ตอนที่ 524 เขายังจำได้

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า “ก็เหมือนกับที่พวกเราวิเคราะห์กัน หลังจากบุคลิกเดิมของเธอตื่นขึ้นมา บุคลิกที่สองที่แสนอ่อนโยนก็ได้หายไป เธอจำเรื่องในช่วงหลายปีนี้ไม่ได้ แต่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะรู้จักหนูค่ะ” 

 

 

“หลังจากที่ทำให้เธอได้ปลดปล่อยอารมณ์แล้วก็จะทำการรักษาอย่างเป็นทางการ พอรักษาเสร็จสิ้น พวกเราค่อยหาวิธีปลุกบุคลิกที่สองของเธอกลับมา หรือไม่ก็…ทำให้ทั้งสองบุคลิกหลอมรวมกัน นั่นเป็นบทสรุปที่ดีที่สุด” ศาสตราจารย์หลิวพูด 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า 

 

 

“ไม่ต้องหลอมรวม หนูหวังว่าบุคลิกนี้ของเธอจะหายไป” 

 

 

“ทำไมล่ะ? ผลสรุปที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ ถ้าเรากดความทรงจำของเธอแล้วค่อยปลุกอีกบุคลิกขึ้นมาย่อมทำไม่ได้แล้วแน่นอน ฉันจำได้ว่าเธอเห็นด้วยกับความคิดฉัน” ศาสตราจารย์หลิวถามเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

“หนูเห็นด้วยกับความคิดของอาจารย์ จุดประสงค์ของพวกเราก็คือกดบุคลิกในตอนนี้ของเธอลงไป แต่จุดเริ่มต้นของพวกเราไม่เหมือนกัน ขั้นตอนก็ต่างกัน วิธีของอาจารย์คือสะกดจิตกดบุคลิกเธอโดยตรง ของหนูคือหลังจากที่เธอได้ปลดปล่อยอารมณ์แล้ว ให้เธอได้ทำในสิ่งที่ควรทำ จากนั้นค่อยกดบุคลิกเธอ แบบนี้ในใจของเธอก็จะไม่มีอะไรติดค้างอีก ในอนาคตไม่ว่าเธอจะนึกออกหรือจำไม่ได้แล้วก็ไม่เป็นไร เพราะถ้าใช้วิธีของหนู ต่อให้สักวันหนึ่งบุคลิกทั้งสองของเธอมาหลอมรวมกัน เธอก็จะปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในตอนนี้ได้ ใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญต่อไป” 

 

 

“หืม? ขนาดฉันยังไม่มีความมั่นใจแบบนั้นเลย แล้วเธอเอาความมั่นใจมาจากไหน?” 

 

 

“หนูเก็บชั่วโมงละห้าหมื่นไม่เสียเปล่าหรอกค่ะ ถ้าไม่มั่นใจจะกล้าพูดขนาดนี้เหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนพูดพึมพำเสียงเบา 

 

 

“เธอว่าอะไรนะ?” 

 

 

“หนูบอกว่า ความสามารถในการแบกรับทางจิตใจของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน สำหรับบางคน การลืมอาจเป็นทางหลุดพ้นเพียงทางเดียว ถ้าบุคลิกทั้งสองของเธอมาหลอมรวมกันมันก็ไม่ยุติธรรมกับสามีเธอในตอนนี้นะคะ” 

 

 

“ตอนนั้นฉันก็ศึกษานิสัยของเหม่ยจิ้งก่อนแล้วถึงทำการสะกดจิตกดบุคลิก บางทีสิ่งที่เธอพูดอาจถูก ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แล้วกลับเข้าสู่วิถีชีวิตตัวเองอย่างหมดห่วง แล้วต่อไปเธอวางแผนไว้ว่าไง?” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ตอบอาจารย์ แต่มองไปทางหัวหน้าใหญ่ 

 

 

“หนูจำเป็นต้องขอความร่วมมือค่ะ ถ้าสะดวก หนูขอติดต่อกับหัวหน้าคนปัจจุบันของหน่วยย่อยโลนวูล์ฟค่ะ” 

 

 

“อยากเจออวี๋หมิงหลางเหรอ?” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างจริงจัง “หนูกำลังทำงาน ไม่คุยเรื่องส่วนตัวค่ะ” 

 

 

“อ่อ หัวหน้าหน่วยย่อยโลนวูล์ฟเปลี่ยนคนแล้ว ฉันจะให้คนใหม่ติดต่อเธอมาแล้วกัน” 

 

 

“เดี๋ยวนะคะ อวี๋หมิงหลางล่ะคะ?” 

 

 

“คำสั่งเพิ่งลงมา เขาเลื่อนเป็นหัวหน้าหน่วยกลางแล้ว” 

 

 

“โอเคค่ะ ช่วยให้หัวหน้าหน่วยกลางติดต่อหนูด้วยนะคะ หนูจำเป็นต้องให้พวกเขาร่วมมือด้วย” 

 

 

“……” ไหนว่าไม่คุยเรื่องส่วนตัว ยังจะบอกว่าไม่ใช่เพราะอยากเจออวี๋หมิงหลาง 

 

 

แต่ก็ไม่มีใครแฉความปรารถนาเล็กๆน้อยๆของเสี่ยวเชี่ยน กว่าจะได้เจอกันไม่ง่าย สามารถมาเจอกันได้ก็ขอเจอหน่อย 

 

 

“หลังจากที่อวี๋หมิงหลางเลื่อนเป็นหัวหน้าหน่วยกลางแล้ว ตารางงานจะไม่แน่นเท่าเมื่อก่อน ภารกิจสำคัญบางอย่างจะมอบให้หัวหน้าหน่วยย่อยจัดการ” 

 

 

“พวกเราทำตามที่ทางหน่วยจัดมาอยู่แล้วค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนยิ้มมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนๆ 

 

 

แสดงว่าอีกหน่อยเขาจะได้มีเวลาอยู่กับเธอมากขึ้น ถึงแม้เวลาที่อยู่ด้วยกันก็ยังน้อยกว่าคู่รักทั่วไปอยู่ดี แต่ก็น่าจะดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ เดี๋ยวนะ ดูเหมือนมันแปลกๆตรงไหนชอบกล? 

 

 

“หัวหน้าใหญ่ เมื่อกี้ว่าอะไรนะคะ?” 

 

 

“ฉันบอกว่าหมิงหลางเลื่อนเป็นหัวหน้าหน่วยกลางแล้ว คำสั่งเพิ่งจะลงมา แต่เนื่องจากหน่วยเราเพิ่งขยาย ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจะยังมีงานต้องทำมาก พอทุกอย่างเข้าที่แล้วเขาก็จะ—” 

 

 

“ไม่ใช่ประโยคนี้ค่ะ หัวหน้าใหญ่บอกว่า ภารกิจสำคัญบางอย่างจะมอบหมายให้หัวหน้าหน่วยย่อยจัดการ? เขาไม่จำเป็นต้องไปยิงปืนในที่เกิดเหตุแล้วเหรอคะ?” 

 

 

“ถูกต้อง เดิมหน้าที่ของหมิงหลางก็คือสั่งการ ตามตำแหน่งหน้าที่แล้วเขาไม่ควรต้องควบเป็นมือสไนเปอร์ เพียงแต่ก่อนหน้านี้พวกเราขาดแคลนคนหนักมาก ตอนนี้ฝึกคนเก่งๆมาได้จำนวนหนึ่งแล้ว เขาก็สามารถค่อยๆกลับสู่หน้าที่เดิมได้แล้ว” 

 

 

หัวหน้าหน่วยไม่ควรต้องมาทำหน้าที่สไนเปอร์มือหนึ่ง แล้วยิ่งตอนนี้อวี๋หมิงหลางได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยกลางแล้วด้วย 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่ากลางหัว อึ้งอยู่นานไม่ขยับเขยื้อน 

 

 

งั้นอวี๋หมิงหลางเมื่อชาติที่แล้วเกิดอะไรขึ้น? 

 

 

เมื่อชาติที่แล้วภายใต้สถานการณ์ที่เธอยังไม่รู้ว่าอวี๋หมิงหลางคือผู้มีพระคุณ เธอเจอเขาอีกครั้งตอนที่เธอถูกคนร้ายจี้เป็นตัวประกัน ตำแหน่งอวี๋หมิงหลางในตอนนั้นเกินหัวหน้าหน่วยกลางแล้วด้วยซ้ำ แล้วจะเป็นเขาที่เป็นคนยิงได้ยังไง? 

 

 

เขาไม่มีความจำเป็นต้องไปที่จุดเกิดเหตุ แต่เขาไป 

 

 

เป็นเขาที่ช่วยเธอออกมาจากมือคนร้ายด้วยตัวเอง 

 

 

การวิเคราะห์ของเสี่ยวเชี่ยนได้แผ่ขยายไปทั่วจิตใจ 

 

 

ข้อสงสัยเมื่อชาติก่อนดูเหมือนจะคลี่คลายได้แล้วในชาตินี้ 

 

 

อวี๋หมิงหลางไม่เหมือนกับเธอ เขาเป็นผู้ชายที่ได้รับการฝึกมาเป็นพิเศษ มีความสามารถที่อะไรถ้าผ่านสายตาแล้วก็จะไม่ลืม แล้วนับประสาอะไรกับที่เมื่อชาติก่อนเธอกับเขาเคยเขียนจดหมายหากัน เขาใช้นามแฝง แต่เธอกลับใช้ชื่อจริง ตอนที่เขาช่วยเธอจะต้องรู้แล้วแน่นอนว่าเธอเป็นใคร 

 

 

ถึงขนาดที่ว่าเขามายังสถานที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเธอ 

 

 

พอคิดได้แบบนั้น ท่าทางที่เอาเสื้อนอกทหารมาคลุมให้ในครั้งแรกที่เจอที่ถูกเธอล้อมาตลอด คำพูดสอนที่ว่ามาผับคนเดียวไม่ปลอดภัยท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 

 

 

เขาจำเธอได้ เขาจำเธอได้มาตลอด บางทีอาจเป็นเพราะไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรถึงได้แสร้งทำเป็นเย็นชาใส่ 

 

 

ความรู้สึกนี้ทำให้หัวใจเสี่ยวเชี่ยนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที 

 

 

บาดแผลเรื่องลูกสาวที่เมื่อครู่ถูกสะกิดขึ้นมาตอนที่รักษาให้หูเหม่ยจิ้งดูเหมือนจะดีขึ้นมาหน่อย 

 

 

บางทีคนที่ถูกกำหนดว่าต้องจากกันระหว่างทางก็ไม่ได้น่าเศร้าอย่างที่คิดเท่าไร ระหว่างทางเราก็มักจะได้เจอกับคนที่ทำให้ซาบซึ้งใจ ทำให้อบอุ่นหัวใจ คนเหล่านี้ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อ 

 

 

ทันใดนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็อยากเจออวี๋หมิงหลางมาก ไม่ใช่แค่เรื่องงาน เธออยากเจอเขาจริงๆ 

 

 

“อวี๋หมิงหลางพูดครับ” 

 

 

อวี๋หมิงหลางมารับโทรศัพท์หลังจากที่คนในหน่วยไปแจ้ง 

 

 

แต่กลับนึกไม่ถึงว่าปลายสายจะเป็นเสียงของคนที่เขาคิดถึงมานาน 

 

 

“ฉันจิตแพทย์เฉินเสี่ยวเชี่ยนค่ะ” 

 

 

“ลูกเชี่ยน?” 

 

 

อวี๋หมิงหลางคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ 

 

 

“เรียกฉันว่าหมอเฉินนะคะ” 

 

 

“หมอเฉิน มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?” 

 

 

อวี๋หมิงหลางรู้ว่า ถ้าเสี่ยวเชี่ยนแทนตัวเองว่าหมอเฉิน ก็แสดงว่ามีเรื่องงานให้ช่วย 

 

 

และที่เขามารับสายก็เพราะมีคำสั่งลงมาให้เขาให้ความร่วมมือในการรักษากับญาติคนไข้ ดูท่าเรื่องนี้ลูกเชี่ยนของเขาจะเป็นคนจัดการอีกแล้ว 

 

 

สิ่งที่อวี๋หมิงหลางคิดก็คือให้ความร่วมมือกับหมอเฉิน แต่อวี๋น้อยที่เคยได้เจอกับเฉินน้อยไปแล้วกำลังส่งความปรารถนาอย่างน่าไม่อายอยู่ในสมอง สมองของอวี๋หมิงหลางนึกไปถึงภาพหมอเฉินในชุดเสื้อกาวน์ถูกจับกดเข้าที่กระจก นั่นเป็นภาพที่สวยงามในโลกมนุษย์ขนาดไหนกัน? 

 

 

“ฉันต้องการให้คุณตรวจสอบเรื่องการตายของโลนวูล์ฟในตอนนั้น แน่นอนว่าส่วนที่เกี่ยวข้องกับความลับคุณสามารถจัดการแบบผ่านๆไปก็ได้ พวกเราจะทำการตัดสินอย่างยุติธรรมโดยที่ไม่แพร่งพรายความลับออกไป” 

 

 

“คุณสงสัยในตัววีรบุรุษ?” 

 

 

“เรื่องกรณีพิเศษจัดการแบบพิเศษ ฉันไม่ได้สงสัยในตัววีรบุรุษ แต่การเรียกร้องนี้ไม่ใช่แค่เสียงในใจของญาติผู้ตาย มันรวมถึงเสียงที่อยู่ในใจของพวกคุณด้วย หลังจากที่ได้สูญเสียเขาไปความเสียใจของทุกคนต่างไม่มีที่ระบาย บาดแผลที่อยู่ในใจต่างทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ คุณคิดว่าคนที่ได้รับบาดแผลมีแค่หูเหม่ยจิ้งเหรอ? ผิดแล้ว สมาชิกทุกคนที่เจอกับเรื่องนี้ในตอนนั้นในใจต่างมีบาดแผล พวกเราต้องทำเรื่องนี้ให้มันชัดเจนต่อหน้าวีรบุรุษ”