“คนของโลกเซียวไท่พวกนี้มารวมกลุ่มกันได้อย่างไร? ไม่ได้เข้ามาด้วยวิธีส่งตัวทีละคนหรือ แปลกจริง อีกทั้งท่าทางเหมือนมีการเตรียมพร้อมมาก่อน ไม่ได้บังเอิญพบเนื่องจากค้นหาวงเวทส่งตัว ราวกับมาสังหารข้าโดยเฉพาะมากกว่า” จินเฟยเหยาหยิบกระเป๋าเก็บของขึ้นจากพื้น นางฝึกฝนฝีมือควบคุมไฟนรกให้ไม่เผากระเป๋าเก็บของได้ชำนาญแล้ว

น่าเสียดายมุกทลายเขตแดนเม็ดนั้น ถ้าไม่ถูกไฟนรกเผาเสียหายจินเฟยเหยาคิดจะหยิบกลับไปขัดถู ดูเหมือนสามารถทำลายภาพมายาได้ ถ้ามีอยู่ในมือสักเม็ด ไม่รู้ว่าหากพบภาพมายาในวงเวทจะสามารถทำลายได้ทันทีหรือไม่

อาวุธเวทแก่นชีวิตของคนทั้งหกหายไปกลางอากาศตามการตายของเจ้านาย สูญเสียภูเขาเห็ดไป จินเฟยเหยากลับได้กระเป๋ากองนี้มาแทน จินเฟยเหยาพบปัญหาข้อหนึ่ง ขอเพียงพลังการบำเพ็ญเพียรยิ่งสูง กระเป๋าเก็บของบนตัวก็ยิ่งมาก ทว่ากระเป๋าเก็บของไม่สามารถใส่ลงในกระเป๋าเก็บของเหมือนกันได้ บางครั้งหาเชือกเจ็ดแปดเส้นมัดกระเป๋าว่างไว้ด้วยกัน โชคดีที่นางมีอ่างมายาจิ่งเทียน สามารถโยนกระเป๋าเก็บของเข้าไปได้ ไม่เช่นนั้นคงกลายเป็นมนุษย์กระเป๋าเคลื่อนที่

พอของวิเศษแก่นชีวิตที่ส่งแสงประหลาดนานาชนิดหายไป ภายในทางเดินศิลาก็กลับมามืดมิดดังเดิม นางหยิบหินแสงราตรีออกมาก้อนหนึ่ง ทอดถอนใจว่าชีวิตคนเราช่างไม่เที่ยง ตนเองจะคบค้าสมาคมกับทางเดินศิลาเขาวงกตที่มืดมิดทั้งวันได้อย่างไร

เก็บสินสงครามบนพื้นเสร็จสิ้น จินเฟยเหยาก็มองหน้ามองหลังภายในทางเดินศิลา ไม่รู้ว่าด้านไหนนำไปสู่ทางออก ภายในทางเดินไม่มีลมสักนิด ไม่เช่นนั้นยังสามารถเดาได้ว่าลมพัดมาจากทางเข้า นางครุ่นคิด ได้แต่ถือว่าทิศทางที่คนทั้งหกปรากฏตัวขึ้นคือด้านหน้า ถ้าจะสกัดคน ย่อมต้องไปสกัดด้านหน้า ท่าทางของพวกเขาดูไม่เหมือนไล่ตามมา อย่างไรเสียนางก็ไม่รู้ทิศทาง คงต้องไปตามนี้

เดินไปข้างหน้าตามทางเดินศิลามาหนึ่งชั่วยามกว่า ก็ไม่พบคนของโลกเซียวไท่อีก และไม่พบผู้บำเพ็ญเซียนของโลกหนานซาน ในทางเดินศิลาไม่มีสัตว์ปิศาจแปลกๆ กระโดดออกมา อีกทั้งในนี้ไม่มีแม้แต่ทางแยก นางจึงเดินไปข้างหน้าอย่างราบรื่นตลอดทาง

“เหตุใดจึงไม่เจออะไรเลย หรือว่าขอเพียงออกจากภาพมายาได้แล้วเดินไปตามทางเดินศิลานี้ก็สามารถออกมาได้?” จินเฟยเหยาเดินไปข้างหน้า ใช้การรับรู้กวาดดูในทางเดินศิลาตลอดเวลา กลับไม่พบอะไร

เพิ่งสิ้นเสียง พื้นที่ว่างเบื้องหน้าพลันกระเพื่อม จินเฟยเหยาก้าวเข้าไปในภาพมายา พั่งจื่อก็ตามมาด้านหลังติดๆ เดินเข้าไปในภาพมายาก่อนอุโมงค์ภาพมายาจะหายไป

ไอน้ำม้วนตลบ เห็นนกขมิ้นขับขานนกนางแอ่นร่ายรำ[1] เอวเล็กคอดกิ่ว และยังมีคลื่นที่ม้วนสูงจนทำให้คนตกตะลึง

จินเฟยเหยาและพั่งจื่อมองรอบด้านอย่างตะลึงงัน ตกตะลึงอย่างยิ่ง แขนขาวเนียนนุ่มข้างหนึ่งยื่นมาดึงผมนางเบาๆ จากนั้นส่งเสียงหัวเราะราวกับกระดิ่งเงินกังวานไปไกล จินเฟยเหยาริมฝีปากสั่นสะท้าน เอ่ยออกมาสองคำอย่างยากลำบาก “วิปริต”

ขณะที่นางกำลังตกใจสุดขีด ก็มีบางอย่างที่เจ้าเนื้อกอดขานางไว้ ยังมีมือเปียกชื้นลูบคลำร่างท่อนบนของนาง จินเฟยเหยาเหงื่อแตก พลังทำลายล้างของภาพมายานี้รุนแรงยิ่ง เพียงแต่หาเป้าหมายผิด

นางได้สติคืนมา ใช้มือบีบคอคนที่โอบกอดร่างนางไว้ แล้วโยนออกไปอย่างแรง เนื้อขาวเนียนนุ่มลอยออกไปพลางร้องอุทานอย่างตกใจ ตกกระทบน้ำเกิดคลื่นสาดกระจาย

“จะบ้าหรือ ภาพมายาบ้าบออะไรกัน ใช้สมองหน่อยได้หรือไม่ ของแบบนี้จะใช้ได้ผลกับข้าได้อย่างไร  ถ้าเจ้าจะทำ ก็ไปหาบุรุษหล่อเหลามาสิ” จินเฟยเหยาหน้าแดง ไม่สนใจหยดน้ำบนใบหน้า ร้องคำรามอย่างเดือดดาล

นางกำลังยืนอยู่ในน้ำพุร้อนลึกแค่เอวขนาดสิบหมู่แห่งหนึ่ง ในน้ำพุร้อนเต็มไปด้วยไอน้ำ และสาวงามผิวขาวเนียนนุ่มไร้อาภรณ์ปกปิดกายกำลังอาบน้ำอยู่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสาวงาม เป็นสตรี หน้าอกอวบอัด

สาวงามมีเสน่ห์เย้ายวนหลายสิบคน เรือนร่างพราวไปด้วยหยดน้ำ แสดงท่วงท่าที่ทำให้คนหน้าแดงนานาชนิด มองจินเฟยเหยาอย่างเกี้ยวพาราสี ในสายตาของพวกนาง จินเฟยเหยาราวกับเป็นคนในฝัน เป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบ มีสาวงามบางคนยั่วยวนนางในน้ำพุต่อหน้า มีคนหนึ่งใช้สองมือดันหน้าอกแล้วยื่นลิ้นมาเลีย ส่งสายตาลึกซึ้งให้นาง

คิดไม่ถึงว่าหน้าอกจะใหญ่จนใช้ลิ้นเลียได้ จินเฟยเหยาจ้องมองนางแล้วสะเทือนใจอย่างรุนแรง

“อ๊บ…”

ในขณะนี้เอง ดวงตาของพั่งจื่อพลันกลอกมาทางหน้าอกของจินเฟยเหยา มีสีหน้าดูแคลน

“พวกเจ้าอย่ารังแกกันเกินไปนัก” จินเฟยเหยามีโทสะจากการยั่วยุของพั่งจื่อ กำหมัดร้องคำรามอย่างเดือดดาล ไฟนรกพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง เริ่มจากใต้เท้าของนาง น้ำพุร้อนถูกผนึกเป็นน้ำแข็งนรก แผ่ขยายไปทั่วบ่อน้ำ สาวงามในบ่อร้องอุทานอย่างตกใจ แย่งกันหนีขึ้นฝั่ง ทว่าน้ำแข็งนรกผนึกตัวอย่างรวดเร็ว พริบตาพวกนางทั้งหมดก็ถูกแช่แข็งในน้ำแข็งนรก บ่อน้ำพุร้อนกลายเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่

สาวงามเหล่านี้ถูกแช่แข็งในน้ำแข็งนรก บ้างเผยเรือนร่างครึ่งท่อน บ้างกระโดดออกจากน้ำพุร้อน ทว่าสองขาถูกแช่แข็ง เปลือยกายนั่งอยู่ในน้ำแข็งนรกอันเย็นเยียบ พวกนางร่ำไห้ราวกับดอกหลีต้องฝน ไหล่สั่นสะท้าน ร้องไห้อย่างเสียใจสุดซึ้ง ทำให้คนอดเวทนาสงสารไม่ได้

พั่งจื่อกับจินเฟยเหยาก็ถูกแช่แข็งในน้ำพุร้อน สตรีที่อยู่ใกล้นางที่สุด ยามนี้ร่ำไห้จนงดงามปานจะหยด เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ข้อศอกของนางถูกแช่แข็งในน้ำแข็งนรก สองมือยังประคองหน้าอกดังเดิม ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างน่าสงสาร

จินเฟยเหยาขยับไหล่ มีเสียงแตกดังแกรกๆ จากนั้นต่อยหมัดเข้าชนกัน ข้อนิ้วลั่นดังแกรกๆ จากนั้นนางก็ยิ้มชั่วร้าย ยกกำปั้นขึ้นต่อยใบหน้าของสาวงามแรงๆ

กำปั้นของนางต่อยไปอย่างไม่ปราณี หนึ่งหมัดแล้วก็ตามด้วยอีกหมัด ต่อยจนโลหิตกระเซ็น ตอนนางหยุดมือ สาวงามแสนสวยคนนี้ก็ร่วงลงบนน้ำแข็งนรก องคาพยพทั้งห้าบวมจนมองสารรูปเดิมไม่ออก ส่วนหน้าอกทั้งคู่ก็อวบอ้วนจนเหมือนสุกรตัวเล็กๆ แล้ว

เสียงดังเปรี๊ยะ จินเฟยเหยาปีนออกมาจากน้ำแข็งนรก ใบหน้าชั่วร้ายมองไปยังบรรดากระต่ายน้อยที่ตัวสั่นสะท้านถูกแช่แข็งจนหลบหนีไปไหนไม่ได้ ส่วนพั่งจื่อกระโดดออกจากน้ำแข็งนรกได้สบายๆ กระโดดหลายครั้งก็ข้ามบ่อน้ำพุร้อนกว้างไม่กี่หมู่ได้ มุดเข้าซ่อนในพงหญ้าข้างสระ ในบ่อน้ำพุร้อนอนาถเกินจะทนดูได้ ละครโศกนาฏกรรมกำลังแสดง มีเสียงร้องอุทานและเสียงร้องอนาถดังไม่ขาดหู เป็นนรกบนดินดีๆ นี่เอง ทำให้กบไม่กล้ามอง

“พั่งจื่อ ไปตายที่ใดแล้ว ยังไม่ออกมาอีก” ครู่หนึ่งให้หลัง ก็ได้ยินเสียงบริภาษของจินเฟยเหยา พั่งจื่อจึงโผล่หัวออกมาจากพุ่มไม้ข้างสระ เห็นจินเฟยเหยายังไม่คลายโทสะและสระน้ำแข็งนรกถูกย้อมเป็นสีแดงโลหิตทั้งสระ มันก็มองหารอบด้านอย่างรวดเร็ว

จินเฟยเหยาเห็นมันยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น ก็กำหมัดเดินเข้าไปหามันอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เห็นจินเฟยเหยาเดินเข้ามาใกล้ทุกที พั่งจื่อไม่เพียงขยับดวงตา แม้แต่ศีรษะก็เริ่มหันซ้ายหัวขวา ทันใดนั้น มันพบของชิ้นหนึ่งก็กระโดดไปบนน้ำแข็งนรก ยกขาหน้าขึ้นชี้ในไฟนรกแล้วร้องอ๊บๆ

“อะไรนะ? มีของล้ำค่า เจ้าอย่าหลอกข้านะ ไม่เช่นนั้นข้าจะจัดการเจ้า” จินเฟยเหยาขมวดคิ้วเดินมา มองในน้ำแข็งนรกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก้นสระมีไข่มุกเม็ดเท่ากำปั้น ถ้าพั่งจื่อไม่เตือน เกรงว่านางคงจะพลาดของล้ำค่าเช่นนี้

นางใช้นิ้วจิ้มบนน้ำแข็งนรก น้ำแข็งนรกก้อนนั้นก็หลอมละลายกลายเป็นน้ำ ไข่มุกถูกนางคว้าจับก็ลอยมาอยู่ในมือ นี่คือมุกที่โปร่งใส รู้สึกได้ว่ามุกบรรจุปราณธาตุน้ำอันแข็งแกร่ง ถ้าวางในน้ำจะดูไม่ออกเลย ใช้การรับรู้กวาดดูก็รู้สึกได้ว่าในมือว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายพรสวรรค์ในการค้นหาสมบัติของพั่งจื่อปะทุออกมา ทำให้จินเฟยเหยาปีติยินดียิ่ง ตอนนี้ไม่มีเวลามาครุ่นคิดว่าของสิ่งนี้มีประโยชน์ใด นางโยนมุกใส่ในกระเป๋าเก็บของ เวลานี้การค้นหาสมบัติและหาทางออกจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ค้นหาในน้ำแข็งนรกอย่างละเอียด ดูว่ายังมีมุกเม็ดอื่นอยู่ในสระหรือไม่ ทว่าคราบโลหิตปื้นใหญ่และสาวงามผิวขาวผ่อง ส่งผลต่อความคมชัดในการมองเห็นภายในน้ำแข็งนรกอย่างร้ายแรง หลอมละลายน้ำแข็งนรกนั้นช่างเถอะ เพียงแต่สาวงามสภาพปางตายกลุ่มนี้จะทำอย่างไรดี จะจมน้ำตายไหม ถึงนางจะลงมือหนักทุบตีจนอนาถ ทว่าเห็นแก่ที่ทุกคนล้วนเป็นสตรี นางจึงเหลือลมหายใจสุดท้ายไว้ให้

“อ๊บๆ” พั่งจื่อพลันยื่นตัวมา เอ่ยพลางชี้ไปที่สตรีคนหนึ่ง

จินเฟยเหยาสีหน้าเขียวคล้ำ รีบเอ่ยว่า “ไม่ได้ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้ากินพวกนาง ถ้าเจ้ากล้ากิน ข้าจะใส่เจ้าไว้ในถุงสัตว์ภูติชั่วชีวิต ต่อไปอย่าหมายจะได้ออกมา เจ้าจำไว้ อะไรก็กินได้หมด ยกเว้นกินคน”

เห็นท่าทางหนักแน่นของจินเฟยเหยา พั่งจื่อก็ออกไปอย่างไม่พอใจ ขี้เกียจช่วยนางค้นหาสมบัติ มันคิดจะช่วยกินเนื้อขาวๆ ที่ขวางอยู่ในน้ำแข็งนรกเหล่านั้นให้หมดทำให้น้ำแข็งนรกโล่ง คิดไม่ถึงว่าจินเฟยเหยาจะไม่รู้สึกขอบคุณ ทำให้มันไม่พอใจอย่างยิ่ง

“อารมณ์เสียอะไร แค่มีคราบโลหิตกระเซ็นบนผิวน้ำแข็งนรก ด้านล่างไม่มี ทำแบบนี้ก็พอ” จินเฟยเหยาใช้มือแทงลงในน้ำแข็งนรกอย่างแรง แม้แต่ก้อนน้ำแข็งที่มีสาวงามก็ถูกขุดออกมาจากสระน้ำแข็งนรก โยนพวกนางลงไปในพุ่มไม้ข้างสระโดยไม่เหลือบแลสักนิด นางโยนไปพลางตรวจสอบในน้ำแข็งนรกว่ามีมุกหรือไม่ ขณะที่กำลังโยนอย่างยินดี ทิวทัศน์เบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือนอีกครั้ง

“แย่แล้ว หรือว่ามีคนนำมุกทลายเขตแดนมาทำลายเรื่องดีงามของข้าอีก” จินเฟยเหยาอดด่าทอไม่ได้

นางปรากฏตัวในถ้ำศิลาอีกครั้งจริงๆ ยังอยู่ในท่าขุดน้ำแข็งนรก ส่วนพั่งจื่อก็ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ห่างไปออกไปสามก้าว มองภายในทางเดินศิลา ไม่พบบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนที่ถือมุกทลายเขตแดน ท่าทางจะออกมาเอง นางเบ้ปากยืนตรงอย่างไม่พอใจ พลันพบว่าเหนือศีรษะมีบางอย่าง เงยหน้าขึ้นมอง มุกโปร่งใส่ขนาดเท่าเม็ดลำไยเม็ดหนึ่งกำลังลอยอยู่ด้านบน นางคว้ามุกไว้ พบว่าด้านบนมีอักษร ‘ราคะ’ ตัวหนึ่ง

ราคะ? คงไม่ได้หมายความว่าตนเองทลายเขตแดนราคะ ส่วนมุกเม็ดนี้คือหลักฐาน จินเฟยเหยาอดหัวเราะลั่นอย่างกะทันหันไม่ได้ คนสร้างภาพมายาช่างน่าขำจริงๆ สร้างภาพมายาหญิงงามล้วนทดสอบสตรี ไร้สมอง อย่างน้อยก็น่าจะทำบุรุษหล่อเหลาหลายๆ คนจึงถูกต้อง แบบนี้เหมือนไม่ค่อยจริงจัง จะเป็นเรื่องง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร ไร้สาระจริงๆ

เพียงแต่เห็นมุกในมือ จินเฟยเหยาก็ขบคิดไม่เข้าใจ เหตุใดคนของสำนักเฉวียนเซียนจึงไม่อธิบายสภาพด้านในให้ทุกคนรู้ก็โยนพวกเขาเข้ามาทันที เกรงว่ามุกเหล่านี้และวงเวทส่งตัวจะเกี่ยวพันกัน


[1] เห็นนกขมิ้นขับขานนกนางแอ่นร่ายรำ หมายถึง ภาพความครึกครื้นในฤดูใบไม้ผลิ ทิวทัศน์อันงดงาม