กู้ชูหน่วนรู้สึกประหลาดใจ

กู้ชูหลานด่าทอนาง เกี่ยวอะไรกับอี้เฉินเฟย เขาจะตื่นเต้นเช่นนั้นทำไมกัน?

เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองอี้เฉินเฟย นางก็เห็นใบหน้าที่อ่อนโยนและถ่อมตนของอี้เฉินเฟย เปลี่ยนไปราวกับว่าภูตผีที่คลานออกมาจากขุมนรก เขาเปล่งเสียงออกมาจากซอกฟัน “หากยังกล้าด่าทอนางอีก ข้าจะเอาชีวิตของเจ้า”

เสียงของเขาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งหมื่นปี เย็นมากจนไม่มีร่องรอยของความอบอุ่น และแม้แต่ร่างกายก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเยือกเย็น

หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง นางก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นคนคนเดียวกัน

ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแต่ตกตะลึง

ชายผู้นี้เป็นใคร ทำไมถึงได้มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งมากเช่นนี้?

อู่อี๋เหนียงก็ตกตะลึงเช่นกัน ในขณะที่นางกำลังจะพูด นางก็ถูกอี้เฉินเฟยปัดคางออก ความเจ็บปวดทำให้ให้นางน้ำตาร่วง แต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ และทำได้เพียงปล่อยให้คนรับใช้ลากออกไป

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไอสังหารอันเยือกเย็นของอี้เฉินเฟยก็ค่อย ๆ หายไป และถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยน เป็นผู้คงแก่เรียน อ่อนน้อมถ่อมตน ราวกับหยก

เซี่ยวอวี่เซวียนกลืนน้ำลายและยกนิ้วให้ “ช่างเป็นคนที่โหดเหี้ยมเสียจริง”

อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างอบอุ่นและกล่าวว่า “พวกนางส่งเสียงดังเอะอะมากเกินไป”

หัวใจของกู้ชูหน่วนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ

ทุกอย่างที่อี้เฉินเฟยทำเมื่อสักครู่ ล้วนแต่เป็นจิตใต้สำนึกของเขา

โดยที่เขาไม่ได้คิดอะไรเลย

หากนางเดาไม่ผิด เจ้าของร่างเดิมน่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา

ดังนั้น……

หลังจากที่นางครอบครองร่างนี้ นางก็รู้สึกสนิทสนมกับอี้เฉินเฟยมากอย่างน่าประหลาดใจ

อี้เฉินเฟยเดินไปหาอัครเสนาบดีกู้และยืนมองหน้า ในแววตาของเขามีรอยยิ้มเล็ก ๆ แต่เมื่อพูดออกมากลับน่าหวาดกลัว “ท่านอัครเสนาบดีกู้ เงินห้าแสนตำลึงซื้อหนึ่งส่วน ท่านว่าคุ้มค่าหรือไม่?”

มีคนช่วยทวงเงิน กู้ชูหน่วนก็โล่งใจ

อัครเสนาบดีกู้ใบหน้าถอดสี

อี้เฉินเฟยหมายความว่าอย่างไร?

หากไม่ให้เงินห้าแสนตำลึง เขาก็จะไปก่อความวุ่นวายต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทงั้นหรือ?

อี้เฉินเฟยมีตำแหน่งสูงส่ง เขาเป็นหนึ่งในทูตของรัฐจ้าว ดังนั้นฝ่าบาทจึงต้องไว้หน้า

นอกจากนี้การพนันเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการชุมนุมแข่งขันทางวิชาการ เดิมทีก็ได้รับการยอมรับโดยนัย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสำนักศึกษาวังหลวงมาเป็นพยาน หากเกิดความวุ่นวายขึ้น เกรงว่ายากที่จะรักษาตำแหน่งอัครเสนาบดีของเขาไว้ได้

เมื่อคิดถึงข้อดีข้อเสีย อัครเสนาบดีกู้ก็ยิ้มกว้าง “คุณชายอี้ล้อเล่นแล้ว ชูหน่วนก็เป็นบุตรสาวของข้า ไม่ว่าจะให้เงินห้าแสนตำลึงนี้แก่ใคร ก็ล้วนแล้วแต่เป็นทรัพย์สินของตระกูลกู้ และอีกอย่างก็แค่เงินห้าแสนตำลึง”

กู้ชูหน่วนโบกมือ “ไม่ไม่ไม่ ข้ากับท่านไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน เราตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกันแล้ว ท่านจึงไม่ควรอ้างความเป็นญาติที่นี่”

“เจ้า……”

กู้ชูหน่วนพูดขัดจังหวะเขาอย่างไร้ความปรานี “ต้องการเงินหรือว่าต้องการตำแหน่งขุนนาง ท่านเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะเสียเวลากับท่าน”

เพียงแค่ประโยคเดียว ทำให้อัครเสนาบดีกู้ใบหน้าถอดสีจนเหือดแห้ง

แต่บังเอิญว่าคนหนึ่งที่อยู่ที่นี่คือบุตรชายคนเล็กของแม่ทัพใหญ่เซี่ยว

คนหนึ่งคือทูตของรัฐจ้าว อีกทั้งยังเป็นเซียนกวีที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า และเป็นบุคคลสำคัญของลัทธิขงจื๊อ

ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด เขาก็ไม่อาจทำให้ขุ่นเคืองได้

อัครเสนาบดีไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้เพียงกัดฟัน และนำเงินห้าแสนตำลึงมาให้กู้ชูหน่วน

ในขณะที่ส่งเงินให้กู้ชูหน่วน หัวใจของเขาก็มีเลือดออก

เขากัดฟันด้วยความเกลียดชัง แต่ใบหน้าของเขาก็ยังต้องยิ้ม “หน่วนเอ๋อร์ พ่อรู้ดีว่าก่อนหน้านี้พ่อปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่ยุติธรรม จึงทำให้เจ้าท้อแท้ใจจนหนีออกจากบ้าน ต่อไปพ่อจะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเถอะ”

“หุบปากอันเสแสร้งของท่านเสียเถิด ข้าได้ยินแล้วสะอิดสะเอียน”