ตอนที่ 129 นี่ต่างหากล่ะผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุด / ตอนที่ 130 ผมจะจูบคุณในอีกวินาทีถัดไป

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 129 นี่ต่างหากล่ะผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุด

 

 

น้ำเสียงเย็นเยียบจนแทบจะเสกบรรยากาศรอบด้านให้กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง เสียงที่ไม่ดังนักแต่ก็ทำเอาเงียบกริบไปทั้งงาน

 

 

ใบหน้ารวมไปถึงทั้งร่างกายของหลินเฟยเฟยก็แข็งทื่อ เธอยืนจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองกับคำหลุดออกมาจากปากของชายหนุ่ม

 

 

“คุณ…คุณกำลังพูดอะไรอยู่”

 

 

หลินเฟยเฟยลิ้นพันกันเป็นปม แต่ก็ยังถามออกไปอย่างไม่วางใจ

 

 

ป๋อจิ่งชวนไม่ได้หันไปมองเธออีก เขาหันไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินฝานซิงแล้วยกมือขึ้นวางไว้ตรงเอวของเธอก่อนจะดึงเอาหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในความฉงนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

 

 

“อวี๋ซงเอาพวกขวางหูขวางตานี่ออกไปจัดการให้ฉันที…”

 

 

อวี๋ซงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนแทบจะหลุดขำออกมา!

 

 

พาออกไปจัดการ?

 

 

จัดการยังไง?

 

 

ถ้าเป็นผู้ชายก็ว่าไปอย่าง!

 

 

จะว่าไปเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จะให้ผู้ชายตัวบะเร่อเท่อ อย่างเขาลงมือลงไม้?

 

 

คุณผู้ชายโยนโจทย์ยากให้เขาซะแล้ว!

 

 

อวี๋ซงวอเรียกบอดี้การ์ดสองนายผ่านวอล์คกี้ทอล์คกี้ไว้ก่อนแล้ว เมื่อได้ยินคำสั่งจากผู้เป็นนาย เขาก็รีบหันไปส่งสายตาให้กับบอดี้การ์ดในชุดสีดำที่อยู่ข้างๆ

 

 

หลินเฟยเฟยถึงกับเหวอไปทันที ป๋อจิ่งชวนไม่แม้จะต้องเอ่ยชื่อเสียงเรียงนาม แต่ทุกคนก็ต่างเข้าใจเข้าใจตรงกัน รวมทั้งเจ้าตัวเองก็รู้ได้อย่างชัดแจ้งแดงแจ๋ว่าคำว่าพวกขวางหูขวางตานั้นหมายถึงเธอ…

 

 

ทุกคนต่างก็รู้ว่าเฉินฝานซิงเป็นผู้หญิงเลว แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ยังจะปกป้องเธออย่างไม่สนหน้าไหน

 

 

เธอไม่ยอมให้ผู้ชายที่เธอตกหลุมรักมาทำกับเธอเช่นนี้ เธอเจ็บใจจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่

 

 

“ทำไมล่ะ เธอเป็นผู้หญิงไม่ดี ฉันก็กำลังบอกคุณอยู่นี่ไง เธอไม่คู่ควรที่คุณจะมาทำแบบนี้ให้หรอกนะ”

 

 

ในตอนนั้นบอดี้การ์ดสองคนที่อวี๋ซงเรียกมาก็ได้เข้ามาถึงตัวเธอแล้วหิ้วปีกเธอทั้งซ้ายขวา

 

 

“พวกแกจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!”

 

 

 

 

เธอกลัวสุดขีด เธอไม่ได้มางานนี้ได้ง่ายๆ นะ แล้วก็ไม่ได้หาผู้ชายที่เธอถูกใจสุดๆ ได้ง่ายๆ ด้วย ทำไมเรื่องทุกอย่างถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้!

 

 

ถูกผู้ชายที่ถูกตาต้องใจมากที่สุดสั่งให้คนโยนเธอออกจากงาน นี่มันช่างขายหน้าอะไรขนาดนี้!

 

 

“ปล่อยฉันนะ! ฉันไม่อยากออกไป! ไม่เอา!”

 

 

เธอไม่เอานะ!

 

 

อับอายขายขี้หน้าสุดๆ!

 

 

ไม่เอา!

 

 

ฝูงชนทั้งตกใจทั้งขำและสมเพช

 

 

“อ๊ายยย”

 

 

เธอกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ เธอยกชายกระโปรงขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลนแต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นฉากโศกนาฏกรรม

 

 

เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของฝูงชนเรียกป๋อจิ่งชวนหันไปมองตามอย่างเสียไม่ได้

 

 

จนสุดท้ายเฉินฝานซิงต้องรีบจับมือเขาเอาไว้แล้วดึงให้หันกลับมา

 

 

“อย่ามองนะ”

 

 

เสียงของเธอทุ้มต่ำจนถึงที่สุด พวงแก้มปรากฏสีแดงระเรื่อเล็กน้อย

 

 

อันที่จริงหางตาของเขาก็ซัดไปเห็นกับภาพที่สังเวชลูกกะตาของหลินเฟยเฟยแล้ว แต่พอได้ยินเฉินฝาซิงพูดเช่นนั้น มุมปากของเขาก็ได้กระตุกขึ้น รอยยิ้มอบอุ่นได้ก่อเกิดขึ้นในดวงตานั้น

 

 

“เมื่อกี้ดันเห็นไปแล้ว” แวบหนึ่ง

 

 

เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมองเขา คิ้วขมวดเข้าเขาหากันอย่างเดาไม่ออก ความรู้สึกในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

 

 

“สัญญาว่ากลับไปจะล้างตาให้สะอาด” เขาก้มลงพูดขึ้นเหนือศีรษะของเธอ

 

 

มุมปากของเธอแย้มขึ้นเบาๆ แต่ความหงุดหงิดยังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจ

 

 

“หวงเหรอ”

 

 

“…เปล่า”

 

 

“โกหก”

 

 

“…”

 

 

ระยะห่างของทั้งคู่ใกล้กันมาก เห็นแค่ปากบางที่ขยับของทั้งคู่แต่ก็เดาไม่ออกว่ากำลังพูดอะไรกัน

 

 

แต่สวี่ชิงจือที่อยู่ใกล้มากที่สุด คำพูดทุกถ้อยทุกคำที่ส่งกันไปมาของทั้งคู่ สิ่งที่ควรเห็น สิ่งที่ควรได้ยิน เธอเก็บมาได้ไม่ตกหล่นเลยแม้แต่น้อย

 

 

จากนั้นเธอจึงได้แต่มองทั้งคู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง

 

 

โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นใบหูที่ฉาบไปด้วยสีแดงแปร๊ด นัยน์ตาตระหนกของเธอจึงได้ค่อยๆ ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด

 

 

นี่ต่างหากล่ะผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุด!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 130 ผมจะจูบคุณในอีกวินาทีถัดไป

 

 

เฉินฝานซิงไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาอีก ป๋อจิ่งชวนจึงยื่นนิ้วไปจิ้มลงตรงหว่างคิ้วที่พันกันยุ่ง

 

 

“ต่อไปจะไม่มองแล้ว”

 

 

ท่าทีที่อ่อนโยนขนาดนั้น ช่างแตกต่างกับผู้ชายเย็นชาที่เพิ่งปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนก่อนหน้านี้มาก

 

 

การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่สื่อถึงความอ่อนโยนและรักใคร่

 

 

หัวใจของหญิงสาวทุกคนต่างสั่นคลอน ผู้ชายคนนี้ ทุกๆ การกระทำ ทุกๆ การแสดงออกที่เบาบางของเขา ล้วนเปี่ยมไปด้วยเวทมนตร์ที่ไม่อาจทัดทานและอัดแน่นไปด้วยความยั่วยวนที่อันตรายถึงชีวิต

 

 

“ประมูลต่อ” เขาวางมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองพิธีกรบนเวที

 

 

พิธีกรคนนั้นมีท่าทีหวาดหวั่นเล็กน้อย เธอรีบตอบรับอย่างร้อนรน “เอาละค่ะ งั้นเรามาประมูลกันต่อเลย ตอนนี้คุณหนูเฉินฝานซิง ร้อยล้าน มีใครให้มากกว่านี้ไหมคะ”

 

 

ร้อยล้านเพื่อการเต้นรำครั้งเดียว!

 

 

นี่ก็บ้าพอแล้ว นอกจากชายปริศนาคนนี้แล้ว ใครจะไปทำเรื่องบ้าบิ่นขนาดนั้นได้ลง

 

 

ซูเหิงเองก็ย่อมไม่อาจประมูลต่อไปได้อีก

 

 

ร้อยล้าน ลำพังเงินหมุนเวียนในบริษัทก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น เขาจะไปหาจากไหนมาประมูล

 

 

สายตาของพิธีกรสาวนิ่งมองไปที่อยู่เธอหลายนาที เมื่อสังเกตว่าไม่มีใครคิดจะประมูลต่อแล้ว ในที่สุดเธอก็ได้เอ่ยขึ้น

 

 

“เอาละค่ะ งั้นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณหนูเฉินฝานซิงและคุณผู้ชายร้อยล้านด้วยนะคะ สิทธิ์ในการเต้นรำเปิดงานในค่ำคืนนี้ตกเป็นของพวกคุณค่ะ!”

 

 

เสียงปรบมือดังสนั่นลั่นงาน ไม่นานเสียงไวโอลินบรรเลงก็ดังขึ้นในห้องจัดเลี้ยง

 

 

ป๋อจิ่งชวนยกยิ้มเล็กน้อย เขาปล่อยเฉินฝานซิงก่อนจะถอยหลังไปสองก้าว แล้วโค้งตัวเล็กน้อยและผายมือขึ้นเชิญเธอเต้นรำ

 

 

เสียงเฮดังขึ้นทั่วทุกสารทิศ เฉินฝานซิงมองฝ่ามือขาวสะอาดที่ยื่นมาตรงหน้าเธอ รอยยิ้มของเธอผุดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างไม่อาจเก็บซ่อน

 

 

จากนั้นเธอจึงยื่นมือไปวางลงบนฝ่ามือของชายหนุ่มอย่าแผ่วเบา

 

 

มือที่เพิ่งตกลงมาอยู่กลางฝ่ามือนั้นถูกชายหนุ่มกุมเอาไว้ มือใหญ่กอบกุมฝ่ามือเรียวขาวปานดอกโหรวถีของเธอก่อนจะส่งมอบความอบอุ่นจากฝ่ามือเขาไปยังเธอ

 

 

จนเธอถึงกับต้องนวดคลึงนิ้วหัวแม่มือลงไปเบาๆ บนฝ่ามือ…

 

 

เธอเงยหน้าขึ้นก็กลับพบว่าเขากำลังจ้องเธอไม่วางตา

 

 

มืออีกข้างหนึ่งของเขาแนบลงบนเอวเธออย่างแผ่วเบา ฝ่ามือที่ถูกกั้นด้วยเนื้อผ้าได้กดลงไปเบาๆ ที่เอวของเธอแล้วดึงเธอมาหยุดอยู่ตรงหน้า

 

 

หัวใจของเธอสั่นไหว

 

 

เธอก้าวตามแรงของเขาไปอย่างไม่ปฏิเสธ เดินเข้าสู่อ้อมแขนของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจได้ ฝ่ามือเองก็ค่อยๆ ยกขึ้นวางลงบนไหล่ของเขา

 

 

ชายหนุ่มสูงกว่าเธอมาก เธอไม่อยากให้ตัวเองเหนื่อยจนเกินไปจึงทำได้เพียงแนบชิดเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น

 

 

แสงไฟค่อยๆ ถูกหรี่ลงในตอนนั้น ทั้งคู่สบตาซึ่งกันและกันไปมาอย่างเงียบเชียบ นาทีต่อมาจังหวะดนตรีก็ได้เริ่มบรรเลงขึ้น ป๋อจิ่งชวนค่อยๆ พาเธอก้าวเปิดจังหวะ…

 

 

ต่างคนก็ต่างจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา ด้วยระยะที่ใกล้กันเพียงนี้ นัยน์ตาของทั้งคู่ประดับด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจปฏิเสธ ความคลุมเครือไร้รูปแบบหลั่งไหล่ออกมาระหว่างพวกเขาทั้งคู่

 

 

“คืนนี้คุณสวยมากเลยนะ”

 

 

เขาหลุบตาลงมอง สายตาของเขาไม่ล่ะจากริมฝีปากอิ่มตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว เสียงแหบทุ้มของเขาอดที่จะชมเธอไม่ได้

 

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

 

“ปากนี่ของคุณทำได้แค่พูดคำว่าขอบคุณเหรอ คุณควรจะเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นบ้าง” เขายังคงมองกลีบปากเธออย่างไม่ลดล่ะ

 

 

เธอกัดปากตัวเองก่อนเงยขึ้นมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

 

 

“จุดประสงค์ของคุณไม่ต้องชัดเจนขนาดนั้นก็ได้ไหม”

 

 

เขายกยิ้มขึ้นจางๆ “หืม? ผมมีจุดประสงค์อะไร”

 

 

เฉินฝานซิงกัดริมฝีปากเบาๆ สีหน้าเธอดูขัดใจเล็กน้อย

 

 

“คุณอย่าเอาแต่จ้องปากฉันสิ ทำแบบนี้ฉันก็คิดว่าไม่รู้คุณจะจูบลงมาตอนไหน!”

 

 

ฝ่ามือใหญ่กระชับเอวของเธอแน่นขึ้น

 

 

“อันที่จริงแบบนั้นก็ไม่เลว ขืนคุณยังมัวแต่กัดปากตัวเองอยู่อย่างนี้ งั้นผมก็จะจูบคุณในอีกวินาทีถัดไป”