บทที่ 45 เฟิงเซวียนจวี๋หาเรื่อง
จวงหนานเทียนเบ้ปาก “ถ้าแม้แต่คุณเองยังทำไม่ได้ แล้วจะมีสิทธิ์อะไรไปเป็นอาจารย์คนอื่นเขาล่ะ?”
“ไอ้แซ่จวง คุณหมายความว่าไง?” ผู้อาวุโสหลี่เผยสีหน้าโมโห หน้าแดงก่ำ
ถึงแม้เขาจะเป็นจอมยุทธ์พรสวรรค์ แต่ก็ฝึกมาเป็น10ปีกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่ได้เกี่ยวกับพรสวรรค์ว่ามีมากแค่ไหน การฝึกวิชาขั้นที่สุดของที่สุดของแดนบริบูรณ์ ไม่ใช่แค่ว่าผลการฝึกตนสูงแล้วก็จะทำได้ แต่มันต้องมีพรสวรรค์และรู้แจ้งถึงจะได้
“ความหมายของผมก็บอกชัดเจน คุณกับผมต่างกันแค่ไหน ทุกคนก็รู้ดี อัจฉริยะแบบนี้ ถ้าเอามาให้พวกเรา จะทำให้เสียเวลาเขาเปล่าๆ ในเมืองชิงหยุน มีแค่เจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถสอนเขาได้” จวงหนานเทียนยิ้มพูด
พอพูดออกไปดังนั้น ทุกคนก็หันไปยิ้มมองใส่เจ้าสำนักยุทธ์
เจ้าสำนักยุทธ์ก็ยิ้มรับเบาๆ “หลัวซิวถือว่าเป็นคนที่เหมาะสมที่จะสั่งสอน สำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุนของพวกเราก็ยังเล็กเกินไป สำนักเซียวเหยาถึงจะเป็นสถานที่ที่เขาควรจะไป”
ในตอนนี้เอง บริเวณเวทีประลองยุทธ์ก็เฮกันขึ้นมา การประลองของหลัวซิวและจ้าวฉีชวง ได้ปิดฉากลงแล้ว
เห็นว่าหลัวซิวไม่ได้ออมมืออีกแล้ว จับจุดอ่อนได้ แล้วก็ซัดเข้าไปที่หน้าอกของจ้าวฉีชวง เล่นเอาเขากระเด็นลอยออกไป จนตกลงไปด้านล่างเวทีประลอง
“หลัวซิวคนนี้ใช้แค่วิชายุทธ์ระดับ2 ก็เอาชนะจ้าวฉีชวงได้เลยหรือนี่?”
“มองไม่ออกเลยว่า วิชายุทธ์ระดับ2จะร้ายกาจขนาดนี้ วิชาดาบเจ็ดดาวของจ้าวฉีชวงก็ได้สำเร็จเล็กน้อยไปแล้วไม่ใช่หรือไง ต่อให้วิชายุทธ์ระดับ2บรรลุไปแล้ว ก็คงไม่ร้ายกาจขนาดนี้ได้หรอก”
“คุณจะรู้อะไร เมื่อครู่ผมได้ยินอาจารย์พูดว่า หมัดเสือมังกรและวิชาก้าวสั้นของหลัวซิวเลยขั้นบรรลุไปแล้ว ถึงขั้นที่สุดของที่สุดของแดนบริบูรณ์แล้ว!”
ในเสียงตื่นเต้นตกใจทั้งหลายนั้น ภายใต้สายตาทุกคน หลัวซิวได้กลายเป็น3อันดับสุดยอดจุดสนใจไปแล้วทันที
“ฝึกฝนวิชายุทธ์ระดับ2ได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้ถือว่าพบได้ยาก แต่ว่าถ้าเจอกับคนของห้องขั้นสูง เกรงว่าคงจะแพ้ยับเยิน วิชายุทธ์ระดับ2ก็ยังเป็นแค่วิชาระดับสอง”
จากอารมณ์ขึ้นเมื่อครู่ ผู้อาวุโสตนเองลี่ก็นิ่งลง แล้วพูดวิเคราะห์ออกมา
“ผู้อาวุโสหลี่พูดถูกต้อง วิชายุทธ์ระดับ2ยังมีข้อจำกัด ถ้าฝึกจนบรรลุวิชายุทธ์ระดับ3 ก็จะสามารถจัดการกับวิชายุทธ์ระดับ2ได้อย่างหมดจด” ผู้อาวุโสด้านข้างคนหนึ่งพูดเห็นด้วย
“ก็แค่ฝึกวิชายุทธ์ระดับ2จนถึงแดนบริบูรณ์เท่านั้นเอง ถ้าเจอผม จะทำให้เขาได้รับรู้ว่าอะไรที่เรียกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”
หนุ่มน้อยสวมผ้าแพรคนหนึ่งเผยสีหน้าไม่พอใจ เสียงดังมาก คนใกล้ๆ หลายคนได้ยินชัดเจน
สายตาเริ่มมองมาที่เขา อยากรู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ ถึงได้พูดจาโอหังแบบนี้
แต่ตอนที่ทุกคนเห็นเขานั้น ก็ผงะไปตามกัน
“คือเฟิงเซวียนจวี๋ ยอดฝีมืออันดับ3ในห้องขั้นสูง ได้ยินมาว่าวิชากระบี่ระดับสามฝึกจนถึงแดนบรรลุผลแล้ว!”
“ที่แท้ก็เขานี่เอง วิชากระบี่ระดับสามฝึกแดนบรรลุผล ก็สมควรที่จะมองข้ามวิชายุทธ์ระดับ2แดนบริบูรณ์ได้อยู่”
การแข่งขันดำเนินต่อไป ไม่นานก็เหลือเพียงไม่กี่สิบคน กำลังจะเริ่มเข้าสู่การคัดเลือกรอบตัดสิน
หลัวซิวก็ได้สังเกตดูการต่อสู้ของคนอื่นๆ ด้วย พบว่าพลังของหลายๆ คน ไม่ด้อยไปกว่าตนเองเลย
เพราะถึงอย่างไรเมืองชิงหยุนก็มีประชากรหลายแสนคน บวกกับหมู่บ้านรอบๆ เมืองอีก ทุกๆ ปีจะมีนักเรียนใหม่เข้ามาในสำนักยุทธ์มากมาย ตั้งแต่อายุ10-18ปี ในนักเรียนทั้ง8รุ่น ก็มีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ด้านฝึกยุทธ์ไม่น้อย
เมื่อเทียบกับพวกที่เริ่มแสดงพรสวรรค์ออกมาให้เห็นตั้งแต่เริ่มแรก แล้วพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดแล้วนั้น หลัวซิวรู้ดีว่าตัวเองเก่งขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น ที่สามารถฝึกยุทธ์จนมีความสามารถตามคนพวกนี้ได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งปี ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
หนึ่งในนั้นมีคนที่ฝึกวิชากระบี่ฟ้าแลบเหมือนกัน ชื่อว่าเฟิงเซวียนจวี๋ และฝึกวิชากระบี่จนบรรลุผลแล้วเหมือนกันกับเขา
แล้วยังมีสวี่ชิวเซิงที่อยู่ในอันดับหนึ่ง วิชาหอกเรียกได้ว่าล้ำลึกมาก มันคือที่สุดของที่สุด ยิ่งกว่านั้นคือฝึกวิชาหอกระดับ3จนถึงแดนบรรลุบริบูรณ์!
ยังมีหานซานอีกคน ที่เป็นอันดับ2 มีพละกำลังมากตั้งแต่เกิด แค่โจมตีออกมาธรรมดาๆ ก็เทียบกับทักษะยุทธ์ระดับ3ได้เลย บวกกับฝึกทักษะยุทธ์ป้องกันตัวขั้น3 ใช้ปราณในออกมารอบตัว การโจมตีธรรมดาไม่สามารถทำอะไรได้
ผ่านการคัดเลือกไปอีกครั้ง ผลคะแนนสุดท้ายก็ไม่แปลกไปจากที่คิด สวี่ชิวเซิง หานซานเฟิงเซวียนจวี๋ล้วนเอาชนะได้อย่างง่ายๆ โดยแทบจะเป็นตัวเต็ง3คนแรกอยู่แล้ว
เพราะถึงอย่างไรทั้งงานประลองยุทธ์นี้ รางวัลที่สำคัญที่สุด ก็คือ3อันดับแรก
เมื่อเทียบกับ3คนนี้ หลัวซิวที่เข้ารอบมาเหมือนกัน ถึงแม้จะโดดเด่น แต่กลับไม่ค่อยมีคนเชียร์เขาเท่าไรนัก แต่ว่าเขาอาศัยอายุเพียง14ปี สู้มาจนถึงรอบนี้ ก็เพียงพอที่จะเป็นจุดเด่นของงานประลองยุทธ์ปีนี้
4คนชิงกันเขา3อันดับแรก ตามกติกา แต่ละคนจะต้องสู้กันคนละสนาม แล้วนับจำนวนครั้งที่ชนะมาเรียงลำดับคะแนน
ในตอนนี้เอง อยู่ดีๆ เฟิงเซวียนจวี๋ก็เดินมาตรงหน้าของหลัวซิว แล้วยิ้มเย็นพูดว่า “ไอ้หนู ดังไม่เบาเลยนะ เดี๋ยวรอมึงมาเจอกับกู กูจะทำให้มึงแพ้อย่างราบคาบเลย!”
หลัวซิวก็ขมวดคิ้ว เขาไม่เคยไปหาเรื่องเฟิงเซวียนจวี๋คนนี้มาก่อน ทำไมหมอนี่ถึงได้คิดเป็นศัตรูกับตนเองขนาดนี้นะ?
แต่ว่าหลัวซิวก็รู้ดี บางคนก็มักจะคิดว่าตนเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก เห็นคนอื่นได้ดีก็ไม่พอใจ เฟิงเซวียนจวี๋ก็น่าจะเป็นคนจำพวกนี้
“บรรลุวิชากระบี่แล้วเก่งมากหรือไง? ใครจะแพ้ราบคาบ ก็ยังไม่รู้เลย!” หลัวซิวก็พร้อมสู้ อดใจอยากจะสู้กับยอดฝีมือห้องขั้นสูงพวกนั้นไม่ได้แล้ว
สนามแรก คือสวี่ชิวเซิงกับหานซาน คนหนึ่งวิชาหอกบรรลุแดนบริบูรณ์ที่สุดของที่สุดพลังรุนแรง กับอีกคนที่มีพละกำลังมาก พร้อมกับวิชาปัดป้องทั้งตัว
อาวุธของหานซานคือดาบเปิดเขา แต่ละกระบวนท่าฟันกว้างฟันแคบ เสียงลมดังเป็นเสียง ฝุ่นตลบอบอวล
ถึงแม้การโจมตีของเขาจะรุนแรง แต่ก็ประชิดตัวของสวี่ชิวเซิงไม่ได้เลย ปืนเงินเคลือนไหวดั่งมังกรเลื้อย ครอบคลุมจุดสำคัญของหานซานทั้งหมด
หานซานก็ได้แต่ใช้พลังปราณแข็งออกมาป้องกันไว้ แต่เมื่อตำแหน่งเดิมถูกปืนเงินโจมตีเข้าหลายๆ ครั้ง สุดท้ายเขาก็กระอักเลือดพุ่งออกมา ตัวก็ถอยร่นไป แล้วยอมแพ้
จากนั้น ทั้งสองคนก็ลงเวทีไปพักผ่อน เพื่อฟื้นพลังที่เสียไปจากการประลอง
เฟิงเซวียนจวี๋กระโดดขึ้นเวทีประลอง ยืนเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง อีกมือก็ชี้มายังหลัวซิวที่อยู่ด้านล่างเวที มองต่ำลงไป แล้วก็พูดอย่างอวดเก่งว่า “ภายใน3กระบวนท่า จะต้องเอาชนะมึงได้แน่!”
พอเห็นเฟิงเซวียนจวี๋ที่มีท่าทีหาเรื่องหลัวซิวแบบนี้ คนด้านล่างเวทีก็มีสายตาสนใจอยากจะเห็นเรื่องสนุก แล้วมองไปที่หลัวซิว
พลังของเฟิงเซวียนจวี๋นั้น เป็นยอดฝีมืออยู่ใน3อันดับแรก ไม่เหมือนกับคู่ต่อสู้ที่หลัวซิวเคยเจอมาก่อนหน้านี้เลย
“จะเอาชนะผมภายใน3กระบวนท่างั้นหรือ คุยโวโอ้อวดเก่งดี!คิดว่าตัวเองเป็นจอมยุทธ์ชี่ไห่หรือไง?” หลัวซิวกระโดดขึ้นเวทีประลอง แล้วยิ้มพูดว่า “ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าคุณจะเอาชนะผมใน3กระบวนท่าได้อย่างไร”
“แหกลูกตาหมาๆ ของมึงดูให้ดีก็แล้วกัน!” เฟิงเซวียนจวี๋มีสายตาจิก
“ฟิ้ว!”
พอสิ้นเสียงพูด เขาก็เคลื่อนตัว พริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าของหลัวซิว รวดเร็วดั่งผี ทำให้คนด้านล่างเวทีตื่นเต้นตกใจไปตามกัน
“เร็วมากเลย!”
“ย้ายร่างเปลี่ยนเงา วิชาท่าร่างขั้น3 นี่มันร้ายกาจกว่าวิชาก้าวสั้นขั้น2ของหลัวซิวมากเลย!”
เห็นได้ชัดว่า เฟิงเซวียนจวี๋แสดงความรวดเร็วของตนเองออกมา ทำให้ทุกคนตกใจยอมจำนน
เร็วงั้นหรือ? เร็วแล้วจะมีประโยชน์หรือ?