มุมมองของเสี่ยวเชี่ยนเหมือนกับอวี๋หมิงหลาง เธอเชื่อในความสามารถของโลนวูล์ฟ คิดว่าไม่มีทางที่เขาจะเสียสมาธิจนทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่ความสงสัยก็ยังคงอยู่ ประจวบเหมาะกับที่อยากใช้โอกาสที่จะรักษาหูเหม่ยจิ้งนี้ สืบเรื่องในตอนนั้นให้ชัดเจนในขอบเขตที่เหมาะสม ทำให้ผู้ตายไปอย่างสงบ คนอยู่ก็จะได้หมดข้อสงสัย
“หัวหน้าหน่วยกลางอวี๋หมิงหลาง คุณสามารถทำภารกิจพิเศษที่ฉันมอบหมายให้ได้ไหมคะ?”
เสี่ยวเชี่ยนคิดถึงประโยคนี้นานแล้ว รู้สึกยิ่งพูดยิ่งชอบ
เวลาว่างๆเธอชอบนึกถึงท่าทางของเสี่ยวเฉียงเวลาทำความเคารพ ชอบฟังเวลาเขาตอบรับภารกิจด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น มันรู้สึกมีพลังมาก
“ถ้าเสร็จแล้วหมอเฉินมีรางวัลอะไรให้ผม?” แต่งคอสเพลย์ชุดกาวน์ก็ดีนะ
พอเจออวี๋หมิงหลางสาดมุกนี้เข้ามา เสี่ยวเชี่ยนก็ตอบปฏิเสธอย่างขึงขัง
“ทำอะไรอย่าคิดแต่จะเอาคืนคนอื่น มันเชยมาก”
“ชั่วโมงละสองหมื่น วินาทีละ 5.55?” เรื่องนี้รู้ถึงหูเขาเข้าแล้ว พ่อเขาเป็นคนบอก
“แค่กๆ ฉันจะเหมือนกับนายได้ไง? นายทำเพื่อประชาชน ฉันทำธุรกิจอย่างอิสระ”
“ได้ เพื่อจะได้ดื่มด่ำคุณในชุดกาวน์ รวมถึงบริการที่มีให้คุณอย่างเต็มที่ ผมขอรับรองว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ”
“ฉันจะรอฟังข่าว”
เสี่ยวเชี่ยนวางสายแล้วครุ่นคิด—ทำไมรู้สึกคำพูดฟังดูแปลกๆ ฟังดูเหมือนพวกตาลุงโรคจิต…
เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่ความรู้สึกไว การคาดเดานี้ไม่นานก็เกิดขึ้นแล้ว ความหนาของหน้าอวี๋หมิงหลางทำให้ทุกคนถึงกับต้องยอมแพ้
ในขณะที่อวี๋หมิงหลางทำการสรุปข้อมูลนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้อยู่เฉย เธอทำการรักษาให้หูเหม่ยจิ้งอย่างถี่ถ้วน
จากที่ตอนแรกไม่เชื่อว่าโลนวูล์ฟพลีชีพในหน้าที่ไปแล้ว จนต่อมาเธอก็เสียใจเอาแต่โทษตัวเอง การเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพจิตใจเหล่านี้ล้วนอยู่ในการคาดคะเนของเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลาสามวันในการทำการรักษาขั้นแรก ทำให้หูเหม่ยจิ้งเชื่อว่าโลนวูล์ฟไม่อยู่แล้วจริงๆ
จากแผนที่เธอวางไว้กับศาสตราจารย์หลิว การรักษาแบ่งเป็นสามขั้น ขั้นที่สองก็คือตอนที่อวี๋หมิงหลางต้องออกโรง
วันนั้นเสี่ยวเชี่ยนพาหูเหม่ยจิ้งที่อยู่ในอาการเศร้า รวมถึงศาสตราจารย์หลิวกับหัวหน้าใหญ่ขึ้นรถที่อวี๋หมิงหลางจัดมาให้เพื่อไปยังศูนย์ฝึกอันลึกลับของ011
ภายในห้องประชุม หูเหม่ยจิ้งเห็นคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น บางคนใส่ชุดทหาร บางคนใส่ชุดลำลอง แต่หลายคนเป็นคนที่เธอรู้จัก พอเห็นก็รู้สึกเหมือนบาดแผลถูกแหวกออก
คนที่นั่งอยู่ในนั้นล้วนเป็นคนของหน่วยโลนวูล์ฟในตอนนั้น ทุกคนต่างถูกย้ายไปสายงานอื่นหรือเปลี่ยนงานหมดแล้วยกเว้นอวี๋หมิงหลาง ซาลาแมนเดอร์เองก็ถูกเรียกมา เขาใส่ชุดลำลองนั่งอยู่หัวแถว
คนเหล่านี้มารวมตัวกันอีกครั้งเพราะเรื่องเสียใจในอดีตที่ถูกปิดผนึกมานาน พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนพาหูเหม่ยจิ้งเข้ามา ซาลาแมนเดอร์ก็อารมณ์ขึ้น กำหมัดแน่น แววตาฉายความโกรธ แต่ถูกอวี๋หมิงหลางส่งสายตาห้ามปรามไว้
อวี๋หมิงหลางเรียกทุกคนมาประชุมก่อนแล้ว ทุกคนในที่นี้ห้ามแสดงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น เอาแค่หูมา ปากไม่ต้องขยับ
อวี๋หมิงหลางยืนอยู่ตรงหน้าจอโปรเจคเตอร์ บนเวทีหน้าห้องประชุมมีโต๊ะตัวหนึ่งวางอยู่ ซึ่งบนนั้นมีแผนที่จำลองสถานที่ขนาดใหญ่
วันนี้เสี่ยวเชี่ยนใส่ชุดสูทรัดรูปสีดำที่ดูเป็นทางการ มีความเป็นมืออาชีพมาก ชุดทำงานสีดำตัดกับผ้าพันคอสีขาว ทำให้ดูภูมิฐานในขณะเดียวกันก็ให้เกียรติแก่ผู้ตาย เหมาะสมกับสถานที่ เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเหล่าทหารผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ไม่ได้ดูด้อยไปกว่ากันเลยสักนิด
สายตาของอวี๋หมิงหลางหยุดอยู่ที่เสี่ยวเชี่ยนหลายวินาที เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าให้เขา หลังจากที่อวี๋หมิงหลางผายมือเชิญคนที่มาใหม่ให้นั่งแล้วเขาจึงเริ่มการประชุมพิเศษในวันนี้อย่างเป็นทางการ
“ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้มีทั้งครอบครัวของวีรบุรุษหลิวส่วง ทั้งเพื่อนทหารของเขา วันนี้ที่ผมเชิญทุกคนมาก็เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องในตอนนั้น คืนความยุติธรรมให้กับครอบครัว และคืนความยุติธรรมให้กับฮีโร่ในสงครามของหน่วย011ของเราครับ ผมไม่พูดไร้สาระขอเข้าประเด็นเลยนะครับ เชิญดูที่หน้าจอครับ”
อวี๋หมิงหลางเกริ่นนำสั้นๆแล้วเข้าประเด็น
หูเหม่ยจิ้งนั่งอยู่กับเสี่ยวเชี่ยน หลังจากที่เธอเห็นคนจำนวนมากในนี้ก็เริ่มรู้สึกควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เสี่ยวเชี่ยนต้องคอยกุมมือเธอไว้ตลอดเพื่อให้กำลังใจเธอ เธอถึงไม่หมดสติไป
เสี่ยวเชี่ยนกุมมือหูเหม่ยจิ้งแน่น รู้สึกว่ามือของเธอนั้นเย็นเฉียบ
บนหน้าจอมีการจำลองแผนที่ในตอนนั้น ในบรรดาเหล่าสมาชิกเก่าที่มารวมตัวกันในตอนนี้มีบางคนได้เข้าร่วมภารกิจครั้งนั้น พอได้เห็นสถานที่นั้นอีกครั้งในใจก็รู้สึกแย่ เพราะที่แห่งนั้นพี่น้องของพวกเขาจึงต้องมาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หมิงหลางอย่างไม่ละสายตา นี่เป็นอีกครั้งที่เธอกับเขาได้มาเจอกันอันเนื่องมาจากหน้าที่การงาน อวี๋หมิงหลางเต็มไปด้วยความหนักแน่นอย่างทหาร เขาสรุปเหตุการณ์ในตอนนั้นให้ทุกคนฟังด้วยความคล่องแคล่ว
ข้อมูลเหล่านี้ผ่านการตรวจสอบมาอย่างเข้มงวด สิ่งที่ไม่ควรพูดไม่มีเล็ดลอดออกมาแม้แต่คำเดียว แต่ก็ทำให้ทุกคนเข้าใจถึงเส้นทางภารกิจ
“หลังจากที่ผมได้สืบอย่างละเอียดแล้วได้บทสรุปว่า ตอนนั้นที่หลิวส่วงตัดสินใจเลือกเปลี่ยนเส้นทางกะทันหันไม่ได้เกิดจากอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาปะปนกับเรื่องงาน แต่เป็นเพราะสถานการณ์บีบบังคับ เชิญทุกคนดูตรงนี้ครับ”
นิ้วของอวี๋หมิงหลางชี้ไปตรงจุดหนึ่งของแผนที่ “พยากรณ์อากาศของท้องที่บอกว่าตอนนั้นเป็นฤดูฝนพอดี ทหารหลิวส่วงมีทักษะการใช้ชีวิตในป่าที่มากไปด้วยประสบการณ์ เขาวิเคราะห์แล้วว่าวันนั้นจะต้องมีฝนตกหนักอย่างแน่นอน จึงได้เลือกเปลี่ยนเส้นทางครับ”
“แต่ก่อนหน้านั้นหัวหน้าไม่มีทางตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน ภารกิจที่พวกเราเคยเข้าร่วมหลายครั้งก็เป็นหน้าฝน ปกติไม่เคยเปลี่ยนเส้นทาง แล้วทำไมวันนั้นถึงได้เปลี่ยน?” ซาลาแมนเดอร์เป็นคนแรกที่ตั้งคำถาม
อันที่จริงคำพูดเหล่านี้ทุกคนต่างเก็บไว้ในใจไม่กล้าพูด ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนถึงคิดว่าหัวหน้าเอาอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาปะปนกับงาน
ข้อสงสัยของซาลาแมนเดอร์ทำให้หูเหม่ยจิ้งถึงกับตัวเกร็ง มือที่เสี่ยวเชี่ยนกุมมือเธอไว้รับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังหวาดกลัว
เสี่ยวเชี่ยนหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้หูเหม่ยจิ้ง เธอเอาผ้าปิดปากพยายามอดกลั้นความรู้สึก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอสัญญากับเสี่ยวเชี่ยนมาก่อน และเสี่ยวเชี่ยนได้ให้เธอเตรียมใจมา เธอคงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ไปแล้ว
อวี๋หมิงหลางไม่แปลกใจกับการตั้งข้อสงสัยของซาลาแมนเดอร์ เขากวาดตามองไปรอบๆอย่างใจเย็น จากนั้นจึงเริ่มอธิบาย
“วันนั้นฝนตก ก็แสดงว่าการวิเคราะห์ของโลนวูล์ฟนั้นแม่นยำ และเส้นทางเดิมที่พวกเราไปตรวจสอบ”
อวี๋หมิงหลางชี้ไปที่แผนที่ “หากไปตามเส้นทางนี้ เมื่อปริมาณน้ำในดินมีอยู่มากทำให้ดินเริ่มเกาะตัวไม่อยู่แล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับ? ทุกคนดูที่แบบจำลองนี่ครับ ผมได้จำลองความชื้นในดินโดยอ้างอิงจากเหตุการณ์ในวันนั้น รวมถึงได้คำนวณน้ำหนักตัวของพวกเรา สมมติว่าพวกเราไปตามเส้นทางเดิม…”
อวี๋หมิงหลางหยิบตัวหมากวางบนเส้นทางในแบบจำลอง ดินตรงนั้นเกิดการถล่มทันที
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
“ทุกคนเห็นแล้วนะครับ เส้นทางนี้ไม่มีทางให้ถอยกลับ หากทุกคนเข้าไปแล้วคิดจะถอยก็คงถอยไม่ได้ ทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย ผมทำการทดลองซ้ำไปซ้ำมาอีกทั้งยังไปปรึกษานักธรณีวิทยาถึงได้ข้อสรุปนี้ครับ เนื่องจากในตอนนั้นไม่เกิดเหตุการณ์ดินถล่มในเส้นทางเดิม เลยทำให้ทุกคนมองข้ามสาเหตุที่สำคัญนี้ไป”
ไม่เกิดอุบัติเหตุไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เป็นเพราะหัวหน้าเปลี่ยนเส้นทาง
“ผมมาอยู่ในหน่วย011ได้ไม่นานเท่าทุกๆท่าน พวกคุณรู้จักโลนวูล์ฟดีกว่าผม ฉายาของเขามาได้ยังไงครับ?” อวี๋หมิงหลางถาม
“เพราะเขาสามารถเข้าไปบุกรังโจรได้โดยลำพัง เขาสร้างโอกาสได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เขา…” ซาลาแมนเดอร์พูดต่อไปไม่ไหวแล้ว คำพูดมันจุกอก
ทหารคนอื่นๆต่างก็ขอบตาแดงๆ ทุกคนต่างเป็นลูกผู้ชายที่แข็งแกร่ง แต่กลับถูกทิ่มแทงจุดที่เจ็บปวดในหัวใจ