“ท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็ไร้ความคิดเห็นแล้ว”กู้ชูหน่วนกล่าวปล่อยมือ

“ต่อให้เจ้าต่อต้าน ข้าก็ไม่เชื่อว่าข้านั้นจะสั่งสอนเจ้าไม่ได้”

“อัครเสนาบดีกู้ ก่อนที่ท่านจะสั่งสอน ท่านต้องคิดให้ดีนะ หากว่าท่านแตะต้องข้าแล้วนั้นจะมีผลลัพธ์อย่างไร”กู้ชูหน่วนกำลังหัวเราะ แต่ทว่ารอยยิ้มเต็มไปด้วยความกล่าวเตือน

ด้านบนหลังคา อี้เฉินเฟยกับเซี่ยวอวี่เซวียนโรยตัวลงมาอย่างคล่องแคล่วว่องไวทันที และอยู่ด้านข้างซ้ายขวาของกู้ชูหน่วน คล้ายดั่งว่ากลายเป็นองครักษ์ที่จงรักภักดีของนาง

อัครเสนาบดีกู้เหลือบมองอี้เฉินเฟย ยกมือขึ้นช้าๆ ใบหน้านั่นเขียวชั่วขณะขาวเผือดชั่วขณะ สุดท้ายทำได้เพียงกล่าวอย่างไม่พึงพอใจ

“เจ้ามีเงินมากขนาดนั้นแล้ว ตั๋วเงินห้าแสนตำลึงจีนนั่นข้าว่าช่างมันเถิด”

“ท่านพูดช่างมันเถิดก็ช่างมันเถิดได้เลยหรือ?กระดาษขาวพู่กันสีดำเขียนอย่างชัดเจน หากวันนี้พวกท่านไม่เอาตั๋วเงินห้าแสนตำลึงจีนออกมา เชื่อหรือไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะทำให้จวนอัครเสนาบดีเป็นจุดรวมสายตาของอาณาประชาราษฎร์ได้”

“กู้ชูหน่วน ใช่เจ้าหรือไม่?เป็นเจ้าที่ให้คนกระจายข่าวทำให้ข้าสูญเสียความบริสุทธิ์ ทำให้ข้าขายหน้าขายตาใช่หรือไม่?”

กู้ชูหลานหน้าตาเหี้ยมโหด มองไปทางกู้ชูหน่วน

เซี่ยวอวี่เซวียนโบกสะบัดพัด ดึงนางกลับไปกล่าวว่า“หมาบ้ามาจากที่แห่งใดกัน หมาบ้ากัดเห่าไปเรื่อย นี่จวนอัครเสนาบดีของพวกท่านไม่มีเชือกหรือ?ต้องการให้จวนแม่ทัพของพวกข้าส่งมอบให้สักเส้นหรือไม่”

เขากล่าวพูดว่าจวนแม่ทัพ ไม่ได้กล่าวพูดว่าตนเอง สิ่งที่กล่าวตักเตือนชัดเจนแจ่มแจ้งอย่างมาก

หากกล้าแตะต้องกู้ชูหน่วน นั่นก็คือการเป็นศัตรูต่อจวนแม่ทัพ

อัครเสนาบดีกู้ก็เกลียดชังกู้ชูหลานเป็นเดิม เวลานี้เห็นหน้าหยาบคายดุดันของนาง เลยอดไม่ได้ที่จะเกิดความไม่พอใจเพิ่มมากขึ้น

“คุณหนูห้าบ้าไปแล้ว เอาคุณหนูห้าไปพักฟื้นร่างกายที่หมู่บ้านเก่าชนบท ไม่มีคำสั่งของข้า ผู้ใดก็ห้ามปล่อยนางออกมา”

ข้าไม่ได้บ้า ท่านพ่อ เป็นนาง เป็นนางที่มอมมายเหล้าเมาพันวัน นางวางแผนให้ข้าสูญเสียความบริสุทธิ์ แล้วก็เป็นนางที่กระจายข่าวโคมลอย ทำให้ข้าเสียหน้า ท่านพ่อ ท่านต้องทวงความยุติธรรมแก่ข้า

กู้ชูหลานเบิกตาโพลงกว้าง ผมกระจุยกระจาย จนสูญเสียสติ ใจคิดแค่อยากจะดิ้นรนต่อสู้กับกู้ชูหน่วน คนรับใช้จำนวนหนึ่งที่ร่างกายกำยำล้วนดึงรั้งนางไม่ไหว

อู่อี๋เหนียงยิ่งมองยิ่งใจหนาวเหน็บ

นี่มันเวลาไหนกันแล้ว หลานเอ๋อร์ยังทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าให้นายท่านละทิ้งปล่อยนางหรือ?

อู่อี๋เหนียงโขกศีรษะลงหนักๆอยู่ที่พื้น กล่าวขอร้องอ้อนวอนว่า“นายท่าน เห็นแก่ที่ข้าได้ปรนนิบัติท่านมานานนับหลายปีด้วยนะเจ้าคะ ท่านไว้ชีวิตหลานเอ๋อร์ได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“ทหาร เอาอู่อี๋เหนียงไปพักฟื้นร่างกายที่หมู่บ้านเก่าชนบทด้วย”

“ขอรับ”

“นายท่าน เหตุใดท่านถึงได้ทำเยี่ยงนี้กับข้า ข้าไม่ไป หากว่าไป ท่านไม่มีทางให้ข้ากลับมาอีกเป็นแน่แท้ นายท่าน…..”

“ลากไป”

“นายท่าน พวกเราผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะเจ้าคะ ให้พวกเราอยู่ต่อเถิด พวกเราจะต้องทำคุณงามความดีชดเชยอย่างแน่นอน ฮูหยิน ท่านได้โปรดช่วยพวกเราร้องขอด้วย ฮูหยิน…..”

ฮูหยินใหญ่หัวเราะถากถาง แววตาหยามเหยียดมอง

หากไม่ใช่เพราะพวกนาง บุตรสาวของนางจะถูกตัดสิทธิออกจากรอบชิงชนะเลิศได้อย่างไร

วันนี้ควรจะเป็นบุตรสาวของนางที่นั่งอย่างสง่าผ่าเผยถึงจะถูก

แต่เป็นเพราะพวกนาง บุตรสาวของนางไม่เพียงพลาดโอกาส ยังตกที่นั่งลำบากเสื่อมเสียชื่อเสียง

ทำให้อวิ๋นเอ๋อร์ย่อยยับป่นปี้ ยังกล้าที่จะให้นางอ้อนวอน ไม่มีทางเสียหรอก

อู่อี๋เหนียงกับกูชูหลานไม่ยินยอม

อย่างไรพวกนางก็ไม่เคยคิดเลย ว่าจะมีวันหนึ่งที่ถูกคนที่มองไม่เข้าตารังเกียจทำลายแบบนี้

รู้ว่าไร้หนทางที่จะทำให้อัครเสนาบดีกู้เปลี่ยนใจได้ กู้ชูหลานเลยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ด่าสาปแช่งมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาหยาบโลน

“กู้ชูหน่วน ข้าสาปแช่งเจ้าไม่ได้ตายดีหรอก ข้าสาปแช่งเจ้า…..”

“เพี๊ยะๆ….”

ทันใดนั้นมีเงาขาววาบขึ้นมา ไม่ทันได้มีผู้ใดได้เห็นว่าอี้เฉินเฟยเคลื่อนไหวอย่างไร เห็นเพียงฟันเต็มปากของกู้ชูหลานถูกอี้เฉินเฟยทุบล่วงหมด เลือดและฟันร่วงออกมาอย่างช้าๆ นางเจ็บจนไม่สามารถกล่าวพูดออกมาได้ ใบหน้าปูดบวมเต่งขึ้นมาทันตา

การตบนี้หนักกว่าฝ่ามือการตบของอัครเสนาบดีกู้เพียงเล็กน้อย