ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 50 องค์ชายสิบหกแห่งถังตะวันออก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองออกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นองค์ชายเช่นเดียวกัน เป็นพี่น้องของจ้าวหยวน เพียงแต่ตนเองไม่เคยพบมาก่อน

สถานการณ์ ณ ตรงนั้น ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอที่มองดูอยู่เกิดความสนใจ

จ้าวหยวน องค์ชายใหญ่โอนเอนไปทางกลุ่มของเยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ เขากว่างเฉิง เฉกเช่นราชาอาณาจักรถังตะวันออก บิดาของเขา

ตัวจ้าวหยวนและเจ้าของร่างเดิมของเยี่ยนจ้าวเกอก็มีความสนิทสนมกันอยู่บ้าง

ทว่าจ้าวเฉิง องค์ชายสาม ไม่สามารถเอาชนะจ้าวหยวนในเรื่องนี้ได้ จึงหันไปใกล้ชิดกับกลุ่มของอาจารย์ลุงรองของเยี่ยนจ้าวเกอแทน

ถึงแม้ว่าราชาอาณาจักรถังตะวันออกจะเอนเอียงไปทางเยี่ยนตี๋ ทว่าอย่างไรเสียเหยียนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งถังตะวันออกของเขากว่างเฉิงก็เป็นคนของอีกกลุ่มหนึ่ง จ้าวเฉิงจึงไม่ได้ลำบากอะไร

หากท้ายที่สุดแล้วผู้ชนะการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักเขากว่างเฉิงคืออาจารย์ลุงรองของเยี่ยนจ้าวเกอ เช่นนั้นตำแหน่งของราชาอาณาจักรแห่งถังตะวันออกในภายภาคหน้าก็น่าหวั่นใจ

ทว่าดูจากภาพรวมแล้ว ตำแหน่งองค์รัชทายาทถังตะวันออกยังไม่มีการกำหนดแน่ชัด จึงมีการแย่งชิงระหว่างจ้าวหยวนและจ้าวเฉิงอยู่เป็นทุนเดิม

พวกเขาทั้งสองไม่ถูกชะตากันมานานแล้ว อีกทั้งยังเพ่งเล็งกันมาโดยตลอด

การพุ่งเป้าหมายไปยังองค์ชายอีกคนเช่นเดียวกันเช่นตอนนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้พบเห็นมานานมากแล้ว

“พวกข้ารับพระราชโองการจากเสด็จพ่อ ให้ตามท่านอาจิ่นอ๋องเข้าป่ามาจับขโมย” เสียงของจ้าวเฉิงดังมาแต่ไกล “คนผู้นั้นถูกองครักษ์ของข้าและท่านพี่ใหญ่ล้อมเอาไว้ในเขาลูกนี้หมดแล้ว อีกฝ่ายก็ถูกพวกข้าเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน หากไม่เป็นเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะรับมือได้หรือ?”

“บัดนี้ถูกเจ้าโฉบเอาผลงานไป แม้แต่เบาะแสก็คิดจะยึดครองเอาไว้ผู้เดียว น้องสิบหกเจ้าจะไม่ประเมินกำลังตัวเองมากไปหน่อยหรือ?”

จ้าวหยวนก็กดเสียงต่ำลงเช่นกัน “น้องสิบหก จะแบ่งผลงานให้เจ้าส่วนหนึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา แต่อย่าได้ปกปิดคำให้การของคนผู้นั้นเลย หากมีเบาะแสตามมาภายหลัง พวกเราก็ต้องรีบตามสืบเสาะต่อไปให้เร็วที่สุด”

“ฝ่ายตรงข้ามกับเฒ่ามารหัวขวาน และความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ไม่สามารถละเลยได้ หากเกิดล่าช้าไป จะพูดจะกล่าวกับเสด็จพ่อได้ยาก อีกทั้งความดีความชอบจะกลายเป็นความผิดเอาได้”

เมื่อได้ยินนามของเฒ่ามารหัวขวานและหุบเหวปราการมังกร เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ่งทวีความสนใจมากขึ้นอีก “อืม น่าสนใจ ไปดูกันสักหน่อยดีกว่า”

เยี่ยนจ้าวเกอเดินมาถึงด้านหน้า เห็นเด็กหนุ่มที่ถูกล้อมจับเอาไว้ยิ้มพลางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ควรทำอย่างไร ในใจข้าคิดเอาไว้บ้างแล้ว ไม่รบกวนท่านพี่ทั้งสองมาสอนหรอก เมื่อกลับไปยังเมืองหลวงและรายงานกับเสด็จพ่อแล้ว ทุกอย่างย่อมมีคำตอบของมันเอง”

น้ำเสียงของเขาไม่มีความเกรงใจใดๆ จนจ้าวหยวนและจ้าวเฉิงเริ่มมีน้ำโห

ทว่าทันใดนั้นเอง เยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองจึงรีบระงับความโกรธนั้นไว้ พลันละสายตาจากเด็กหนุ่มผู้นั้น แล้วหันมาทักทายเยี่ยนจ้าวเกอ

“จ้าวเกอ บังเอิญจริง เจ้าเองก็อยู่แถวนี้หรือ?”

“คุณชายเยี่ยน”

จอมยุทธ์อาณาจักรถังตะวันออกที่เดินทางมาพร้อมกับจ้าวหยวนและจ้าวเฉิง ผู้ที่เป็นจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ต่างประสานมือพร้อมกัน ส่วนจอมยุทธ์ระดับหลอมกายก็โค้งตัวคำนับเช่นกัน “คุณชายกว่างเฉิง!”

หลายวันมานี้ ชื่อเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอขจรไปไกลในแผ่นดินถังตะวันออก

ส่วนข่าวการต่อสู้กับเซียวเซิงและเฉาหยวนหลงในเทือกเขามฤคลับตาก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครรู้

แต่ลำพังเพียงชนะเฉาหยวนหลงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ และการประลองกระบวนท่ากับเซียวเซิงที่เมืองใกล้ปราการก็ทำให้ชื่อเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความยิ่งใหญ่ของเขากว่างเฉิง ที่อาณาจักรถังตะวันออกไม่อาจเปรียบหรือเลียนแบบได้เลย

จ้าวหยวนและจ้าวเฉิงเป็นองค์ชาย ได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างดีเช่นเชื้อพระวงศ์ อีกทั้งยังได้รับทรัพยากรสำคัญจำนวนมาก จนถือได้ว่าเป็นบุคคลที่โดดเด่นท่ามกลางบรรดาคนรุ่นเยาว์ของถังตะวันออก

ทั้งสองล้วนมีวรยุทธ์ระดับปรมาจารย์ ทว่าในตอนที่พวกเขาบรรลุระดับปรมาจารย์ กลับมีอายุมากกว่ายี่สิบห้าปีแล้ว

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เบื้องหน้าทุกคน เขาบรรลุระดับปรมาจารย์ในขณะที่อายุน้อยกว่าจ้าวฮ่าวในขณะนี้เสียอีก…

เยี่ยนจ้าวยิ้มเล็กน้อย “ท่านทั้งสอง ไม่ได้พบกันนานเลย”

“ก่อนหน้านี้ข้าได้ผ่านไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรถังตะวันออก และพักอยู่ที่นั่นเพียงชั่วคราว ได้พบกับเสด็จลุงครั้งหนึ่ง แต่กลับไม่ทันได้ไปทักทายทั้งสองพระองค์”

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกันที่เทือกเขามฤคลับตาแห่งนี้”

จ้าวหยวนกล่าวว่า “ความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรนั้นไม่ธรรมดา เสด็จพ่อจึงเสด็จคุมการณ์ด้วยตนเอง”

“ต้องชื่นชมที่เจ้าสืบทราบมาว่าเกี่ยวข้องกับเฒ่ามารหัวขวาน พวกข้าจึงตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างละเอียด พบว่าเฒ่ามารหัวขวานไม่ได้กระทำการเรื่องนี้เพียงลำพัง”

“เบื้องหลังมีความไปได้มากว่ามีขุมอำนาจซ่อนอยู่ เฒ่ามารหัวขวานเป็นจอมยุทธ์ระดับสูงคนหนึ่งในนั้น อีกทั้งขุมอำนาจนี้ยังมีสมาชิกชั้นกลาง ชั้นล่าง และรอบนอกอีกด้วย”

“พวกข้ามาที่เทือกเขามฤคลับตาครั้งนี้ ก็เพื่อตามจับสมาชิกบางคนของขุมอำนาจนี้ ถือเป็นทั้งภารกิจและการฝึกฝนสำหรับพวกข้า”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า สำหรับจ้าวหยวนและจ้าวเฉิงแล้ว นี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างผลงานให้องค์ราชาและขุนนางของถังตะวันออกได้เห็น

ทว่าผลลัพธ์ดูเหมือนว่าจะถูกผู้อื่นเด็ดลูกท้อ ขโมยผลงานไป มิน่าล่ะ สองพี่น้องถึงได้ดูไม่สบอารมณ์นัก

จ้าวเฉิงหันกลับไปกวาดตามองเด็กหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “น้องสิบหก ยังไม่ทำความเคารพอีก?”

เด็กหนุ่มคนนั้นมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ขอคารวะ”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขา มุมปากพลันกระตุกเล็กน้อย

‘หากข้ามองไม่ผิดล่ะก็ ข้าเห็นความโอหังและการเหยียดหยามในแววตาของเขากระมัง?’ เยี่ยนจ้าวเกอตะลึงงันไปเล็กน้อย พลางพินิจมองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

อีกฝ่ายน่าจะอายุประมาณสิบเจ็ดปี วรยุทธ์ระดับหลอมกายขั้นชักจูงลมปราณระยะกลาง ช่วงเบิกตันเถียนชี่ไห่

มีวรยุทธ์เช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งยังไม่ใช่คนที่ถือกำเนิดจากสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถือว่าเป็นคนเก่งที่พบเจอได้ยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่แล้ว แม้จะเป็นองค์ชาย ทว่าก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สำคัญสักเท่าไร ทรัพยากรที่ได้รับก็คงมีจำกัด

ทว่าไม่ว่าจะมองอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นความสามารถส่วนตัวหรือภูมิฐานเบื้องหลัง ก็ไม่สามารถเทียบได้กับเยี่ยนจ้าวเกอ

ถึงกระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอกลับมองเห็นความเหยียดหยามแล่นผ่านไปจากดวงตาของเด็กหนุ่มอย่างชัดเจน

อีกทั้งท่าทีที่เขามีต่อเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ใช่แค่ไม่เกรงกลัวไม่เคารพแล้ว ยังแสดงความหยิ่งยโสไร้มารยาทอีกด้วย

เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าอีกฝ่ายกำลังเหยียดหยามจริงๆ ไม่ใช่เพราะความไม่เกรงกลัวที่เกิดจากความไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว แต่เป็นความเหยียดหยามที่ส่งออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ อันมีต้นตอมาจากความทระนงและความมั่นใจในตนเอง

แต่เด็กหนุ่มผู้นี้กลับมองว่าไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร

…ก็เหมือนกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง หรือมหาปรมาจารย์คนหนึ่ง กำลังมองจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์หรือจอมยุทธ์ระดับหลอมกาย

ในใจเยี่ยนจ้าวเกอเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้น

จ้าวหยวนที่อยู่ด้านข้างเริ่มหน้าถอดสี จึงควบคุมปราณจิตราเป็นเสียง ส่งกระแสจิตไปหาเยี่ยนจ้าวเกอ ‘จ้าวเกอ อย่าสนใจเขาเลย’

‘เขาคือจ้าวฮ่าว น้องสิบหกของข้า’

‘เมื่อก่อนเขาเป็นคนนิ่งเงียบ ไม่น่าสนใจ และไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้ แต่ครึ่งปีก่อนราวกับประจักษ์แจ้งฉับพลัน วิชาวรยุทธ์ก้าวหน้าราวกับหนึ่งวันพันลี้’

‘ทว่าเขากลับกลายเป็นคนหยิ่งยโสไร้มารยาทด้วยเช่นกัน’ จ้าวหยวนพูดกึ่งสงสัยกึ่งโมโหว่า ‘ครั้งนี้พวกข้าตามจับขโมยที่ถูกเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสและล้อมไว้ในภูเขา แต่ผลสุดท้ายก็ถูกเขาขโมยผลงาน’

‘ขโมยก็ขโมยเถอะ แต่เขาสอบสวนได้ข้อมูลที่มีประโยชน์จากหัวขโมยแล้ว เขากลับฆ่าอีกฝ่ายทิ้งเสีย ครั้นข้าถามเขาถามว่ารู้อะไรบ้าง เขากลับไม่ยอมพูด…’

เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำด้วยความประหลาดใจ “…น่าแปลก”

แม้จะสนิทกับจ้าวหยวน แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้คิดที่จะเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ว่าอย่างไรจ้าวฮ่าวก็เป็นโอรสขององค์ราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออกเช่นกัน

ส่วนข้อมูลที่จ้าวฮ่าวปกปิดไว้ เมื่ออยู่เบื้องหน้าของบิดาเขาแล้ว อย่างไรก็ปิดเป็นความลับไม่ได้ สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอสามารถรับรู้เรื่องราวได้ผ่านราชาอาณาจักรถังตะวันออกอยู่ดี

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับประหลาดใจกับท่าทีหยิ่งยโสไร้มารยาทของจ้าวฮ่าวมากกว่า

หรืออีกฝ่ายจะเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

หากไม่ใช่แล้วล่ะก็ ความมั่นใจของอีกฝ่ายมาจากที่ใด?

ยกตนข่มท่านกับรู้เรื่องราวทุกอย่างอย่างถ่องแท้ เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรองในใจ สีหน้านิ่งเฉย จนคนอื่นๆ ต่างคิดว่าเขาไม่ได้ถือโทษจ้าวฮ่าว

จ้าวฮ่าวเลิกคิ้ว นอกจากความเหยียดหยามในแววตาของเขาแล้ว เขาส่งสายตาเย้ยหยันให้กับท่าทีที่เยี่ยนจ้าวเกอมองข้ามตนไปอีกต่างหาก

การที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง กลับทำให้จ้าวฮ่าวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

แต่ไม่นานเยี่ยนจ้าวเกอก็หันไปสนใจจ้าวฮ่าวอีกครั้ง แล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า ”น้องสิบหก หากเจ้าไม่ชอบดื่มเหล้าอวยพร เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าดื่มเหล้าลงทัณฑ์แทนแล้วกัน[1]”

…………………

[1] ไม่ดื่มเหล้าอวยพร กลับดื่มเหล้าลงทัณฑ์ (敬酒不吃吃罚酒) ความหมายโดยนัยก็คือ ในเมื่อพูดดีๆ แล้วยังไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับกันแล้ว