บทที่ 79 ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เขาคือบุตรแห่งโชค

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 79 ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เขาคือบุตรแห่งโชค
ศิษย์พี่ เอาแผนที่ยอดเขาวิญญาณมาเถอะ!

คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้นักพรตชราอึ้งไป

‘ทำไมกัน เจ้ายอมให้ยอดเขาวิญญาณศิษย์พี่หนึ่งลูก แต่ไม่ยอมให้ข้ารับศิษย์หรือ’

เขาจึงพูดด้วยความจนใจว่า “ศิษย์น้องรองต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ! ศิษย์พี่แค่อยากรับศิษย์เท่านั้นเอง”

เสียงของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จากกลางหมอกเซียนไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ศิษย์พี่ ถึงข้าจะฝึกฝนคัมภีร์เสริมวิถีฟ้า ตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา แต่ข้าไม่ได้ตัดสติปัญญาไปด้วย ท่านไม่เข้าใจความพิเศษของคนคนนี้!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยต่อนิ่งๆ “ได้ยินอวิ๋นซีบอกว่าปรมาจารย์เซียนเอ้าเทียนที่ว่านี่มหัศจรรย์มาก เห็นๆ อยู่ว่าอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี แต่กลับมีวิชาวิญญาณชวนให้โลกต้องตกตะลึง”

นักพรตชราเบ้ปาก “แล้วอย่างไร คุ้มค่าที่เจ้าต้องให้ความสำคัญเช่นนี้รึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยอย่างเฉยชา “ดังนั้น นี่คือเหตุผลที่ข้าตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาไป เกิดแก่เจ็บตาย รักกันต้องแยกจาก เคืองแค้นต้องอยู่ด้วยกัน ร้องขอมาไม่ได้ ความทุกข์แปดอย่างในชีวิตคนล้วนบดบังสติปัญญา

มีเพียงตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาทิ้งไปทั้งหมด ถึงจะบรรลุขอบเขตสูงสุดที่ลืมความรักได้อย่างสมบูรณ์ คนกับฟ้าผสานกันเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นไม่ว่าจะฝึกฝนตระหนักรู้ในสัจธรรมหรือวิเคราะห์ปัญหาก็จะได้ผลลัพธ์ที่สูงขึ้นมาก”

นักพรตชราพูดด้วยความหน่ายใจ “ศิษย์น้องรอง เจ้าเล่นปริศนาคำทายอะไรกับศิษย์พี่อีกแล้วหรือ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้า “ไร้สาระ ศิษย์พี่ท่านเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว”

นักพรตชรากำหมัดแน่น “ศิษย์พี่ว่าเจ้าคงอยากมีเรื่องกระมัง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ว่า “ในการประลองวิชา ท่านก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเหมือนกัน”

นักพรตชราอึ้งงัน

เขาล้วงจี้มังกรพยัคฆ์ออกมาจากอกเสื้อช้าๆ “เจ้าคนแซ่จางพูดมาตรงๆ เลยเถิด อย่าคิดว่าข้าฟังไม่เข้าใจนะว่าเจ้ากำลังหลอกด่าว่าข้าทั้งโง่และอ่อนแอ! เชื่อหรือไม่ว่าถ้าศิษย์พี่โมโห ข้าจะทุบตีเจ้า”

“ศิษย์พี่ มีอะไรคุยกันดีๆ อย่าใจร้อนไป” เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดอย่างจนใจ “ช่างเถอะ ข้าจะอธิบายกับศิษย์พี่อย่างละเอียดเอง ศิษย์พี่ ท่านเคยเห็นปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณอายุต่ำกว่ายี่สิบปีหรือไม่”

นักพรตชราแสยะปาก พูดยิ้มๆ ว่า “ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณอายุต่ำกว่ายี่สิบปีหรือ เป็นไปได้อย่างไร”

ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณที่ว่าไม่ใช่แค่ต้องมีวิชาวิญญาณเลิศล้ำสุดยอดเท่านั้น ศักยภาพจริงๆ จะต้องถึงระดับดวงจิตดรุณขึ้นไปด้วย

เพราะปรมาจารย์ขั้นสูงส่วนใหญ่จะใช้วิชาค้นวิญญาณประเมินแร่ได้ ก็ต้องอยู่ระดับดวงจิตดรุณ

คนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่ายี่สิบปีต้องศึกษาวิชาวิญญาณและต้องฝึกบำเพ็ญอีก ต้องแยกสมาธิและกำลังวังชาไปหลายส่วน แล้วจะก้าวหน้าเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร

พึงรู้ไว้ว่าวิชาวิญญาณยากยิ่งกว่าการฝึกบำเพ็ญเซียนเสียอีก!

พูดอย่างจริงจังคือ ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณอายุต่ำกว่ายี่สิบปีหรือกระทั่งผู้สูงศักดิ์ที่ฝึกประสานทั้งกายและปราณซึ่งอายุต่ำกว่ายี่สิบปีมีน้อยมาก

มองไปทั้งดินแดนบูรพา หลายหมื่นปียังหาตัวอย่างเช่นนี้ไม่เจอ

เท่าที่นักพรตชรารู้มา ปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณอายุน้อยที่สุดที่พิสูจน์ได้ในดินแดนบูรพายามนี้ ตอนที่ทะลวงสู่ระดับดวงจิตดรุณและเลื่อนขึ้นเป็นปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณก็มีอายุสามสิบหกปีเต็มแล้ว

…..

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย “ศิษย์พี่ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้เหมือนกันใช่หรือไม่! แต่จากข้อมูลที่อวิ๋นซีเอากลับมา ปรมาจารย์เซียนเสิ่นเอ้าเทียนที่ว่านั่นอายุไม่ถึงยี่สิบปี!”

นักพรตชราอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา “ศิษย์น้องหมายความว่าอย่างไร”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หยัดกายขึ้นช้าๆ เดินลงมาจากบัลลังก์ “เขาไม่ธรรมดา ถึงผู้บำเพ็ญจะชะลอความชราคงใบหน้าเอาไว้ได้ แต่ก็เปลี่ยนกลิ่นอายพลังได้ยากมาก

ซีเอ๋อร์เคยฝึกวิชาส่องปราณ เคยตรวจสอบอายุของเจ้าเด็กนั่นอย่างละเอียด ผลจากวิชาส่องปราณของนางคือเจ้าเด็กนั่นอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี”

สายฟ้าประกายแสงเซียนตามเขามาเป็นกลุ่ม แววตาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทั้งเย็นชาและหยั่งลึก เหมือนแฝงไว้ด้วยความลึกลับเกินหยั่ง

เขาพูดเรียบๆ ว่า “ศิษย์พี่คิดว่าเด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดปีจะชำนาญวิชาวิญญาณได้ลึกซึ้งเพียงนั้นเลยหรือ”

นักพรตชรายิ้ม “บางทีเจ้าหนูนั่นอาจจะเหมือนกับข้าก็ได้ เป็นสุดยอดอัจฉริยะ!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้า “ศิษย์พี่ ท่านควรอ่านหนังสือเยอะๆ หน่อย เด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดต่อให้มีพรสวรรค์แกร่งกว่านี้ ก็ไม่มีทางเป็นปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณได้เด็ดขาด

แต่จากที่อวิ๋นซีเล่ามา เจ้าเด็กนี่เปิดแร่ที่สวนหมื่นวิญญาณอยู่หลายวัน เลือกแร่ผ่าแร่เกือบร้อยครั้ง ไม่มีครั้งใดพลาดหรือเสียหายเลย

ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเปิดได้เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติกับจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ ต้องรู้กันว่าถ้าสมบัติสุดยอดเช่นนี้ซ่อนตัวเองอยู่ในกาลเวลา ปกติจะเกิดผลสุดขั้วสองอย่าง

หากไม่แสดงปรากฏการณ์ดึงดูดสายตาผู้คน ก็แสร้งทำเป็นแร่ขยะจงใจอำพรางตัวเอง แต่เจ้าเด็กหนุ่มนี่กลับเลือกสองชิ้นออกมาจากแร่วิญญาณระดับต่ำเป็นกอง ระดับความยากแค่คิดดูก็รู้แล้ว เกรงว่าต่อให้เป็นปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณจริงๆ ก็อาจจะไม่แม่นยำเท่าเขา!”

นักพรตชราตะลึงค้างไปแล้ว

เดิมทีเขาแค่คิดว่าเสิ่นเทียนชำนาญวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่ ถ้าตนได้รับเขาเป็นศิษย์ จากนี้จะได้มีศิษย์เป็นเครื่องมือมนุษย์ไว้เกาะกิน

แต่เขาไม่นึกเลยจริงๆ ว่าศิษย์น้องเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองจะใคร่ครวญมากขนาดนี้

นักพรตชราถามว่า “แล้วเจ้ามองว่าเป็นอย่างไร!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบนิ่งๆ “มีสองความเป็นไปได้ แบบแรก ปรมาจารย์เซียนนี่แค่ใช้วิธีสกปรกหลอกตบตาเอาชื่อเสียง เหตุที่เขาเปิดแร่ให้ผู้มีวาสนาก็เป็นเพียงละครที่จัดฉากเอาไว้อย่างดี เพียงแต่เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าตนจะจับพลัดจับผลูเปิดได้เมล็ดน้ำเต้าเซียนกับจี้มังกรพยัคฆ์”

นักพรตชราถามอีก “ศิษย์น้องหมายความว่าเจ้านี่เป็นพวกลวงโลก ไม่คู่ควรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์รึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้า “ศิษย์พี่ท่านผิดแล้ว ตรงกันข้ามเลยต่างหาก หากคนผู้นี้เป็นพวกลวงโลก เช่นนั้นหินแร่วิญญาณทั้งหมดก็น่าจะเตรียมมาไว้ก่อน แต่ตอนผ่าแร่ เหตุใดถึงปรากฏสมบัติสุดยอดระดับสูงสุดอย่างน่าประหลาดเล่า”

นักพรตชราชะงักไป “หรือว่าจะเตรียมมาก่อน”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองนักพรตชราเหมือนมองคนสติปัญญาต่ำกว่าปกติ “ถ้าตระกูลท่านเปิดร้านแร่วิญญาณ จะเอาน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติกับจี้มังกรพยัคฆ์มาสร้างกระแสแล้วให้คนอื่นไปหรือไม่ล่ะ”

นักพรตชราหน้าแดง “ก็ใช่ เช่นนั้นเป็นเรื่องบังเอิญรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้า “ศิษย์พี่ หลังจากท่านเปลี่ยนไปฝึกหลอมกาย คงจะไม่ชอบใช้สมองมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแน่

ท่านคิดดู แค่เตรียมผ่าแร่วิญญาณธรรมดาเพื่อสร้างกระแสในช่วงแรก ปรากฏว่าโชคดีได้ของดี เปิดได้เมล็ดน้ำเต้าเซียนกับจี้มังกรพยัคฆ์ นี่หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าเจ้านี่มีโชคชะตาสูงเทียมฟ้า! ศิษย์พี่ท่านนึกถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงสิ ตอนนั้นเหตุใดเขาถึงผ่าออกมาได้คัมภีร์นิพพานอมตะ”

พอได้ฟังคำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ นักพรตชรานิ่งอึ้งไป

“ใช่แล้ว! เจ้านั่นเข้าร้านแร่วิญญาณแล้วก็ไม่ดูอะไรเลย หยิบๆ หินแร่มาสามก้อนตามแต่ใจ ปรากฏว่าผ่าออกมาเป็นผลกายทองคำ อีกก้อนเป็นง้าวมังกรเคียงสวรรค์ ก้อนสุดท้ายผ่าออกมาได้คัมภีร์นิพพานอมตะที่สูญหายไปเป็นหมื่นปี

ได้ยินมาว่าตอนนั้นปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณที่มุงดูอยู่รอบๆ ธาตุไฟเข้าแทรกไปหลายคน”

นักพรตชรากลืนน้ำลาย จากนั้นพูดด้วยความตื่นตกใจ “หรือศิษย์น้องจะหมายความว่า?”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ใช่ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเด็กหนุ่มคนนี้เหมือนบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เป็นบุตรแห่งโชคของยุคสมัยนี้! มีมหาโชคมาโดยกำเนิด!”

………………………