บทที่ 101 ใบหน้าที่ไม่สามารถหลีกหนีได้

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 101

ใบหน้าที่ไม่สามารถหลีกหนีได้

“เทียนเอ๋อ พิษในตัวแม่นั้นถูกขับออกไปหมดแล้ว ดังนั้นแม่สามารถดูแลตัวเองได้แล้ว เจ้าช่วยคิดหาวิธีให้อาจารย์ของเจ้ากลับไปที่พระราชวังได้ไหม?” หลินซีเหยียนเริ่มพูดขอเทียนเอ๋อ อย่างอ่อนโยน

แต่ในเวลานี้ท่าทีของเทียนเอ๋อนั้นกลับหนักแน่นผิดคาด ไม่ว่าหลินซีเหยียนจะล่อด้วยเงินทอง, ของกิน หรือของเล่น เทียนเอ๋อก็ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย

จนในที่สุดหลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกหมดหนทาง แล้วนางก็ได้มองไปที่เทียนเอ๋อที่สูงไม่ถึงครึ่งของนางที่อยู่หน้านางแล้วพูดอย่างวิงวอน “ท่านอาจารย์ของเจ้านั้นทำให้แม่ของเจ้าทำอะไรไม่สะดวก และมันอาจจะส่งผลถึงชื่อเสียงของแม่ได้ และแม่ก็จะหาพ่อให้เจ้าไม่ได้ด้วยนะรู้ไหม?”

แล้วก็มีความลังเลปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเทียนเอ๋อ แต่มันก็ทำให้เขานึกถึงความพ่ายแพ้ของเขาขึ้นมาได้ “ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกขอรับ เทียนเอ๋อจะหาทางหลอกล่อท่านอาจารย์เอง เพื่อที่ท่านอาจารย์จะได้อยู่กับเทียนเอ๋อ”

เขาได้คิดวิธีที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย และเทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสีหน้าที่ยินดี “แล้วแบบนี้ท่านแม่ก็จะได้ปลอดภัย และเทียนเอ๋อก็จะได้มีท่านพ่อด้วย”

หลินซีเหยียนนั้นพบว่านางนั้นไม่สามารถที่จะพูดกับเทียนเอ๋อให้เข้าใจได้ เจ้าตัวน้อยตรงหน้านางนี้ดูเหมือนจะหมกมุ่นอยู่กับการที่จะหาคนมาปกป้องนางมาก นางจึงได้ถามเขาด้วยความสงสัย แต่แล้วนางก็พบกับคำตอบที่ทำให้นางตั้งตัวไม่ทัน

เทียนเอ๋อก็ได้มองมาที่หลินซีเหยียนด้วยสีหน้าที่จริงจังแล้วกล่าว “ท่านแม่ขอรับเทียนเอ๋อไม่อยากที่จะต้องพบเจอกับเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว ที่ได้แต่มองดูท่านแม่ตกอยู่ในอันตรายโดยที่เทียนเอ๋อทำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นจนกว่าเทียนเอ๋อจะมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องท่านแม่ได้ ท่านอาจารย์จะมาแทนที่เทียนเอ๋อขอรับ”

หลินซีเหยียนก็ได้นิ่งเงียบไปและพูดอะไรไม่ออก แต่หัวใจของนางกลับอบอุ่นขึ้นมาที่เจ้าเด็กตัวแสบที่อยู่ตรงหน้านางนี้โตขึ้นมาอีกหน่อยนึงแล้ว ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกพอใจกับความคิดเช่นนี้ของเขา แต่นางก็ยังไม่ลืมว่ามีเทพสงครามอยู่ในห้องนี้

และก็เป็นไปได้ยากที่เทพสงครามนี้จะออกไปจากเรือนเชียนเหยียนเสียด้วย แล้วเจ้าตัวแสบเทียนเอ๋อเองก็พึ่งพาไม่ได้แล้วด้วย แต่หลินซีเหยียนเองก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะหาวิธีไล่เขาออกไปอยู่ดี

“ท่านแม่ เรารีบเข้าไปข้างในเถอะขอรับ ท่านอาจารย์จ้องมองมาที่พวกเราพักใหญ่ๆแล้ว” เทียนเอ๋อก็ได้พูดเตือนท่านแม่ของเขาที่กำลังร่อนเร่อยู่ในทะเลความคิดอยู่

หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวด แล้วจากนั้นก็ยอมรับชะตากรรมแล้วเดินเข้าไป

“องค์ชายเย่ วันนี้ท่านมาทำอะไรที่นี่?” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างสุภาพ แต่กลับมีรอยยิ้มเจื่อนๆบนใบหน้าของนาง

ดวงตาสีดำของเจียงหวายเย่ก็ได้ดำมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจากนั้นเขาก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็นเช่นเคย “ในเวลานี้ข้าคือประมุขแห่งหอพันกลเชียนอู๋เหิน หาใช่องค์ชายพิการ เจียงหวายเย่ไม่”

หลินซีเหยียนก็ได้ชะงัก แล้วจากนั้นก็ได้พยายามรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของนางเอาไว้แล้วกล่าว “ถ้าเช่นนั้นท่านประมุขหอเชียน ทำไมท่านถึงมาที่เรือนเชียนเหยียนของข้า?”

แล้วก็มีแววตาสนใจปรากฏในดวงตาของเจียงหวายเย่ เขาจ้องไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “เหตุผลที่ข้าประมุขหอมาที่นี่นั้น ไม่ใช่ว่าเทียนเอ๋อบอกเจ้าแล้วอย่างนั้นรึ?”

“นี่ท่านแอบฟังข้าอย่างนั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้ขึ้นเสียงขึ้นมาเพราะความตกใจของนาง จากนั้นนางจึงได้รีบบิดปากของนางเมื่อนางรู้ว่านางนั้นได้สูญเสียความเยือกเย็นไปแล้ว “ข้าไม่สนหรอกนะว่าท่านจะเป็นองค์ชายเย่หรือประมุขหอพันกลก็ตาม มันไม่สำคัญหรอกว่าท่านจะตกลงอะไรกับเทียนเอ๋อว่าจะมาปกป้องข้าหรือด้วยเหตุผลอื่นๆ แต่ข้าบอกสั้นๆเลยนะว่าเรือนเชียนเหยียนของข้านั้นมันคับแคบเกินไปไม่เหมาะที่จะให้เทพสงครามอย่างท่านอยู่หรอก”

“ดูเหมือนว่าแม่นางหลินจะใส่ใจกับการมาอยู่ของข้าประมุขหอคนนี้เหลือเกินนะ?” เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

หลินซีเหยียนที่ได้ยินเช่นนี้จึงได้รีบอธิบาย “ท่านประมุขหอเชียนคิดมากไปแล้ว ข้าแค่เกรงว่าท่านอาจจะไม่คุ้นชินกับที่นี่ได้”

เจียงหวายเย่ที่เหมือนรอนางพูดเช่นนี้แล้วก็ได้ตอบกลับไป “ข้าประมุขหอนั้นไม่ต้องการสถานที่หรูหราในการอาศัยอยู่มากขนาดนั้นหรอก”

หลินซีเหยียนก็ได้เริ่มต่อว่าเขาในใจของนางเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งๆที่พูดไปแบบนั้นแล้วแต่ทำไมถึงยังดูดีใจอยู่ได้นะ?

แต่ทว่าพอคุยกันจนมาถึงจุดนี้แล้ว หลินซีเหยียนก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปอีกจึงทำได้แต่ยอมเห็นด้วยอย่างเงียบๆกับการมาอยู่ด้วยของเจียงหวายเย่

จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้เดินออกมาจากห้อง แล้วหาที่เหมาะๆนั่งคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดีในอนาคต

“ท่านอาจารย์ขอรับ ทำไมท่านแม่ถึงได้ดูไม่ค่อยยินดีนักล่ะขอรับ?” เทียนเอ๋อก็ได้ถามอย่างสงสัยและมองไปที่แผ่นหลังที่โดดเดี่ยวของนาง

เพราะเขานั้นก็พอจะรู้อยู่ว่าท่านแม่นั้นชื่นชอบหนุ่มรูปงาม และท่านอาจารย์เองก็เป็นหนุ่มรูปงามมากเสียด้วย ในเวลานี้มีหนุ่มรูปงามมาอยู่กับท่านแม่ตลอดทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้ท่านแม่ก็น่าจะมีความสุขสิ! เทียนเอ๋อก็ได้นิ่งคิดอยู่พักใหญ่ๆแต่สุดท้ายเขาก็ยังคิดหาเหตุผลไม่ออก

มองดูเทียนเอ๋อที่เป็นเช่นนั้น เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มอย่างเงียบๆจากนั้นก็ได้เอาฝ่ามือเย็นๆของเขาลูบหัวของเทียนเอ๋อ “เทียนเอ๋อ ท่านแม่ของเจ้าคงจะกำลังปวดหัวกับการให้เปิ่นหวางมาอยู่ที่นี่น่ะ”

เทียนเอ๋อก็ทำหน้าบึ้ง “แล้วมันมีปัญหาตรงไหนกัน? ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องดีหรอกเหรอที่ท่านอาจารย์กับเทียนเอ๋อจะได้อยู่ด้วยกันน่ะ?”

เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลงแล้วจากนั้นก็ได้จ้องไปที่เทียนเอ๋อด้วยสีหน้าจริงจัง “เทียนเอ๋อ อาจารย์จะบอกเรื่องสำคัญกับเจ้าเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไรเหรอขอรับ?” เทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่ เจียงหวายเย่ที่มีสีหน้าเหมือนมีแผนการในใจแล้ว ก็ได้ถามอย่างสงสัย

“เจ้าน่ะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เจ้าจะนอนห้องเดียวกันกับคนอื่นไม่ได้หรอกนะ ต่อจากนี้ไปเจ้าจะต้องนอนคนเดียว ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้ว่าเจ้านั้นเป็นคนขี้ขลาด” เจียงหวายเย่สอนเทียนเอ๋อด้วยสีหน้าที่จริงจัง

เทียนเอ๋อที่ได้ยินเรื่องนี้ก็ได้ผงกหัวอย่างหนักแน่น “ท่านอาจารย์ขอรับ เทียนเอ๋อเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่ทำให้ท่านแม่และท่านอาจารย์ของเสียหน้าขอรับ”

เจียงหวายเย่ที่ลูบหัวของเทียนเอ๋อเสร็จก็ได้กล่าวต่อ “หากว่าแม่ของเจ้าอยากที่จะให้อาจารย์มานอนกับเจ้าแล้วล่ะก็ เจ้าจะต้องยืนกรานปฏิเสธไปนะ”

เทียนเอ๋อก็ได้ผงกหัวอย่างเข้าใจ แต่ก็ได้ถามกลับไป “แต่ถ้าท่านอาจารย์ไม่นอนกับเทียนเอ๋อแล้ว ท่านอาจารย์จะไปนอนที่ไหนล่ะขอรับ?”

“อาจารย์มาที่นี่ก็เพื่อปกป้องแม่ของเจ้า ดังนั้นอาจารย์ก็จะต้องอยู่ในห้องเดียวกันกับแม่ของเจ้าน่ะสิ!” เจียงหวายเย่กล่าวอย่างมีเหตุผล และเทียนเอ๋อที่ได้ฟังก็ไม่ได้ติดขัดอะไร แล้วเขาก็ได้ชูนิ้วโป้งให้กับความคิดของเจียงหวายเย่

หลินซีเหยียนที่กำลังดื่มชาอยู่ในห้องของนางนั้น หารู้ไม่ว่าห้องของนางนั้นกำลังถูกหมายปองโดยเจียงหวายเย่อยู่ ซึ่งในขณะที่นางกำลังผ่อนคลายหลังจากที่ไม่ได้มีมานานอยู่นั้น พิราบส่งสารเสี่ยวฮุยก็ได้บินเข้ามาหา

เสี่ยวหุยร้องและกระโดดไปรอบๆตรงหน้าของ หลินซีเหยียน ดูเหมือนว่ามันจะดีใจที่ได้เจอหลินซีเหยียน แต่ หลินซีเหยียนกลับบิดปากที่ได้เห็นมัน แล้วหยิบเอาขวดหยกเล็กๆออกมาจากแขนเสื้อแล้วหยิบเอายาหย่างหยวนออกมาจากในขวด

เสี่ยวฮุยก็ได้รีบกระโดดเข้ามาหาอย่างรวดเร็วที่เห็นยาหย่างหยวน แล้วถูมือของหลินซีเหยียนไปมาอย่างออดอ้อน หลินซีเหยียนจึงได้กล่าวพร้อมกับยิ้ม “เอ้านี่ รีบกินซะ”

จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาจดหมายของหลงเยว่ ออกมาจากขาเล็กๆของเสี่ยวฮุยแล้วคลี่เปิดอ่านดู แล้วก็เห็นตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า: เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เยี่ยจุนเจี๋ยจากจวนแม่ทัพเจิ้นกว๋อนั้นมาตามหาเจ้า

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา ลูกพี่ลูกน้องของนางจะมีธุระอะไรกับนางกันนะ? ถึงแม้ว่าในใจของนางจะคิดสงสัย แต่นางก็ตัดสินใจที่จะไปหาในตอนบ่ายเพราะดูเหมือนช่วงนี้นางเองก็ได้ยินข่าวที่ไม่ค่อยพึงประสงค์จากจวนแม่ทัพเจิ้นกว๋ออยู่เหมือนกัน

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเจ้าคะมีข่าวไม่ดีข่าวใหญ่เจ้าค่ะ” หลังจากที่หลินซีเหยียนได้เขียนจดหมายตอบกลับให้เสี่ยวฮุยไปนั้น จิ่งชุนก็ได้วิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก

หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่นางที่กำลังหอบ ก่อนจะยื่นแก้วชาของนางให้ “ค่อยๆพูดนะ”

จิ่งชุนที่รับมาแล้วดื่มชาอย่างรวดเร็วจนสำลัก เพราะว่านางรีบร้อนมากเกินไป