู่เหนือ โปรดรับคารวะจากศิษย์ด้วย”

คู่ขาของเทพหมากกระดานคดงอขึ้น จากนั้นคุกเข่าลง คำนับศีรษะแรง ๆ สามครั้ง แล้วตะโกนขึ้น “อาจารย์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าก็คือศิษย์ของท่านแล้ว ท่านมีอะไรอยากรับสั่ง ก็กำชับศิษย์ได้ทุกเมื่อ”

“ปัง……”

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไม่น้อยกับทูตเกือบจะเซล้ม

หว่างคิ้วของพวกเขาขมวดจนชิดติดกัน มองใบหน้าที่ชื่นชมจนคลั่งของเทพหมากกระดานอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็โงนเงนเกือบจะล้มเช่นกัน

การเดิมพันครั้งนี้ นางก็แค่หยอกเล่นเท่านั้น ไม่เคยคิดที่จะจริงจังรับเทพหมากกระดานมาเป็นลูกศิษย์แต่อย่างใด

และนางก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเทพหมากกระดานจะคุกเข่าลงต่อหน้านาง คารวะนางเป็นอาจารย์

แม้แต่อ้อยกู้ชูหน่วนก็ไม่สามารถทานลงได้อีก จึงได้โยนทิ้งไป

แต่การโยนครั้งนี้บังเอิญโยนไปโดนศีรษะของอ๋องเจ๋อ ทำให้ศีรษะของอ๋องเจ๋อปูดโปนบวมขึ้น

“กู้ชูหน่วน เจ้าจงใจแกล้งข้าใช่หรือไม่”

กู้ชูหน่วนตกใจ

ด้วยความสัตย์จริง ครั้งนี้นางไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งเขาจริง ๆ แต่เป็นเพราะอ้อยข้อนั้นมีดวงตาอยากจะลงโทษคนชั่วและส่งเสริมความดี

“แค่คุณหนูสามแห่งจวนเฉิงเซี่ยง กล้ามาแกล้งข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าเห็นว่าข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร”

ริมฝีปากของอ๋องเจ๋อบวมเป่ง คำพูดที่เปล่งออกมาคลุมเครือไม่ชัดเจน ผู้คนต่างฟังไม่ออกว่าเขานั้นพูดอะไรบ้าง

กู้ชูหน่วนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ข้ารู้ถึงความคับข้องใจ เจ้าเชื่อฟัง แพ้ให้ข้าไม่จำเป็นต้องอับอาย เพราะถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนของแคว้นเย่ ไม่ใช่คนแคว้นฉู่ แคว้นจ้าวหรือแคว้นหวา ฝ่าบาทประทานสมบัติเงิน ก็ไม่มีทางรั่วไหลออกไปด้านนอกได้”

“เจ้าเพ้อเจ้ออะไร”

“ใช่ ๆ เจ้าบาดเจ็บสาหัส เจ้าวางใจได้ ข้าไม่มีทางรังแกคนอ่อนแอหรอก และยินดีที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ สามล้านตำลึงนั่น อ๋องเจ๋อต้องมอบให้กับข้า”

อ๋องเจ๋อแทบจะกระอักเลือดออกมา

บ่าวรับใช้ต่างกรูกันมาประคองอ๋องเจ๋อให้นั่งลง และช่วยเขาให้หายใจได้คล่อง และยังช่วยจัดการกับบาดแผลด้วย

เย่เฟิงจ้องมองกระดานที่อยู่ตรงหน้า ในใจหนักหน่วง มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อได้กำแน่นขึ้น

หมากหลิงหลง……

เขาพยายามสุดความสามารถแล้ว

เหตุใดกู้ชูหน่วนถึงมักจะสกัดทางรอดของเขาได้ในเพียงเวลาอันสั้น

หากว่านางอยากจะชนะจริง สามารถชนะเทพหมากกระดานได้ทุกเมื่อ แต่นางกลับเหมือนแมวหยอกล้อหนูก็ไม่ปาน หยอกล้อพวกเขาด้วยเวลาหนึ่งก้านธูปเต็ม ๆ

สุดท้าย……

สุดท้ายก็หักหน้าอ๋องเจ๋อไม่มีชิ้นดี ทำให้อ๋องเจ๋อโมโหจนระเบิดออกมาดุจสายฟ้า

ไม่ว่าอย่างไรกู้ชูหน่วนจะเดินหมากด้วยอารมณ์ไหนก็ตาม แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เขาแพ้แล้ว แพ้ราบคาบอย่างสิ้นเชิง

เหมือนกับภาพวาดเมื่อสักครู่ กู้ชูหน่วนแทบจะไม่ได้พยายามอย่างสุดกำลัง หากว่านางพยายามอย่างสุดกำลัง เกรงว่ายากที่จะแยกแยะผลแพ้ชนะ

อาจารย์สวีงุนงง ชี้ไปยังกู้ชูหน่วนด้วยนิ้วมือที่สั่น “อาจารย์ซ่างกวน คุณหนู……คุณหนูสามกู้ชนะแล้วจริง ๆ หรือ”

“หมากหลิงหลงถูกแก้แล้ว ก็ชนะแล้วมิใช่รึ”

“ไม่ใช่ สิ่งที่ข้าอยากถามคือนางแก้ได้อย่างไร จริง ๆ แล้วนางเดินหมากเป็นหรือไม่”

บอกว่านางไม่เข้าใจหมาก เขานั้นแทบไม่อยากจะเชื่อ

ใต้หล้านี้จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร

หากบอกว่านางเข้าใจหมาก นางก็เหมือนกับเจ้าทึ่มก็ไม่ปาน

อาจารย์สวีงุนงง

ซ่างกวนฉู่หรี่คู่ดวงตาลง ประหนึ่งกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่

อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างเอ็นดู คู่ดวงตานั้นสะท้อนรอยยิ้มจาง ๆ ของกู้ชูหน่วน

ทูตทั้งหมดไม่มีการตอบสนองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ผ่านไปชั่วครู่ ทูตของแคว้นหวาได้หัวเราะเยาะขึ้น “เทพหมากกระดานอะไรกัน แม้แต่เด็กอายุสิบเก้าก็ยังสู้ไม่ได้ ยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าเทพหมากกระดานอีก”

บนตัวของทูตแห่งแคว้นฉู่ฉับพลันเย็นเยียบขึ้น และตอบกลับอย่างเย้ยหยันแดกดัน “หึ แคว้นบางแคว้นก็หน้าไม่อาย คิดว่าดึงจอหงวนออกมาหมดแล้ว จะชนะอย่างแน่นอน แต่ปรากฏว่าพ่ายแพ้ตั้งแต่รอบแรก

คำพูดนี้ทิ่มแทงใจดำทูตแห่งแคว้นหวา

เป็นถึงจอหงวนสามปีซ้อน แพ้ตั้งแต่การประลองรอบแรก

ช่างน่าอับอายชะมัด

“ถึงกระนั้นก็ยังดีกว่าแคว้นบางแคว้น ที่เป็นถึงอาจารย์ใหญ่แห่งวิทยาลัยนคร ดันพ่ายแพ้แต่รอบแรก โถ ๆ ๆ นั่นเป็นอาจารย์ใหญ่แห่งวิทยาลัยนครที่สูงที่สุดของแคว้นเลยเชียวนะ”

มีคนไม่น้อยแห่งแคว้นฉู่โมโหขึ้น

“อย่างน้อยพวกข้าก็ยังทิ้งความสามารถไว้ ดูแคว้นบางแคว้นสิ แม้แต่ความสามารถก็ไม่มีให้หลงเหลือ”