วันที่สอง เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ทำอาหารจากไข่หรือเนื้อเลย เพียงผัดหน่อไม้กิน เพราะนางผัดได้อร่อย ไม่มีรสฝาดและกลิ่นเขียวของหน่อไม้ เด็กสองคนจึงชอบกินมาก ทั้งสามคนกินผัดหน่อไม้ธรรมดาหนึ่งจานอย่างเอร็ดอร่อย
ตั้งแต่นางจัดเก็บห้องของเซียวยวี่เรียบร้อย เมื่อไม่มีอะไรทำก็จะไปนั่งเล่นในห้องของเขา นางพบโถดินเผาจำนวนหนึ่งในมุมหนึ่งของห้อง บนนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นผง นางเลือกโถขนาดเล็กที่สุด หลังจากล้างจนสะอาดแล้วจึงวางไว้บนโต๊ะหนังสือในห้อง ใส่กิ่งดอกท้อที่นางเก็บมาจากในป่าไว้
ดอกท้อมีสีชมพูอ่อน บนกิ่งมีใบไม้สีเขียวสดใหม่ โถดินเผามืดครึ้มดูหนักแน่น แต่งแต้มด้วยดอกท้อที่มีสีสันสดใส ดูเด่นชัดเป็นพิเศษ ราวกับนำพาฤดูใบไม้ผลิเข้ามาในห้อง
เทียบกับก่อนหน้านี้ที่มีแต่ความอึมครึม ตอนนี้บ้านสกุลเซียวดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก
นางพาเด็กสองคนไปขุดหน่อไม้ที่เขาด้านหลัง ครั้งนี้ขุดมาได้จำนวนมาก ขุดมาสองตะกร้า นำไปต้มและตากแดดไว้ทั้งหมด
หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ และล้างหน้าบ้วนปากแล้ว ทั้งสามคนจึงขึ้นเตียง เซี่ยยวี่หลัวยังคงเล่านิทานให้เด็กสองคนฟังตามเดิม ก่อนจะนอนหลับไป
เงียบสนิทตลอดคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้ายังไม่สว่าง เซี่ยยวี่หลัวก็ลุกแล้ว ตื่นขึ้นมานึ่งหมั่นโถวและต้มโจ๊ก ก่อนจะปลุกเด็กสองคนให้ตื่น หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงพาเด็กสองคนหิ้วของเซ่นไหว้ขึ้นเขาไป
หมู่บ้านสกุลเซียวมีภูเขาสุสานบรรพชนแห่งหนึ่ง ขอเพียงเป็นคนจากหมู่บ้านสกุลเซียวล้วนสามารถฝังไว้ที่นี่ได้ ถึงแม้บิดามารดาของเซียวยวี่เคยไปอยู่ในตัวอำเภอ แต่ผู้สูงวัยมักเฝ้าหวังอยากจากไปในถิ่นเดิม หลังจากล้มป่วยก็กลับมาหมู่บ้านสกุลเซียว และอยู่จนจากโลกนี้ไป
หลังจากพวกเขาหมดลมหายใจ ก็ถูกฝังไว้บนเขาสุสานบรรพชน
เซี่ยยวี่หลัวน่าจะไม่เคยไปสุสานบรรพชน ถึงอย่างไรในความทรงจำของนางก็จำไม่ได้แม้แต่น้อย
เซียวจื่อเซวียนหิ้วตะกร้านำทางอยู่ข้างหน้า หลังจากขึ้นเขา เดินผ่านเส้นทางสายเล็กกลางภูเขาที่เกิดขึ้นเพราะมีคนเดินผ่านประจำ จึงมาถึงหลุมฝังศพ
หลุมศพของบิดามารดาเซียวยวี่ถือว่าสะอาด ก่อนเซียวยวี่จะไปสอบเคยมาเซ่นไหว้หนึ่งครั้ง ด้วยเกรงว่าตนเองไปสอบแล้วจะพลาดวันชิงหมิง น้องชายและน้องสาวยังเล็กไม่รู้ความ ดังนั้นเขาจึงมาเซ่นไหว้ล่วงหน้า
หลุมฝังศพบิดามารดาบ้านสกุลเซียว เทียบกับหลุมฝังศพอื่น ยังดูรกร้างและทรุดโทรมกว่ากันมาก
ผู้ที่หลับใหลอยู่ในนี้คือพ่อแม่สามีของเซี่ยยวี่หลัว
พวกเขาจากโลกนี้ไปตั้งแต่ก่อนที่นางจะแต่งเข้ามาแล้ว เซี่ยยวี่หลัวไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับพวกเขา
ทว่า ผู้ที่หลับใหลอยู่ในนี้คือบิดามารดาของสามพี่น้องเซียวยวี่ นางในฐานะสะใภ้คนโตของบ้านสกุลเซียว ย่อมต้องค้ำจุนครอบครัวนี้ร่วมกับเซียวยวี่ เลี้ยงดูเด็กสองคนให้ดี
เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนอ่อนโยนและจิตใจดีมาก ใครทำดีต่อนาง นางก็จะทำดีกลับคืนเป็นเท่าตัว แต่ก็เป็นคนมีนิสัยเด็ดเดี่ยวมาก ใครทำไม่ดีต่อนาง ก็อย่าหวังว่านางจะทำดีด้วย
ที่นางมีอุปนิสัยเช่นนี้ ก็มาจากสภาพแวดล้อมในครอบครัวและการอบรมสั่งสอนจากภพก่อน
บนหลุมฝังศพและบริเวณโดยรอบมีหญ้ารกขึ้นจำนวนหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัววางของลงแล้วจึงเริ่มถอนหญ้าบนหลุมฝังศพ เด็กสองคนเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ลงมือทำ ต่างก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เริ่มถอนหญ้าพร้อมกับเซี่ยยวี่หลัว
ทั้งสามคนใช้เวลาสองถ้วยชา จึงถอนหญ้ารกบนหลุมฝังศพจนสะอาด เซี่ยยวี่หลัวนำพลั่วมาด้วย ขุดดินจำนวนหนึ่งมากลบหลุมฝังศพให้แน่น ก่อนจะเริ่มเซ่นไหว้
เซี่ยยวี่หลัวจัดวางของเซ่นไหว้ ช่วงเช้านางทำหมั่นโถวไว้ จุดธูปเทียนสำหรับเซ่นไหว้ จากนั้นนำธูปออกมาสามดอก ส่งให้เซียวจื่อเซวียน หยิบออกมาอีกสามดอก ส่งให้เซียวจื่อเมิ่ง
ในมือของนางเหลืออีกสามดอก กล่าวกับเด็กสองคน “จื่อเซวียน จื่อเมิ่ง พวกเราคำนับท่านพ่อท่านแม่กัน”
ทั้งสามคนคุกเข่าลงตรงหน้าหลุมฝังศพ คำนับสามครั้ง ปักธูปไว้ในดินตรงหน้า ไหว้ลงไปอีกสามครั้ง เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้รีบลุกขึ้น
แต่ยังคุกเข่าอยู่หน้าหลุมฝังศพ พนมมือพร้อมกล่าวด้วยความกตัญญู “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าคือภรรยาของเซียวยวี่ ชื่อเซี่ยยวี่หลัวเจ้าค่ะ ต้องขออภัยที่เพิ่งมาเยี่ยมพวกท่านวันนี้ แต่พวกท่านโปรดวางใจ ในฐานะสะใภ้คนโตของบ้านสกุลเซียว ข้าจะดูแลเด็กสองคนนี้ให้ดี เลี้ยงดูเด็กสองคนจนเติบใหญ่ ขอให้วิญญาณพวกท่านบนสวรรค์ โปรดคุ้มครองให้พวกเราปลอดภัย มีชีวิตอย่างราบรื่นด้วยเจ้าค่ะ! ”
พวกเรา หมายถึงนางและเด็กสองคน
ราชบัณฑิตน้อยมีรังสีพระเอกมากเกินไป ในอนาคตยังสามารถก้าวขึ้นไปมีอำนาจบารมีสูง แต่นางและเด็กสองคนนั้นต่างกัน
ช่วยคุ้มครองอย่าให้นางต้องพบกับจุดจบแบบตายไร้ที่ฝัง และคุ้มครองเด็กสองคนให้เติบใหญ่อย่างปลอดภัย ขอเพียงเด็กสองคนปลอดภัย นางก็ต้องปลอดภัยแน่นอน!
อย่างน้อย ราชบัณฑิตน้อยก็จะไม่แค้นนางจนอยากสังหารเสีย!
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งคุกเข่าอยู่ข้างกายเซียยวี่หลัว ต่างก็ร้องไห้ “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราคิดถึงท่านพ่อท่านแม่! ”
พวกเขาเป็นเพียงเด็กอายุแปดขวบและหกขวบ เป็นช่วงวัยที่น่าจะมีความสุขออดอ้อนอยู่ต่อหน้าบิดามารดา กลับต้องสูญเสียความรักจากบิดามารดาตั้งแต่เด็ก จะไม่คิดถึงพวกท่านได้อย่างไร?
เซี่ยยวี่หลัวโอบกอดพวกเขาไว้ในอ้อมอกแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น “วางใจได้ ต่อไปพี่ใหญ่จะเป็นท่านพ่อของพวกเจ้า พี่สะใภ้ใหญ่จะเป็นท่านแม่ของพวกเจ้า ขอเพียงข้ายังอยู่ ก็จะให้พวกเจ้ากินอิ่มนอนหลับสบายแน่นอน ให้พวกเจ้าเติบโตอย่างปลอดภัยและมีความสุข! ”
วาจาเหล่านี้ นางกล่าวให้บิดามารดาเซียวยวี่ฟัง และกล่าวให้ตนเองฟังด้วย
บางที เหตุผลที่นางมายังที่แห่งนี้ อาจเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จก็เป็นได้
เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตอันน่าอนาถของเด็กสองคน นั่นคือภารกิจของนาง!
อนาคตของนางและอนาคตของเด็กสองคนนี้มีความเกี่ยวโยงกันอย่างแนบแน่น หากพวกเขาสบายดี นางถึงจะสบายดี
บางทีวันใดวันหนึ่งในภายภาคหน้า ประตูแห่งกาลเวลาที่หมุนเปลี่ยนอาจเปิดออกอีกครั้ง ไม่แน่ว่านางอาจสามารถกลับไปยังโลกของตัวเองอีกครั้งก็เป็นได้!
วันหนึ่งนางจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตอันน่าอนาถของเด็กสองคนนี้เอง
หลังจากเซ่นไหว้เสร็จแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงจูงมือเด็กสองคนลงเขาไป
เพราะอีกชั่วครู่เซี่ยยวี่หลัวจะเข้าไปในตัวเมือง ดังนั้นพวกเขาจึงมากันตั้งแต่เช้าตรู่ ขณะพวกเขากลับ คนอื่นๆ ในหมู่บ้านที่มาเซ่นไหว้ก็เพิ่งทยอยกันมา
หลุมฝังศพบิดามารดาของเซียวยิงอยู่ข้างหลุมฝังศพบิดามารดาของเซียวยวี่ ขณะเขาพาภรรยาและบุตรมาเซ่นไหว้ มองแวบเดียวก็เห็นว่าเคยมีคนมาเซ่นไหว้บิดามารดาเซียวยวี่แล้ว หญ้ารกบนหลุมฝังศพถูกเก็บกวาดจนสะอาด บนนั้นยังมีการเติมดินใหม่ ธูปที่เสียบอยู่ตรงหน้าหลุมฝังศพไหม้ไปกว่าครึ่งดอก มีการจุดธูปเทียน ทั้งยังมีเครื่องเซ่นที่ใช้เซ่นไหว้วางอยู่หน้าหลุมฝังศพ เป็นหมั่นโถวลูกใหญ่สีขาวอ้วนสองลูก
สดใหม่เหมือนเพิ่งนำออกจากเข่งนึ่ง
เวลานี้บ้านสกุลเซียวฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้เชียว ของเซ่นไหว้ยังใช้หมั่นโถวที่ทำจากแป้ง ทั้งยังไม่นำกลับไปด้วย!
เซียวยิงเห็นแล้วเพลิงโทสะพลันโหมไหม้
ภรรยาเซียวยวี่ช่างไม่รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัดเสียจริง!