ซาลาแมนเดอร์เป็นคนนำ คนอื่นๆร่วมกันร้องเพลง เพลงรัก 1980
นี่เป็นเพลงที่หลิวส่วงชอบที่สุดตอนมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่เกิดเรื่องที่เหนือความคาดหมายนี้ขึ้น เพลงนี้เดิมควรจะเป็นเพลงที่อยู่ในงานแต่งของโลนวูล์ฟกับหูเหม่ยจิ้ง เพื่อเป็นของขวัญพิเศษให้กับทั้งสองคน
หูเหม่ยจิ้งพอได้ยินเพลงที่คุ้นเคย ความเจ็บปวดในใจก็ขึ้นมาถึงขีดสุด เรื่องทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว มีคำพูดที่อยากพูด แต่น้ำตากลับไหลก่อน
ท่วงทำนองเดียวกันแต่กลับปรากฏในสถานการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วจะไม่ให้ใจสลายได้อย่างไร ถึงคำสัญญาจะอยู่ในตัวบุคคล แต่กลับอยู่กันคนละโลก ยามที่ต้องหลีกหนีความจริงตอนไร้อาการป่วย ยามที่ศัตรูรู้ความจริงปริศนาทุกอย่างกระจ่างหมด คนที่อยู่ตรงนี้ทุกคนเหลือเพียงความเสียใจที่ไม่อาจมลายหายไป
ฝนตกมาได้เวลาพอดี
สายฝนโปรยปรายได้ช่วยพรางน้ำตาแห่งความเสียใจของเหล่าทหารหาญ ความคิดถึงที่มีต่อเพื่อนผู้จากไปได้ถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลง ใครบอกว่าพวกเขามีแต่ความเข้มแข็งไร้ความอ่อนโยน เพียงแต่ความโรแมนติคที่ปรากฏในเวลานี้กลับดูโศกเศร้า
หูเหม่ยจิ้งคุกเข่าลงกับพื้น สายฝนตกใส่เธออย่างไม่หยุดหย่อน
พอเงยหน้าก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนในชุดดำกางร่มสีขาวให้ ช่วยกันเม็ดฝนที่ตกใส่หัวเธอ มองจากล่างขึ้นบน เสี่ยวเชี่ยนก็เหมือนร่มที่คอยปกป้อง ช่วยกันฝนให้กับเธอ คุ้มกันเธอในสภาพแวดล้อมที่มีความกดดัน คล้ายกับเป็นความช่วยเหลือสุดท้าย
“หมอเฉิน ฉันจะทำไงดี…ช่วงหลายปีนี้ฉันทำอะไรลงไปบ้าง…”
ใบหน้าของหูเหม่ยจิ้งเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“ช่วงหลายปีนี้คุณได้ทำในสิ่งที่เขาอยากให้คุณทำ คุณทำได้ดีมาก”
หูเหม่ยจิ้งเงยหน้ามองเสี่ยวเชี่ยนด้วยดวงตาที่พร่ามัว เสี่ยวเชี่ยนเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน
“เขาอยากให้คุณมีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม แม่ของเขา เพื่อนๆของเขาต่างก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน ฟังเพลงนี้สิออกจะไพเราะ ละทิ้งได้ทุกอย่าง แต่ลืมไม่ได้สักอย่าง สาวน้อยโปรดอย่าร้องไห้ พวกเรายังอยู่ด้วยกัน…”
เสี่ยวเชี่ยนพูดเนื้อเพลง มองหูเหม่ยจิ้งด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความห่วงใย “ตอนที่เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ความศรัทธาในใจเป็นตัวปกป้องคนที่เขารักให้อยู่อย่างเป็นสุข ความรักของทหารยิ่งใหญ่เสมอ เขาหวังว่าตัวเองสามารถแลกมาได้ซึ่งความสงบสุขของคนเป็นจำนวนมาก แต่ฉันคิดว่าเขาอยากให้คนที่เขารักมีความสุขมากกว่า คุณใช้ชีวิตให้ดีก็คือความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดของเขาแล้วค่ะ”
ต่อให้เป็นช่วงที่หูเหม่ยจิ้งสูญเสียบุคลิกเดิมในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จิตใต้สำนึกของเธอก็ไม่เคยหยุดคิดถึงเขา ถึงขนาดที่ว่าบุคลิกที่สองของเธอนั้นยังเป็นผู้หญิงอ่อนโยนในแบบที่โลนวูล์ฟอยากให้เป็น
รูปแบบการแสดงความรักมีมากมาย แต่ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือแบบนี้ ต้องแสดงออกว่าเข้มแข็งแล้วใช้ชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอรู้ว่าเขาอยากให้เป็นแบบนั้น
“ฉันไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไงตัวเองถึงจะมีความสุข ฉันไม่รู้เลย…”
“คุณรู้ ความผูกพันทำให้คนเราเสียใจ ช่วงเวลาดีๆในอดีตสุดท้ายมันก็จากคุณไปโดยไม่ย้อนกลับมา แต่ชีวิตคนเราต้องเดินหน้าต่อ หัวใจของคุณได้เลือกแทนคุณแล้ว กลับมาเถอะเหม่ยจิ้ง กลับมาหาฉันตรงนี้”
เสี่ยวเชี่ยนโยนร่มทิ้งแล้วยืนตรง “มาเถอะ มองมาที่ดวงตาของฉัน”
หูเหม่ยจิ้งที่ถูกความเสียใจทำให้จิตใจว่างเปล่ามองไปที่เสี่ยวเชี่ยนอย่างเหม่อลอย เวลานี้จิตใต้สำนึกของเธอกำลังรวมเป็นหนึ่งเดียว เสี่ยวเชี่ยนยื่นสองมือไปนวดเบาๆที่ขมับของหูเหม่ยจิ้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ในใจของคุณยังมีความปรารถนาอะไรที่ยังทำไม่สำเร็จหรือเปล่า?”
“ไม่มีแล้ว” หูเหม่ยจิ้งส่ายหน้า เธอรู้สึกสมองว่างเปล่า
“มองที่ดวงตาของฉัน มองไว้ห้ามขยับ ความเสียใจของคุณ ความเศร้าของคุณจะไปตามสายตาของฉันที่ขยับ พอฉันเอามือออก คุณจะล้มเข้ามาหาฉัน”
ศาสตราจารย์หลิวยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เสี่ยวเชี่ยนที่สุดมาตลอด เธอมองท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนแล้วก็ตกใจ
แม้แต่แบบนี้ก็เป็นเหรอ?
“มาค่ะ กลับมาสู่อ้อมกอดของฉัน” เสี่ยวเชี่ยนปล่อยมือออก หูเหม่ยจิ้งทิ้งตัวเข้าหาเสี่ยวเชี่ยนแล้วหมดสติไป
อวี๋หมิงหลางรีบเข้ามาถามเสี่ยวเชี่ยนด้วยความสงสัย “คุณทำอะไรกับเธอน่ะ?”
นี่เก่งยิ่งกว่ายานอนหลับเสียอีก แค่ยื่นมือไปจับก็ทำคนสลบได้แล้ว?
“การสะกดจิตแบบโน้มตัว ปกติใช้ไม่ได้ผลเท่านี้ เพราะตอนนี้เดิมทีเขาก็อยู่ในสภาวะที่จิตใจไม่มั่นคงอยู่แล้ว จิตใต้สำนึกของเขาตั้งใจจะหนีจากความเจ็บปวดถึงได้ให้ความร่วมมือกับฉัน พาเขากลับไป ฉันจะรักษาเขาขั้นสุดท้าย”
“ใครสอนเธอน่ะ?” ศาสตราจารย์หลิวนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะใช้วิชาการสะกดจิตหลายๆแบบคล่องขนาดนี้ ใช้ได้เกิดประโยชน์ด้วย
“อาจารย์ค่ะ”
“ในสมุดบันทึกฉันเขียนไว้ด้วยเหรอ?”
“หนูเคยซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับการสะกดจิตของอาจารย์มาค่ะ”
ศาสตราจารย์หลิวงง ก่อนหน้านี้เธอเคยออกหนังสือแนวนี้ด้วยเหรอ? แต่ในมือมีหนังสือที่กำลังทำอยู่ ยังไม่ผ่านการตรวจครั้งที่สอง แล้วเด็กคนนี้รู้ได้ยังไง?
คนอื่นกำลังพาหูเหม่ยจิ้งขึ้นรถ เสี่ยวเชี่ยนยังคงยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองป้ายหลุมศพของโลนวูล์ฟอย่างเงียบๆ
“เขาคงได้นอนหลับอย่างสบายแล้วล่ะ”
“ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกหรือเปล่า อีกเดี๋ยวฉันจะสะกดจิตให้เขาลืมตัวตนตอนรักกันกับโลนวูล์ฟอีกครั้ง พอตื่นมาเขาก็จะมีบุคลิกที่สอง จากการคาดการณ์ของฉัน บุคลิกที่หนึ่งของเขาจะหายไปอย่างสิ้นเชิง ในอนาคตจะค่อยๆหลอมรวมกับบุคลิกที่สอง ผ่านไปอีกสักสิบยี่สิบปีพอเขานึกเรื่องโลนวูล์ฟออกอีกครั้ง โลนวูล์ฟที่อยู่ในใจเขาจะไม่มีอิทธิพลเท่าตอนนี้ จิตใจของเขาก็จะไปจดจ่ออยู่ที่ครอบครัวของเขาในตอนนี้”
อวี๋หมิงหลางเงียบ
เสี่ยวเชี่ยนมองป้ายหลุมศพของโลนวูล์ฟ ผู้ชายที่อยู่ในรูปใช้สายตาที่อ่อนโยนมองโลกใบนี้ เธอคาดเดาจิตใจของผู้ที่หลับใหลตลอดกาลไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาจะยอมรับในสิ่งที่เธอทำหรือเปล่า
หลังจากวันนี้ไป ในใจของหูเหม่ยจิ้งจะไม่มีอะไรติดค้างอีก หูเหม่ยจิ้งที่เคยเป็นของโลนวูล์ฟคนนี้จะหายไป เหมือนกับว่าคู่รักทั้งสองคนได้ถูกฝังอยู่ร่วมกันในอีกแบบหนึ่ง
“โลนวูล์ฟหวังว่าเขาจะมีความสุข คุณทำถูกแล้ว” อวี๋หมิงหลางพูด
เขาเข้าใจโลนวูล์ฟ สิ่งที่โลนวูล์ฟต้องการมากที่สุดก่อนตายก็คืออยากให้หูเหม่ยจิ้งใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เขียนในจดหมายให้แบ่งเงินชดเชยให้หูเหม่ยจิ้งครึ่งหนึ่ง แต่หูเหม่ยจิ้งไม่ใช่ผู้หญิงที่ปล่อยวางได้ง่ายๆ ถ้าให้เธออยู่กับบุคลิกที่หนึ่ง ชีวิตที่เหลืออยู่ก็คงต้องจมอยู่กับความทุกข์ไปตลอด
ดังนั้นวิธีของเสี่ยวเชี่ยนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดต่อหูเหม่ยจิ้งและสามีของเธอในตอนนี้ และเป็นการทำตามความต้องการของโลนวูล์ฟ
“นั่นสิ คนที่มีชีวิตอยู่ต่อต้องได้รับความสุข แต่คนที่ตายไปแล้วล่ะ…” เสี่ยวเชี่ยนมองไปที่ป้ายหลุมศพ แต่ในสมองกลับคิดถึงลูกสาว
เจ็บปวดเพราะสูญเสียคนที่รักไปเหมือนกัน หูเหม่ยจิ้งใช้โรคบุคลิกสลับขั้วหลีกหนีความจริงได้ แต่ตัวเธอกลับยอมแบกรับความเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงลูกสาว
ถ้าโรคย้ำคิดย้ำทำเป็นการลงโทษในความล้มเหลวของการเป็นแม่ ถ้าอย่างนั้นเธอยอมรับการลงโทษไปจนกว่าจะถึงวันที่ได้เจอลูกสาวอีกครั้ง เธอไม่มีทางลืมว่าตัวเองเคยได้ครอบครองนางฟ้าตัวน้อยๆแสนหวานคนนั้น
ทางเลือกนี้จิตใต้สำนึกของเธอเป็นตัวตัดสินใจ มาจากจิตวิญญาณอย่างที่ควบคุมไม่ได้
ทางเลือกสุดท้ายของหูเหม่ยจิ้งคือให้บุคลิกตัวตนที่หนึ่งของเธอถูกฝังไปกับโลนวูล์ฟในวันฝนตกนี้ นี่ก็เป็นความรักแบบหนึ่ง
เสี่ยวเชี่ยนใช้โรคย้ำคิดย้ำทำลงโทษตัวเองไม่ให้ลืมลูกสาว นี่ก็เป็นความรักเหมือนกัน
ไม่ต้องบอกว่าความรักแบบไหนลึกซึ้งกว่ากัน ไม่ต้องบอกว่าความรักแบบไหนมีค่ามากกว่ากัน บอกได้แค่ว่านิสัยเป็นตัวตัดสินโชคชะตา
“เสี่ยวเฉียง ถ้าวันหนึ่งให้นายเลือกระหว่าง ‘ลืมฉัน’ กับ ‘ความทุกข์’ นายจะเลือกอย่างไหน?”
“ไม่เลือกทั้งนั้น”
“หืม?” เสี่ยวเชี่ยนมองเขา
อวี๋หมิงหลางเอามือไปจับหน้าเธอพลางมองด้วยสายตาอ่อนโยน
“ผมจะให้คุณเป็นคนเลือก ถ้าคุณคิดว่าผมทุกข์แล้วคุณมีความสุขผมก็จะทุกข์ ถ้าคุณคิดว่าผมลืมคุณแล้วมันดีต่อคุณ ผมก็จะแสร้งทำเป็นลืมคุณ ขอแค่คุณมีความสุขเป็นพอ ถ้าวันหนึ่งผมเป็นเหมือนโลนวูล์ฟ—”
เสี่ยวเชี่ยนเอามือปิดปากเขา เขาเอามือเธอมาจูบเบาๆ
“ผมแค่อยากบอกว่า ถ้าเกิดมีวันนั้นขึ้นมาคุณจะต้องใช้ชีวิตต่ออย่างมีความสุขนะ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ‘ถ้า’อันน่าเศร้านี้ขึ้น ผมจะพยายามดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อผมคุณก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีเหมือนกัน หากพวกเราต้องแยกจากกันก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ แต่ในช่วงเวลาอันยาวนานของชีวิตนี้การได้อยู่ดูแลซึ่งกันและกันมันอาจทำให้การเดินทางของชีวิตสดใสยิ่งขึ้น ถ้าชีวิตมีทางเลือกที่ดีกว่าให้เรา แล้วทำไมเราถึงไม่พยายามเพื่อไปสู่ทางที่ดีล่ะ?”