“ข้าคิดว่า ท่านอัครเสนาบดีไม่มีทางฆ่าพวกนาง หากฆ่าพวกนางไป เขาจะต้องลงเอยด้วยโทษของการฆาตกรรมผู้หญิง”

เซี่ยวอวี่เซวียนกลอกตาใส่เขาและพูดพึมพำ “พูดมาตั้งนาน ก็เหมือนกับไม่ได้ได้พูดอะไรเลย”

“ถึงแม้ว่าจะไม่ฆ่าพวกนาง แต่……ไม่แน่อาจจะกุมขังพวกนางไว้ในสถานที่ห่างไกลจนกว่าพวกนางจะถูกจองจำไปจนตาย”

“พูดราวกับว่าเจ้าเป็นท่านอัครเสนาบดียังไงยังงั้น”

อี้เฉินเฟยหัวเราะออกมาโดยไม่พูดอะไร

กู้ชูหน่วนเหล่มองไปที่อีเเฉินเฟย

ข้างกายมีคนที่ทั้งหล่อและฉลาดอย่างเขา ดูเหมือน……ก็ไม่เลวนะ

“ใครอยู่บนหลังคาบ้านน่ะ?”

ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา คนใช้ของจวนอัครเสนาบดีต่างพากันมาล้อมพวกเขาเอาไว้

สีหน้าของอี้เฉินเฟยเปลี่ยนเล็กน้อย “สถานการณ์ตึงเครียด ต้องการถอยหนีหรือไม่?”

กู้ชูหน่วนมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม

มาที่นี่ก็เพื่อต้องการทวงเงิน หากถอยหนีไปจะทวงเงินได้อย่างไร?

นางพ่นดอกหญ้าที่อยู่ในปากทิ้งลง กู้ชูหน่วนจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของนางและยืนขึ้น จากนั้นมองลงไปที่ที่ทุกคนในจวนอัครเสนาบดี

“กู้ชูหน่วน เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน?” สีหน้าของกู้ชูหลานเปลี่ยนไป

ถึงแม้ว่านางจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย แต่นางก็ไม่ต้องการให้กู้ชูหน่วนเห็น

สีหน้าของทุกคนในจวนอัครเสนาบดีไม่ค่อยดีเท่าไรนัก โดยเฉพาะอัครเสนาบดีกู้

ถึงแม้ว่ากู้ชูหน่วนจะได้อันดับหนึ่ง แต่นางก็ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนอัครเสนาบดี และกู้ชูหน่วนก็เป็นลูกสาวที่เขารังเกียจมากที่สุด

“เจ้าอย่าลืมว่าเจ้ายังติดค้างเงินห้าแสนตำลึงกับข้าอีก ข้ามาที่นี่ก็มาเพื่อทวงเงิน”

กู้ชูหน่วนพูดพลางและกระโดดลงมาข้างล่างอย่างห้าวหาญ และท่าทางการเคลื่อนไหวที่ดูสง่างามนี้ราวกับน้ำที่ไหลในคราวเดียว แค่เพียงเวลาสั้นๆ นางก็ลงมาสู้พื้นดินอย่างมั่นคง

แม้แต่ชายร่างใหญ่ก็ยังไม่สามารถกระโดดจากหลังคาที่สูงหลายเมตรนี้ได้

แต่นางกลับกระโดดลงมาได้อย่างสบาย

นางไปมีฝีมือความสามารถเก่งกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

อู่อี๋เหนียงแทบจะอ้อนวอน “คุณหนูสาม ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกข้าไม่ดี พวกข้าไม่ควรรังแกท่าน ท่านเป็นคนใจกว้าง คงไม่คิดเล็กคิดน้อยใส่ใจอะไร ได้โปรดอย่าได้โกรธแค้นน้องสาวของท่านเลย”

“อู่อี๋เหนียง เกรงว่าเจ้าจะพูดผิดเสียแล้ว ข้ากู้ชูหน่วนอยู่ตัวคนเดียวเพียงลำพัง ไม่มีพ่อไม่มีแม่ และไม่มีพี่น้องที่ไหนเลย จะมามีน้องสาวได้อย่างไร? ข้าก็ไม่อยากพูดมากอะไร ให้เงินห้าแสนตำลึงมากับข้า แล้วข้าจะรีบออกไป ส่วนเรื่องในบ้านของพวกเจ้า พวกเจ้าก็จัดการกันเอาเอง”

“คุณหนูสาม ข้าผิดไปแล้ว ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าคุกเข่าให้ท่านดีหรือไม่ ในการแข่งขันทางวิชาการ ท่านก็ชนะเงินไปมากเช่นนั้นแล้ว คงไม่สนใจกับเงินเพียงห้าแสนตำลึงหรอก แต่เงินห้าแสนตำลึงสำหรับพวกข้านั้นมีความสำคัญมากมายอย่างมาก ท่าน……”

“ฟังจากที่อู่อี๋เหนียงพูดมา หมายความว่า พวกเจ้าต้องการจะเบี้ยวหนี้?” กู้ชูหน่วนขัดจังหวะด้วยท่าทางที่เย็นชา

อู่อี๋เหนียงเดินไปมาด้วยความร้อนรน

หากกู้ชูหน่วนยอมสละเงินห้าแสนตำลึงนั้น ไม่แน่นายท่านอาจไว้ชีวิตพวกนางไว้ ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้ของหลานเอ๋อร์คงต้องถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง

นางยังคงคิดว่าจะใช้วิธีไหนเพื่อให้กู้ชูหน่วนยอมสละเงิน

อัครเสนาบดีกู้ตะโกนออกมาเสียงดัง “ไม่มีพ่อไม่มีแม่? เจ้าคิดว่าข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร?”