เล่มที่ 4 บทที่ 92 ร้านหนังสือสองร้านที่ไม่เหมือนกัน

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

“ฮวาเหนียง สามีของข้าชอบอ่านหนังสือ ข้าอยากหาซื้อหนังสือให้เขาจำนวนหนึ่ง ท่านทราบหรือไม่ว่าในเมืองโยวหลันมีร้านหนังสือดีๆ หรือไม่? “

“มีสิ ในเมืองโยวหลันมีร้านหนังสือใหญ่ร้านหนึ่ง ชื่อว่า ‘ร้านหนังสือซิงหลง’ อยู่บนถนนสายเดียวกับร้านของข้า เป็นร้านใหญ่ ที่แห่งนั้นมีหนังสือมากมาย เจ้าอยากหาหนังสืออะไร ที่นั่นมีแน่นอน! “

“แล้ว… เถ้าแก่ร้านนั้นเป็นคนอย่างไร? “

ฮวาเหนียงรู้สึกประหลาดใจนัก จะซื้อหนังสือ เหตุใดจึงต้องถามเกี่ยวกับเถ้าแก่ละเอียดถึงเพียงนี้ด้วย

แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไร “ตัวเถ้าแก่ไม่ใช่คนดีอะไร พูดถึงการเปิดร้านหนังสือ อย่างไรก็ควรมีความรู้อ่านตำรามาบ้าง แต่เขาแทบไม่รู้หนังสือเลย นอกจากนั้น คนทำการค้า ใครบ้างไม่มีลูกไม้ คนผู้นั้นอุปนิสัยไม่ค่อยดีนัก ไม่เช่นนั้นในตัวเมืองจะมีร้านหนังสือใหญ่แค่ร้านเดียวได้อย่างไร! หากร้านหนังสือของเขาได้กำไรงาม ร้านหนังสือร้านอื่นก็มีรายได้เพียงเศษเสี้ยว! จึงได้แต่ทยอยกันปิดร้าน”

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกห่อเหี่ยวใจเล็กน้อย ถามต่อ “เช่นนั้นยังมีร้านหนังสืออื่นอีกหรือไม่? “

ฮวาเหนียงคิดครู่หนึ่ง “ข้าจำได้ว่ามีร้านเปิดใหม่หนึ่งร้าน แต่หน้าร้านเล็กเกินไป ชื่อ ‘ห้องหนังสือซานเว่ย’ อยู่ในตรอกเล็กด้านหลัง หน้าร้านเล็กจะวางหนังสือได้สักกี่เล่ม หนังสือในนั้นย่อมมีไม่ครบ หากเจ้าจะซื้อหนังสือ ก็ไปร้านหนังสือซิงหลง ที่นั่นมีหนังสือเยอะ ต้องหาเล่มที่เจ้าอยากได้พบแน่นอน! “

เซี่ยยวี่หลัวกล่าวขอบคุณฮวาเหนียง แล้วจึงพาเด็กสองคนกลับไป

ก่อนกลับ นางไปดูร้านหนังสือทั้งสองร้านก่อน

ร้านหนังสือซิงหลง เพราะเปิดมานานหลายปี และเถ้าแก่ก็เป็นคนในท้องที่ การค้าถือว่าไม่เลว

เพิ่งถึงหน้าประตูร้านหนังสือซิงหลง ก็เห็นคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้โยก ท้องอ้วนกลม ในมือถือไหสุรา จิบสุราคำแล้วคำเล่า

เหตุใดคนผู้นี้ถึงนอนดื่มสุราอยู่หน้าร้านหนังสือ ทั้งที่ยังเป็นช่วงกลางวัน?

เมื่อคนที่เดินเข้าออกเห็นคนที่นอนอยู่บนเก้าอี้โยก ต่างก็พยักหน้ากล่าวทักทาย “ท่านเยี่ย…”

“เถ้าแก่เยี่ย…”

ท่านเยี่ย เถ้าแก่เยี่ย ได้ยินมาว่าเถ้าแก่ร้านหนังสือซิงหลง ชื่อเยี่ยซิงหลง

ยังไม่ได้เดินเข้าไปใกล้ ก็ได้กลิ่นสุราฉุนลอยมาจากตัวคนผู้นั้น เถ้าแก่ร้านขายหนังสือกลับถือไหสุรานั่งดื่มสุราอยู่หน้าร้านตั้งแต่ช่วงกลางวัน นี่เป็นร้านสุราหรือร้านหนังสือกันแน่!

อย่างนี้ไม่ให้เกียรติปัญญาชนเกินไปแล้ว!

เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้เดินขึ้นหน้า เพียงมองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ห่างนัก เห็นคนผู้หนึ่งที่แต่งตัวดูยากจนเดินออกมาจากด้านในร้านหนังสือ

คนผู้นั้นดูแล้วก็อายุไม่น้อย เส้นผมส่วนหนึ่งเป็นสีขาวแล้ว หางตาก็มีรอยย่นชัดเจน

เพียงเห็นเยี่ยซิงหลงถือไหสุราลุกขึ้นยืน “เฮ้ เจ้าบัณฑิตยากจน วันนี้เจ้าซื้อหนังสืออะไร? ”

บัณฑิตผู้นั้นกล่าวด้วยท่าทางเก้อเขิน “ท่าน… ท่านเยี่ย ข้า ข้าไม่ได้ซื้อหนังสืออะไรเลย! ”

“ไม่ได้ซื้อ? ” เยี่ยซิงหลงเหมือนจะไม่เชื่อ “เพราะข้าไม่มีตำราดี ไม่เข้าตาเจ้าเลยงั้นหรือ? ”

บัณฑิตผู้นั้นรีบกล่าว “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ท่านเยี่ย ท่านเข้าใจผิดแล้ว คือ… ไม่มี… ไม่มีที่ข้าอยากได้! ”

เยี่ยซิงหลงกล่าวด้วยสีหน้าดูแคลน “เจ้าเลือกมาหนึ่งชั่วยามกว่ายังไม่พบที่เจ้าอยากได้? เจ้าเห็นว่าร้านหนังสือของข้าเป็นสถานกุศล ให้เจ้ามาอ่านหนังสือโดยไม่คิดเงิน? หรือเห็นร้านข้าเป็นบ้านเจ้า คิดอยากมาก็มา คิดอยากไปก็ไป? ”

เพราะวาจาเยาะเย้ยถากถางของเยี่ยซิงหลง บรรดาลูกค้าภายในร้านหนังสือและผู้คนที่เดินผ่านไปมา ต่างเข้าไปมุงดูสถานการณ์

เดิมทีบัณฑิตผู้นั้นก็รู้สึกลำบากใจอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาที่ถูกคนมากมายมุงดู ใบหน้าขึ้นสีแดงยิ่งกว่าเดิม “ท่าน ท่านเยี่ย… ข้า ที่บ้านข้ายังมีธุระ ร้านท่านมีหนังสือมากมาย พรุ่งนี้… พรุ่งนี้ข้าจะมาซื้อ! ”

เยี่ยซิงหลงหัวเราะอย่างเย็นชา “พรุ่งนี้จะมาซื้อ? เจ้าบัณฑิตยากจน เจ้ามีเงินหรือ? เจ้าจะเอาอะไรมาซื้อ? กระเป๋าสะอาดเกลี้ยงเกลายิ่งกว่าใบหน้าเสียอีก คาดหวังให้เจ้าซื้อ เช่นนั้นพระอาทิตย์คงต้องขึ้นทางทิศตะวันตก! ”

บัณฑิตผู้นั้นถูกกล่าววาจาเหน็บแนมจนใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ กัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เพียงได้ยินเยี่ยซิงหลงชี้บัณฑิตผู้นั้นพร้อมกล่าวกับลูกจ้างภายในร้าน “ต่อไปหากเจ้าบัณฑิตยากไร้นี่กล้าเข้ามาในร้านหนังสืออีก เห็นหนึ่งครั้งก็ตีหนึ่งครั้ง! ”

ลูกจ้างในร้านรีบขานตอบ “ขอรับ ขอรับ! ”

เยี่ยซิงหลงกล่าวต่อ “ทุกท่านลองพิจารณาดู บัณฑิตยากจนผู้นี้ มาร้านข้าหลายครั้งแล้ว แต่ละครั้งอยู่นานหนึ่งชั่วยามกว่า กลับไม่ซื้อตำราแม้แต่เล่มเดียว เช่นนี้คิดมาอ่านโดยไม่เสียเงินชัดๆ หากเป็นภัตตาคาร ก็เท่ากับกินแล้วไม่จ่ายไม่ใช่หรือ? ทุกคนต้องจำใบหน้านี้ไว้ให้ดี อย่าโดนเจ้าบัณฑิตยากไร้ผู้นี้เอาเปรียบล่ะ! ”

ผู้คนที่มุงดูต่างหัวเราะขำขัน

บัณฑิตผู้นั้นรู้สึกอับอายจนไม่กล้าเงยหน้า เขาแต่งตัวดูยากจน เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยปะ เท่าที่ดู ฐานะทางบ้านคงลำบากไม่น้อย

เวลานี้ถูกเยี่ยซิงหลงจับตัวมาประจานต่อหน้าผู้คนมากมาย สำหรับคนเรียนหนังสือ ก็ไม่ต่างจากถูกจับเปลื้องผ้ามายืนต่อหน้าทุกคนให้พวกเขาเยาะเย้ย คนผู้นั้นดิ้นจนหลุดจากพันธนาการของลูกจ้าง ก่อนวิ่งหนีไปด้วยความอับอาย

วิ่งไปไกลแล้ว ยังได้ยินเสียงเยาะเย้ยถากถางของเยี่ยซิงหลง “เจ้าบัณฑิตบ้า บัณฑิตยากไร้ ไม่มีเงินก็อย่าเรียนหนังสือ สามสิบแล้วยังสอบเป็นซิ่วไฉไม่ได้ ยังจะเรียนหนังสือไปทำบ้าอะไร! รีบไปทำไร่ไถนาเถอะ มาเอารัดเอาเปรียบที่ร้านข้า ไม่ดูเสียบ้างว่าข้าเป็นใคร! ”

ทุกคนหัวเราะลั่นอีกครั้ง

ถ้อยคำเยาะเย้ยถากถางรุนแรงนัก เซี่ยยวี่หลัวขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ การเรียนหนังสือเป็นสิทธิของทุกคน ใครกล่าวว่าอายุมากและฐานะทางบ้านยากจนจะเรียนหนังสือไม่ได้กัน?

เยี่ยซิงหลงผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าเพียงใส่ชุดบัณฑิตแสร้งทำตัวเป็นปัญญาชน ด้านหนึ่งก็หาเงินจากคนเรียนหนังสือ อีกด้านหนึ่งก็ทำเรื่องลบหลู่คนเรียนหนังสือ

มันน่าแค้นนัก!

เมื่อผู้คนที่มุงดูแยกย้ายกันไป เยี่ยซิงหลงจึงหยิบไหสุรากลับไปนอนบนเก้าอี้โยกจิบสุราต่อ ทั้งยังฮัมเพลงไปด้วย!

เซียวจื่อเมิ่งรู้สึกประหลาดใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ เขากำลังร้องเพลงอะไรงั้นหรือเจ้าคะ? ”

หลังจากเซี่ยยวี่หลัวฟังสองประโยค ใบหน้าก็ขึ้นสีแดงทันที

นางรีบปิดหูของเซียวจื่อเมิ่ง และพานางเดินออกห่าง “ไม่ได้ร้องเพลงอะไร เพียงร้องบทเพลงทั่วไปเท่านั้น! ”

แม่เจ้า ในสมองเยี่ยซิงหลงผู้นี้เต็มไปด้วยเรื่องสกปรกเลอะเทอะ ร้องเพลงลามกเพลงแล้วเพลงเล่า คนน่ารังเกียจพรรค์นี้ เปิดร้านหนังสือใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

คิดจะร่วมงานกันในระยะยาว เช่นนั้นอุปนิสัยใจคอของผู้ร่วมงานก็ต้องผ่านเกณฑ์ด้วย เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวโดยใช่เหตุ

เยี่ยซิงหลงไม่ใช่คนที่มีอุปนิสัยดี เซี่ยยวี่หลัวไม่มีทางร่วมงานกับเขาเป็นอันขาด นางไปที่ห้องหนังสือซานเว่ย

เทียบกับร้านหนังสือซิงหลงที่ตั้งอยู่ริมถนนสายใหญ่ในตัวเมืองที่ดูเจริญรุ่งเรือง รอบข้างมีผู้คนเดินขวักไขว่ ครึกครื้นเป็นพิเศษ ห้องหนังสือซานเว่ยแห่งนี้ดูเงียบเหงากว่ากันมาก

ประการแรกคือสถานที่ตั้ง ที่นี่แทบไม่มีผู้คน นอกจากคนที่เดินผ่านไปเป็นครั้งคราว ก็ไม่มีคนอื่นอีก นอกจากนั้น ขนาดของห้องหนังสือซานเว่ย เทียบไม่ได้กับพื้นที่หนึ่งในสามส่วนของร้านหนังสือซิงหลงด้วยซ้ำ

สถานที่ตั้ง จำนวนลูกค้าที่ผ่านไปมา และขนาด ล้วนไม่อาจเทียบได้

มีลูกค้าเข้าไปเพียงบางครั้งบางคราว กระดิ่งตรงหน้าประตูส่งเสียงไพเราะเสนาะหูไปในอากาศ เซี่ยยวี่หลัวดูอยู่ข้างนอกพักหนึ่ง เห็นคนสองคนที่ท่าทางเหมือนบัณฑิตเดินเข้าไปซื้อหนังสือ จากนั้นจึงออกจากร้านไป