บทที่ 100 คนดื้อด้าน

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 100

คนดื้อด้าน

“ก็เรื่องการแต่งงานของเจ้ากับข้ายังไงล่ะ? ข้าว่าพวกเราควรที่จะคุยกันตามลำพังดีกว่านะ” ซางกวนจิ่นกล่าวและจ้องไปที่หลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็ได้ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงได้ให้จี๋เฟิงนั้นถอยออกไปก่อน เพื่อที่จะได้ให้ซางกวนจิ่นมีโอกาสได้ผ่อนคลายบ้าง

“คุณหนู….” จี๋เฟิงกล่าวอย่างลังเล อย่างไรเสียคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นก็เหมือนมีอะไรแปลกๆ และยังมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์อีก เขาจะทำอย่างไรหากว่าหลินซีเหยียนถูกทำร้าย

หลินซีเหยียนที่เห็นว่าจี๋เฟิงนั้นมองมาที่นางด้วยความเป็นห่วงแล้ว นางจึงได้ทำมือบอกเขาว่าไม่เป็นไร

จี๋เฟิงนั้นรู้ดีว่าคุณหนูนั้นจะไม่ทำอะไรที่นางไม่มั่นใจ ในเวลานี้เขาจึงได้ถอนตัวออกไปอย่างเชื่อฟัง

ไม่นานนักหลินซีเหยียนกับซางกวนจิ่นก็ได้อยู่ในตำหนักเพียงลำพัง ซางกวนจิ่นจึงได้รีบหยิบเอาพัดและวิกออกมา มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขานั้นต้องพยายามเดินทีละครึ่งก้าวตลอดเวลาที่เดินมาที่นี่ มันช่างลำบากมากขนาดไหนกว่าเขาจะเดินมาถึงตำหนักนี้ได้?

แต่มันก็คุ้มค่าแล้ว ซางกวนจิ่นมองไปที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อที่งดงามอยู่ตรงหน้าเขาแล้วกล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ ตาของเจ้ามองเห็นแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็ได้คิดถึงเรื่องของขอทานคนนั้น ขอทานน้อยที่นางพบนั้นจนมากเสียไม่มีอะไรจะกิน ไม่ว่านางจะคิดมากเท่าไรนางก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกันระหว่างขอทานคนนั้นกับชายคนที่อยู่ตรงหน้านางได้เลย

ซางกวนจิ่นมองไปที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อที่ไม่ตกใจที่เห็นเขา แต่กลับเอาแต่จ้องมาที่เขา เขาจึงได้เสยผมของตัวเองแล้วกล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อคงจะทึ่งกับความงดงามของข้าใช่ไหม?”

หลินซีเหยียนที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่นั้น เมื่อได้ยินเข้ามุมปากของนางจึงได้กระตุกขึ้นมา แล้วนางก็ได้หันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที

ซางกวนจิ่นที่ไม่รู้ว่าทำไมหลินซีเหยียนถึงได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเช่นนั้น จึงได้รีบเดินตามนางไปแล้วพยายามเล่าถึงความยากลำบากของเขาที่ทำเพื่อหลินซีเหยียน

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าอย่ามาเมินข้านะ!” ซางกวนจิ่นที่ พยายามอย่างเต็มที่ก็ได้ทำสีหน้าน่าสงสาร แต่หารู้ไม่ว่าเครื่องสำอางบนใบหน้าของเขานั้นมันน่าสยดสยองมากเกินไป

หลินซีเหยียนนั้นรู้สึกราวกับว่าดวงตาของนางนั้นโดนทำร้าย นางจึงได้พยายามหลับตาและผ่อนคลายจิตใจของนาง เพื่อที่นางจะได้ไม่มองเห็นเขาทั้งทางสายตาและจิตใจ

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้เล่า? ข้าอุตส่าห์แต่งหญิงมาก็เพื่อเจ้าเลยนะ” ในเวลานี้ซางกวนจิ่นนั้นเหมือนกับผู้หญิงที่ถูกทิ้ง และได้ร่ำร้องหวังให้สามีกลับมาชอบนาง

หลินซีเหยียนก็ได้นวดกระหม่อมอยู่พักหนึ่ง แล้วนางก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่บอกเรื่องแต่งหญิงให้ซางกวนจิ่นฟัง แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มียาแก้รู้สึกผิดในโลกใบนี้

“ซางกวนจิ่นหยุดพูดเสียเถอะ” ในที่สุดหลินซีเหยียนก็ได้ตะโกนออกมาอย่างทนไม่ไหว

ซางกวนจิ่นก็ได้ทำตามอย่างเป็นเด็กดี แล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างเงียบๆ หลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง แล้วนางก็ได้ถามเขาอย่างใจเย็น “ข้าไม่ทราบว่าคุณชายซางกวนต้องการจะทำอะไรกันแน่?”

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ การแต่งงานของเจ้ากับเจียงหวายเย่นั้นเป็นโมฆะไปแล้ว และเจ้าเองก็ถึงวัยที่ต้องออกเรือนแล้วด้วย เจ้าไม่คิดแต่งกับข้าบ้างเหรอ?” ซางกวนจิ่นมองไปที่หลินซีเหยียนอย่างจริงใจ และพยายามขายตัวเองอย่างหนัก

หลินซีเหยียนจึงได้ถอนหายใจ “ซางกวนจิ่น เจ้าอย่าได้ทำให้ข้าขายขี้หน้าอีกเลย ถ้าข้าแต่งงานกับเจ้า ผู้หญิงนับพันในเมืองหลวงคงได้ดุด่าว่าข้าจนตายแน่”

สิ่งที่หลินซีเหยียนพูดนั้นไม่ใช่เรื่องตลก ถึงแม้ว่า ซางกวนจิ่นนั้นปกติจะไม่ได้เป็นคนที่สะดุดตามากนัก แต่เขานั้นก็มีความเป็นเหมือนกับสาวน้อยมาก ถ้าหลินซีเหยียนเกิดตกลงปลงใจกับซางกวนจิ่นแล้ว ผลที่จะตามมาคงได้เป็นเหมือนหายนะแน่

อย่างไรเสียซางกวนจิ่นนั้นก็เหมือนกับหยกที่ไร้ที่ติ ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่แจกันที่มีรูปโฉมธรรมดาๆเท่านั้น

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อเจ้าอย่าได้เป็นกังวลไป ข้าไม่สนใจความคิดหรือคำพูดของคนอื่นหรอก” ซางกวนจิ่นก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนอย่างอ่อนโยน ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนนั้นอดที่จะขนลุกขึ้นมาไม่ได้

ในขณะที่ซางกวนจิ่นนั้นอยากที่จะต่อรองหลินซีเหยียนให้มากไปกว่านี้อยู่นั้น เทียนเอ๋อก็ได้กลับมาและมีคนที่ตามหลังเขามาด้วย หลินซีเหยียนก็ได้มองอย่างตั้งใจแล้วและพบว่าเขาคือเจียงหวายเย่นั่นเอง

หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลง เจียงหวายเย่ในวันนี้ไม่ได้นั่งรถเข็นมาแต่กลับเดินมาพร้อมกับสวมหน้ากากสีดำบนใบหน้าของเขา หน้ากากอันนี้ดูน่ากลัวมากทำให้ผู้คนนั้นรู้สึกกลัวขึ้นมาที่ได้เห็นเขา

หลินซีเหยียนที่หันหน้ากลับมาก็พบว่าซางกวนจิ่นเองก็ได้จ้องมองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง หลินซีเหยียนจึงได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างเหงื่อตกและกลัวว่าซางกวนจิ่นนั้นจะจำได้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เขาคือใครเหรอ?” ซางกวนจิ่นก็ได้ถามอย่างสงสัย เขานั้นมีความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับชายที่อยู่ตรงหน้าเขานี้

หลินซีเหยียนที่นิ่งไปเพื่อคิดว่าจะปกปิดตัวตนของ เจียงหวายเย่อย่างไรดีอยู่นั้น เจียงหวายเย่ก็ได้พูดขึ้นมาเอง เสียงของเขานั้นได้เปลี่ยนไปซึ่งเรียกได้ว่าไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย “ข้านั้นคืออาจารย์ที่คุณหนูหามาให้เทียนเอ๋อขอรับ”

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวช่วย

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เขาดูแข็งแกร่งมากจริงๆ เจ้าไปพบเขาที่ไหนเหรอ?” ซางกวนจิ่นก็ได้กล่าวด้วยสายตาที่อิจฉา

หลินซีเหยียนก็ได้กระแอม “พบโดยบังเอิญน่ะ ข้าได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้แล้วเขาก็ได้อาสาที่จะทำงานตอบแทนน่ะ”

หลินซีเหยียนนั้นกล่าวเรื่องโกหกนี้โดยที่สีหน้าของนางไม่แดงและหัวใจก็ไม่เต้นเร็ว แม้ว่าอาจจะฟังดูมีช่วงโหว่มากอยู่แต่ก็เพียงพอที่จะหลอกซางกวนจิ่นที่ในหัวมีแต่เรื่องรักๆใคร่ๆให้หลงเชื่อได้

“ท่านแม่ คนที่ดูแปลกๆนี่คือใครเหรอขอรับ?” เทียนเอ๋อก็ได้ถามถึงซางกวนจิ่นผู้ที่เป็นทั้งชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิง

แล้วก็มีรอยยิ้มปรากฏในดวงตาของหลินซีเหยียน “ท่านนี้ก็คือคุณหนูของจวนกว๋อกงซางกวนน่ะ”

เทียนเอ๋อก็ได้ผงกหัวอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ซางกวนจิ่นก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างไม่ค่อยพอใจ ราวกับว่าเขาต้องการที่จะกล่าวโทษนางด้วยสายตาที่ไม่พอใจของเขา

เมื่อเจียงหวายเย่เห็นภาพนี้แล้ว ก็ได้ปรากฏแววตาที่อันตรายขึ้นมาในดวงตาของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เทียนเอ๋อก็ได้รู้สึกถึงบรรยากาศที่หนาวเย็นมาจากตัวของท่านอาจารย์ และรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาในใจของเขา จากนั้นเขาจึงได้ยิ้มและกล่าว “ท่านแม่ขอรับ ข้าขอพาท่านอาจารย์ไปเล่นที่ห้องก่อนนะขอรับ”

หลังจากที่เทียนเอ๋อกล่าวจบ เขาก็ได้ดึงพาเจียงหวายเย่ที่ไม่เต็มใจเท่าไรออกไป ซางกวนจิ่นก็ได้รู้สึกยินดีขึ้นมา เพราะเขาคิดว่าสายตาของชายคนเมื่อสักครู่นั้นน่ากลัวอย่างมากตอนที่จ้องมาที่เขา

หลังจากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้พยายามอย่างมาก ในที่สุดก็ได้ไล่ซางกวนจิ่นที่ดื้อด้านออกไป

จากนั้นนางก็ได้ไปที่ห้องของเทียนเอ๋อ เมื่อนางเข้ามาก็พบเจียงหวายเย่นั้นกำลังสั่งการอะไรกับอันอี้อยู่ แต่เจียงหวายเย่ก็ได้หยุดเมื่อเขาเห็นหลินซีเหยียนเข้ามา

“ดูเหมือนท่านจะมีอะไรพูดคุยกันอยู่ เดี๋ยวข้าเข้ามาทีหลังก็ได้” หลินซีเหยียนกล่าวและเตรียมที่จะออกไป แต่ทว่านางก็ถูกรั้งโดยอันอี้เสียก่อน

“พระชายาเชิญอยู่ต่อเลยขอรับ องค์ชายก็ได้สั่งการกับข้าเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ” ทันทีที่เขาพูดจบก็ได้หายตัวไปทันที

ในเวลานี้เทียนเอ๋อเองก็ได้กลับมาพร้อมกับถือขนมมาในมือของเขาด้วย และหลังจากที่พบว่าหลินซีเหยียนอยู่ด้วยแล้ว เขาก็ได้ยื่นขนมให้หลินซีเหยียน “ท่านแม่ ขนมนี่เทียนเอ๋อซื้อมาให้ท่านขอรับ”

ก็ได้มีแววตามืดดำปรากฏขึ้นที่หน้าของหลินซีเหยียน แล้วจากนั้นนางก็ได้ลากเทียนเอ๋อออกมานอกห้องและหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเจียงหวายเย่จะไม่ได้ยินนางแล้ว ก็ได้ถาม “วันนี้เจ้าไปทำอะไรที่ไหนมา? ไม่ใช่ว่าอาจารย์ของเจ้าจะมาอาศัยอยู่ในตำหนักเชียนเหยียนหรอกนะ?”

เทียนเอ๋อก็ได้กล่าวอย่างภูมิใจ “ท่านแม่ ข้าคิดว่ามันอาจจะไม่ปลอดภัยเพียงพอสำหรับท่านแม่ลำพังแค่ข้า, ลุงจี๋เฟิงและป้าชิงอวี่เท่านั้น ข้าจึงได้ขอให้ท่านอาจารย์มาช่วยปกป้องท่านขอรับ”

“อย่าทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งได้ไหม?” หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวและตบไปที่หัวน้อยๆของเทียนเอ๋อ ในเวลานี้นางอยากที่จะเปิดหัวของเทียนเอ๋อออกดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน?

นางนั้นรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย