บทที่ 90 ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 90 ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง![รีไรท์]

กองทัพทั้งหมดถูกทำลายอย่างย่อยยับ กลุ่มจักรราศีและจอมยุทธ์ไร้นาม รวมทั้งสิ้น 13 คน

ฉู่ชวิ๋นไม่แยแสและยืนเอามือไพล่หลัง

แม้ว่าสังหารคนไปถึง 13 คน แต่เสื้อผ้าของเขาก็ไม่มีแม้แต่รอยยับ ไม่มีแม้กระทั่งรอยเลือดหรือร่องรอยสิ่งอื่น ๆ  ฉู่ชวิ๋นรู้ดีว่าคนเหล่านี้เป็นคนของรัฐในประเทศนี้และนี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ

แต่เขาก็ไม่เสียใจที่ทำลงไป ถ้าเขามีโอกาส เขาก็จะฆ่าคนพวกนั้นอีกครั้ง

ความเกรี้ยวโกรธภายในใจของเขายังไม่ได้ระบายออกมาอย่างเต็มที่ เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เฉินฮั่นหลงอยู่กับเขามานาน เขาเป็นคนซื่อสัตย์ภักดี ตอนนี้แม้แต่ผู้หญิงของเฉินฮั่นหลง เขาก็ยังไม่สามารถปกป้องได้

เรื่องนี้ยังไม่จบ ทำไมรัฐสนับสนุนกลุ่มคนไร้ยางอายเช่นนี้? และใครคือผู้ที่สั่งให้มาเอาสูตรน้ำยาเทวะ? ฉู่ชวิ๋นมองไปยังมังกรเขียวและคนอื่น ๆ มังกรเขียวและคนอื่นเคร่งเครียดและหนาวเหน็บในพริบตา

“ใครสั่งให้มาเอาสูตรน้ำยาเทวะ?” ฉู่ชวิ๋นเปิดฉากถามอย่างไม่แยแส

มังกรเขียวและคนอื่น ๆ นิ่งเงียบ พวกเขารู้แต่ไม่สามารถบอกได้ มันขัดต่อวินัย

“ไม่กลัวตายเหรอ?” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นแหลมคม

ใบหน้าของมังกรเขียวเต็มไปด้วยความขมขื่น พลังของเขาเป็นระดับขั้นปรมาจารย์ แต่ทว่าไม่สามารถลุกขึ้นต่อต้านได้

“กลัวสิ แต่เราพูดไม่ได้เพราะมันมีกฎ” มังกรเขียวกล่าวอย่างขมขื่น

คำตอบตรง ๆ แต่กินใจ ภายในจิตใจพวกเขายังคงหยัดยืนที่จะทำตามกฎ

“กลับไปแล้วบอกชายคนนั้น ฉันไม่รู้ว่ามันคือใคร ฉันไม่รู้ว่ามันอยู่ไหนแต่ฉันจะตามฆ่ามันไปจนสุดขอบโลก”

หลังจากที่ฉู่ชวิ๋นพูดจบเขาก็กระโดดข้ามกำแพงและหายตัวไป มังกรเขียวและคนอื่น ๆ รู้สึกโล่งใจราวกับหินก้อนใหญ่ได้เคลื่อนตัวออกจากอก

ฉู่ชวิ๋นสร้างความรู้สึกกดดันให้ผู้อื่นมากเกินไป

“ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้!” งูเขียวตบไปที่หน้าอกที่ยืดจนหดไม่ลงของตัวเอง และพูดด้วยความกลัว

ในกลุ่มสิบสองนักษัตร มีเพียงงูเขียว กระต่ายหยกและแกะ ที่เป็นผู้หญิง

“เขาดูเด็กมาก แต่ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ เมื่อกี้ฉันหายใจแทบไม่ออกแน่ะ” เสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความกลัวของแกะพูดออกมา

กระต่ายหยกพยักหน้าเห็นด้วย และหูกระต่ายปลอมขนปุกปุยบนหัวของเธอก็สั่นเทา มองดูน่ารักมาก

“มังกรเขียว นายคิดว่ายังไง?” นักรบเสือพูดเสียงเบา เขาเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่ง สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนบ้าการต่อสู้ เมื่อเพิ่งเผชิญหน้ากับฉู่ชวิ๋นเขากลับไม่ได้รู้สึกอยากสู้ด้วยเลย

มังกรเขียวครุ่นคิด ดวงตาของเขาแวววาว แล้วก็พูดว่า “ความสำเร็จของชายคนนี้ยากที่จะตรวจสอบ แต่อย่างน้อยก็เป็นขั้นปรมาจารย์ระดับ 3”

ขั้นปรมาจารย์แบ่งออกเป็น 9 ระดับ เขาเป็นขั้นปรมาจารย์ระดับ1 แคนเซอร์ที่ถูกสังหารก็อยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับ 1

ใบหน้าของคนอื่นรู้สึกหวาดกลัว พลังขั้นปรมาจารย์ระดับ 3 ของชายหนุ่มช่างน่ากลัวจริง ๆ

ทันใดนั้นใบหน้าของลิงทองคำก็เปลี่ยนไปและพูดว่า “แย่แล้ว หนูและหมูฮัน ยังคงอยู่ที่นั่น จอมยุทธ์ไร้นาม ลีโอและคนอื่น ๆ ตายหมด พวกเขาสองคนคงจะไม่-”

ลิงทองคำยังไม่ทันพูดจบ สีหน้าคนอื่นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เสียงดังกรอบแกรบ!

ทันใดนั้นประตูของลานบ้านก็เปิดออกและร่างสองร่างก็พุ่งเข้ามา

“ไอ้หนู ไอ้หมู!” ลิงทองคำอุทาน!

คนที่เข้ามาคือชายอ้วนและผอม มันคือ หมูฮันและหนู

เมื่อเห็นศพที่เกลื่อนกลาดแล้วดวงตาของทั้งสองก็ตกใจกลัว พร้อมมองหัวของแคนเซอร์ที่ถูกตัดออกไป

“นายสองคนเป็นไงบ้าง?” มังกรเขียวถามขึ้น

พวกเขาโล่งใจที่เห็นทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัย

“เราไม่เป็นไร” หนูส่ายหัว พลางดูศพด้วยความสยองขวัญแล้วมองไปที่มังกรเขียวกับคนอื่นๆ “พวกนายไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไร!” มังกรเขียวส่ายหัว

“จะไม่เป็นไรได้ไง? ฉันเกือบจะช็อกตาย นายสองคนไม่เห็นขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ 9 ถูกฆ่าตายด้วยสองมือนี่ มันน่ากลัวมาก” งูเขียวร้องไห้

“ใช่แล้ว! มันน่ากลัวมาก” กระต่ายพยักหน้า

หนูกับหมูอ้วนมองหน้ากัน และยิ้มอย่างขมขื่นในเวลาเดียวกัน ชายอ้วนเล่าเรื่องของพวกเขาทั้งสอง หลังจากนั้นทั้งหมดในกลุ่มก็กลายเป็นหิน

พวกเขาได้ยินว่า จอมยุทธ์ไร้นามและคนอื่น ๆ ถูกฆ่าด้วยค้อน เมื่อลองนึกภาพนั้นแล้วก็รู้สึกเสียวสันหลัง

“พวกเราเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าให้แล้วในครั้งนี้” หนูถูกความกลัวหลอกหลอน

“โชคดีที่นายสองคนไม่ได้ทำร้ายเฉินฮั่นหลงและคนอื่น ๆ ครั้งนี้ทำงานได้ดีนะหมูฮัน” มังกรเขียวเช็ดเหงื่อที่หลั่งเย็นเฉียบและมองดูศพ

“พวกนั้นต่างหากที่เตะโดนแผ่นเหล็กจริง ๆ” เมื่อมองไปที่ศพ ลิงทองคำก็หยุดและพูดว่า “น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสร้องไห้เพราะความเจ็บปวด”

“พอเถอะ หยุดพูดเถอะ มันน่ากลัว” แกะพูดเบา ๆ

“ไอ้หมู แกรู้จักชื่อของชายคนนั้นไหม?” งูเขียวถามทันที

“ใช่แล้ว น้องชายคนนั้นทรงพลังมากเลย” กระต่ายหยกผงกหัว หูกระต่ายปลอมก็สั่นดุ๊กดิ๊กอย่างมีความสุข

หนูส่ายหัวเพื่อแสดงว่าไม่รู้

“ฉันได้ยินเฉินฮั่นหลงและคนอื่น ๆ เรียกว่านายท่าน” ชายอ้วนพูด

งูสีเขียวหมดความสนใจและยิ้มเยาะ “ชื่ออะไรก็แล้วแต่! มนุษย์เพศชายทุกคนสามารถเรียกได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษได้ทั้งนั้น”

“เอาเถอะ เราควรกลับไปรายงานก่อน”

เสียงของนักรบเสือนั้นค่อนข้างแหบห้าว ดวงตาของเขาซับซ้อนและเขามองไปที่ศพ “เราควรจะพาพวกเขากลับไปด้วย!”

“จะเอาไปทำอะไรน่ะ? เผาให้หมดเถอะ” ชายอ้วนพูดด้วยความรังเกียจ

จากนั้นสมาชิกทั้งสิบสองคนของนักษัตรก็เดินทางออกไปอย่างปลอดภัย

ไฟในสนามเล็ก ๆ ด้านหลังเริ่มปะทุและลุกลาม! ไฟที่เผาไหม้เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง พร้อมไร่นากับศพของแคนเซอร์และคนอื่น ๆ ก็กลายเป็นเถ้าถ่าน

หลังจากฉู่ชวิ๋นจากไป เขากลับไปยังคฤหาสน์บนภูเขาเฉียนหลงทันที

……

……

โม่ซิงเหอเก็บกวาดทุกอย่างสะอาดสะอ้าน

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ภายในบริเวณคฤหาสน์นั้นเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพลังจิตวิญญาณ แต่ฉู่ชวิ๋นไม่ได้มีกะจิตกะใจจะมาฝึกฝนในช่วงเวลานี้

เรื่องในครั้งนี้ทำให้เขารู้ว่า คนรอบข้างเขาอ่อนแอเกินไป พวกเขาต้องสามารถปกป้องตัวเองได้ แต่ขาดทักษะ ได้เวลาสอนทักษะการฝึกฝนให้พวกเขาแล้ว เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงที่ฉู่ชวิ๋นยังคงคิดถึงวิธีที่จะปกป้องผู้คนรอบ ๆ ตัวเขาไม่ให้เกิดอันตราย

ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถวางใจได้ การฝึกพลังไม่สามารถถ่ายทอดได้โดยง่าย ต้องมีความมั่นใจจึงจะสามารถถ่ายทอดเคล็ดลับได้ และกฎของการฝึกฝนค่อนข้างเข้มงวด ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะสมกับการฝึกฝน

……

ในเวลาเดียวกัน เครื่องบินเที่ยวพิเศษได้ลงจอดในสนามบินหยานจิง

มังกรเขียวและคนอื่น ๆ กำลังลงจากเครื่องบิน

คนทั้ง 12 คนผ่านช่องทางการเดินทางพิเศษ

“พวกนายกลับไปที่ฐานก่อน ฉันมีบางอย่างที่ต้องไปทำ จากนั้นฉันจะตามไปสมทบ” มังกรเขียวกล่าวทักทายคนอื่นและรีบร้อนออกเดินทาง

……

ณ ชานเมืองหยานจิง มีที่แห่งหนึ่งมีลักษณะเป็นลานกว้าง ภายในมีกำแพงสีขาวตัดกับกระเบื้องสีแดง มีสนามหญ้าดอกไม้สีแดงและต้นหลิวเป็นสีเขียวทั้งภายในและภายนอก

ในลานบ้าน มีชายชราคนหนึ่งที่มีผมสีขาวกำลังตัดกิ่งดอกไม้ด้วยท่าทางที่ระมัดระวังราวกับว่าเขากำลังลูบคลำคนรักของเขา ชายชรามองไปข้างหน้าเป็นครั้งคราว และพลังอันแข็งแกร่งของเขาก็กระจายไปโดยไม่ตั้งใจ

ทันใดนั้นชายชราก็มองออกไปนอกประตูแล้ว พูดพึมพำว่า “ฝีเท้าเบาหวิว ลมหายใจสั้นห้วน ดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่จะต้องรบกวนฉันอีกแล้ว”

หลังจากสิ้นเสียงของชายชรา เป็นมังกรเขียวที่แยกตัวออกมาจากสมาชิกคนอื่น ๆ

“ท่านอาจารย์!” มังกรเขียวทักทายด้วยความเคารพ

ชายชราฮัมเพลงและตัดแต่งกิ่งดอกไม้โดยไม่ผงกหัวขึ้นมาดู

“ท่านอาจารย์ ผมมีเรื่องสำคัญที่จะบอก” มังกรเขียวพูดอย่างเคร่งขรึม

เมื่อชายชราตัดกิ่งที่ตายแล้วเสร็จ เขาก็หยุด แล้วเดินไปที่โต๊ะหิน ข้าง ๆ มังกรเขียวและนั่งลงเทชาถ้วยหนึ่งแล้วคนมันเบาๆ เขาพึมพำว่า “ทุกครั้งที่มา ถ้าพูดว่ามีเรื่องสำคัญ แต่สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ”

“ท่านอาจารย์ บุคคลที่ต้องการตามหาตัวปรากฏขึ้นแล้ว”

“อ้อ!” ชายชราตอบเบา ๆ จากนั้นพ่นน้ำชาที่อยู่ในปากออกมา เขาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางตกใจ “ว่าอะไรนะ!?!”

มังกรเขียวตกใจกับท่าทีของชายชรา และรีบร้อนพูดว่า “ผมเจอชายคนหนึ่งในภารกิจนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับชายคนที่เรากำลังตามหาอยู่ครับ”

“เล่าเรื่องทั้งหมดมา!” ชายชราพูดอย่างกระตือรือร้น

จากนั้นมังกรเขียวก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

หลังจากฟังจบ ชายชราดูตื่นเต้นและพึมพำ “ไม่สามารถรู้สึกถึงลมปราณแม้เพียงเล็กน้อย แต่พลังการต่อสู้นั้นน่ากลัวมากจริง ๆ…ใช่แล้วมันเหมือนกับคนที่กำลังตามหาอยู่เลย”

“ท่านอาจารย์ ท่านพูดว่าอะไรนะ?” มังกรเขียวไม่ได้ยินไม่ชัด เขาถามโดยไม่รู้ตัว

“แกไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดหรอก บอกฉันมาคนที่พูดถึงตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“น่าจะยังคงอยู่ในเมืองกู่เจียง แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าส่วนไหนครับ”

คำตอบของมังกรเขียวชัดเจนมาก แต่ชายชรากลับกลอกตาบน

“เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะไปเมืองกู่เจียง” ชายชราทนนั่งรอไม่ไหว เขาอยากไปดูด้วยตาของตัวเอง

“ท่านอาจารย์ ท่านจะไปหาเขาเหรอครับ?” มังกรเขียวถามขึ้น

“มีปัญหาอะไรไหม?” ชายชราถาม

“ท่านอาจารย์ เขาโหดร้ายมาก เขาฆ่าคนทั้งสิบสองของกลุ่มจักรราศี เกรงว่าเบื้องบนจะไม่ยอมเรื่องนี้แน่นอน” มังกรเขียวพูดเสียงเบา พอนึกถึงเขาฆ่านักสู้ขั้นพลังชีพจรระดับ 9 ได้ในพริบตา หัวใจของเขาก็สั่นเทา

ชายชราตกตะลึงและพูดพึมพำ “บอกให้พวกนั้นอดทนไปก่อน ทุกอย่างจะถูกตัดสินใจหลังจากที่ฉันกลับมาแล้ว ใครกล้าขัด ฉันจะตัดคอมัน”

“ท่านอาจารย์…”

“หยุดเรียกท่านอาจารย์สักที ไปเตรียมของให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันไปไม่นานหรอก”

เมื่อพูดจบ เขาก็หายไปด้วยความเร็วคล้ายกับฟ้าแลบ ห่างออกไปหลาย 10 เมตรราวกับเหาะไป

……

ในเวลานี้ ฉู่ชวิ๋นยังคงคิดที่จะปกป้องผู้คนรอบ ๆ ตัวเขา ฝึกเป็นเซียนมันช้าเกินไป มีวิธีอื่นไหมนะ?

ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็แจ่มใสขึ้นและเขาก็พบหนทาง ฉู่ชวิ๋นเป็นประเภทลงมือทำ เมื่อคิดจะทำก็จะทำ ตอนนี้เขาขับรถออกไปที่เมืองโบราณ

หอสมบัติ!

นี่เป็นครั้งที่สองที่มาที่นี่ ฉู่ชวิ๋นก้าวเข้าไป เมื่อเห็นแบบนั้นพนักงานในร้านก็ต่างกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“ฉันกำลังตามหาหงหลิง!” ฉู่ชวิ๋นอธิบายความตั้งใจของเขาที่มาที่นี่ทันที

พนักงานตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีเรือนร่างอันทรงเสน่ห์บนรองเท้าส้นสูงเดินออกมาจากด้านหลังร้าน

หงหลิงยกผมหยักศกยาวเหยียดที่มีเสน่ห์ของเธอออกมา พลางมองไปรอบ ๆ แขกที่นั่งอยู่

“พี่หง ผู้ชายคนนี้ครับ!” ชายผู้นั้นกล่าว

เธอเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบนใบหน้าของหงหลิงเยือกเย็น จากนั้นเธอก็ควบคุมอารมณ์ที่ผันผวนของเธอและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนพูดด้วยความเคารพว่า “นายท่าน!”

ดวงตาที่สดใสของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของฉู่ชวิ๋นที่มาในวันนี้ เธอต้อนรับฉู่ชวิ๋นเข้ามายังห้องโถงด้านใน คราวนี้ไม่มีใครอยู่ ฉู่ชวิ๋นพบกับหยกอุ่นเมื่อครั้งที่เขามาที่นี่เป็นครั้งแรก

แต่การประมูลขนาดเล็กแบบนั้นมีแค่เดือนละ 2 ครั้ง

หงหลิงยกชามาให้ฉู่ชวิ๋น “นายท่าน มีอะไรให้หงหลิงช่วยหรือคะ?”

“นี่คือสถานที่ของเธอ อย่ามากพิธี แขกตกใจหมด” ฉู่ชวิ๋นยิ้มและโบกมือให้หงหลิงนั่งลง

หงหลิงรู้สึกเสียใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รอบคอบ เหตุผลหลักคือปรมาจารย์คนนี้โหดร้ายเกินไป เขาฆ่าคนอย่างกับฆ่าไก่ และตัวตนของเขาก็เป็นเหมือนผีหรือเทพเจ้า หากพบเจอกับเขาใครจะหนีพ้น? แค่การกดไม่ให้ตัวเองวิ่งหนีไปก็ถือว่าเธอเก่งมากแล้ว

“ถ้าหากนายท่านไม่รังเกียจ ที่นี่สามารถกลายเป็นพื้นที่ของนายท่านได้ค่ะ” หงหลิงนั่งลงแล้วพูดอย่างจริงจัง

เมื่อครั้งที่เธออยู่ในบ่อนใต้ดินจินหยินฮวา เธอบอกว่าเธออยากอยู่ภายใต้การคุ้มครองของฉู่ชวิ๋น แต่ต่อมาฉู่ชวิ๋นกลับไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย

ดังนั้นเธอจึงต้องวางความคิดลงชั่วคราว

ฉู่ชวิ๋นตกตะลึง เขายิ้มและพูดว่า “ฉันรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นโจรอย่างไรอย่างนั้น?”

“ลืมไปได้เลย ฉันไม่รู้เรื่องธุรกิจหรอกนะ” ฉู่ชวิ๋นโบกมือพลางปฏิเสธ ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับหงหลิง

แน่นอนว่าหงหลิงนั้นสบาย ๆ  เธอดูแลหอสมบัติมาหลายปีและเธอไม่ยินดีที่จะมอบมันให้ฉู่ชวิ๋น

“งั้นนายท่านมานี้ที่เพราะอะไรเหรอคะ?” หงหลิงอยากรู้ ทีแรกเธอคิดว่าฉู่ชวิ๋นมาเพื่อรวบรวมร้านนี้ไป

“ช่วยฉันหาหยกหน่อย เอาที่ดีสุด ยิ่งเยอะยิ่งดี“ ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้น

“ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน ฉันจะให้คนส่งให้ในภายหลัง” ฉู่ชวิ๋นเพิ่มหนึ่งประโยค

หงหลิงตกใจ ฉู่ชวิ๋นคงจะเข้าใจผิดเพราะเมื่อครู่เธอเงียบไป ดังนั้นจึงรีบพูดว่า

“นายท่านอย่าเข้าใจผิดนะคะ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินเลย ฉันกำลังคิดว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคนมาฝากหยกหลายชิ้นที่ศาลากู่หวัน ได้ยินมาว่าคุณภาพและรูปลักษณ์ของหยกนั้นยอดเยี่ยมมาก”