ตอนที่ 105 แม้แต่ฝืนก็ยังทำไม่ได้

แม่สาวเข็มเงิน

ฟังหลีกาวเลี่ยงพูดเสร็จ เจียงป่าวชิงก็ส่งเสียงออกมาทางจมูกอย่างเย็นชา

 

 

 

 

 

ตอนที่นางเห็นว่าคนที่สะกดรอยตามตนเองคือหลีกาวเลี่ยง นางก็เดาได้แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับพวกท่านย่าหลีโผจื่ออย่างแน่นอน นางนั้นรู้มานานแล้วว่าพวกท่านย่าหลีโผจื่อกับท่านปู่เจียงนั้นไม่มีเส้นตายแม้แต่น้อย พวกเขาล้ำเส้นเป็นประจำ

 

 

 

 

 

หลีกาวเลี่ยงมองเจียงป่าวชิงอย่างเอาใจ “ป่าวชิง เจ้าดูสิ ถึงอย่างไรข้าก็เป็นพี่ชายของเจ้านะ ต่อไปข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ให้เรื่องนี้มัน… จบเพียงเท่านี้เถอะนะ”

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงยิ้มอย่างนุ่มนวลมาก

 

 

 

 

 

จบอย่างนั้นหรือ ?

 

 

 

 

 

ฝันไปเถอะ!

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงนั่งยอง ๆ จากนั้นก็คลำเข็มเงินที่เหลือออกมาจากระหว่างเอว นางยิ้มเยือกเย็นเล็กน้อยและแทงลงไปบนจุดฝังเข็มต่าง ๆ ของหลีกาวเลี่ยงทันที ฝีมือฝังเข็มของนางแน่นอนว่าดีมาก เมื่อเข็มถูกฝังลงไป หลีกาวเลี่ยงรู้สึกชาในบางส่วนเล็กน้อย แต่ไม่ได้เกิดอาการผิดปกติอะไร

 

 

 

 

 

แต่ปัญหาใหญ่คือตอนนี้เขากลับขยับตัวไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ความหวาดกลัวของหลีกาวเลี่ยงจึงเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว “เจ้า… เจ้ากำลังทำอะไร ? อ๊าก! เจ้าทำอะไรกับตัวข้า ?!”

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงไม่สนใจเขา นางข่มขู่เขาด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน “หากเจ้ายังไม่หุบปาก ข้าจะเหยียบปากเจ้าต่อประเดี๋ยวนี้แหละ”

 

 

 

 

 

หลีกาวเลี่ยงอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาจริง ๆ

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงปล่อยให้หลีกาวเลี่ยงนอนอยู่บนพื้นโดยมีเข็มปักไว้อยู่อย่างนั้น ส่วนนางก็ไปเด็ดสมุนไพรกับผักป่าแถว ๆ นี้ หลังจากผ่านไปสิบห้านาทีและประสิทธิภาพของเข็มเงินแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่แล้ว เจียงป่าวชิงถึงจะฮัมเพลงเดินกลับมาข้าง ๆ หลีกาวเลี่ยงอย่างเอ้อระเหย

 

 

 

 

 

หลีกาวเลี่ยงนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น เวลานี้อย่าถามเลยว่าเขารู้สึกทรมานมากเพียงใด เขาถึงขั้นสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่มีแมลงตัวเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ ปีนขึ้นมาบนใบหน้าของเขาอย่างช้า ๆ เลยทีเดียว

 

 

 

 

 

หลีกาวเลี่ยงเคยได้ยินหลีโผจื่อสาปแช่ง บอกว่าเจียงป่าวชิงเป็นตัวอัปมงคล ตอนนั้นเขายังไม่เชื่อและคิดว่าหลีโผจื่อเพียงจงใจพูดให้คนอื่นตกใจกลัวเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้เจอกับตัว เขาถึงจะรู้ว่าที่หลีโผจื่อพูดนั้นเป็นความจริง

 

 

 

 

 

ตอนที่เจียงป่าวชิงกลับมา หลีกาวเลี่ยงก็เกือบจะร้องไห้อ้อนวอนนางอยู่รอมร่อ

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงไม่สนใจเขา นางยกมือขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงเข็มเงินทั้งหมดออกมาและเก็บกลับเข้าไปที่ระหว่างเอว

 

 

 

 

 

เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดติดขัด แม้ว่าตอนนี้จะดึงเข็มออกแล้ว แต่หลีกาวเลี่ยงยังคงต้องรออีกหน่อยถึงจะสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างช้า ๆ

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงฮัมเพลง นางทิ้งเสียงก่นด่าด้วยจิตใจที่พังทลายของหลีกาวเลี่ยงไว้เบื้องหลัง นางจากไปโดยไม่มีภาระทางจิตใจใด ๆ ทั้งสิ้น

 

 

 

 

 

ไหนบอกว่าจะทำมิดีมิร้ายกับร่างกายของนางอย่างไรเล่า ? เหอะ! นางจะรอดูว่าคนที่แม้แต่ฝืนขยับกายก็ยังทำไม่ได้แบบนั้น จะทำมิดีมิร้ายกับคนอื่นอย่างไร

 

 

 

 

 

ตอนที่เจียงป่าวชิงมาถึงที่บ้าน นางก็เห็นว่าเจียงหยุนชานยังคงอ่านหนังสืออยู่ที่ริมหน้าต่างเหมือนที่นางคิดไว้จริง ๆ เจ้าเสี่ยวหวงกำลังกระโดดไล่ผีเสื้อไปทั่วลานบ้าน ส่วนเจ้าเสี่ยวป๋ายนอนร้องหงิง ๆ อยู่ในกรง คล้ายกับมันกำลังอิจฉาเสี่ยวหวงอยู่เล็กน้อย

 

 

 

 

 

ชีวิตประจำวันที่อบอุ่นเช่นนี้ทำให้หัวใจของเจียงป่าวชิงค่อย ๆ สงบลงอย่างช้า ๆ แต่ผ่านไปไม่นานรอยยิ้มของนางก็หายไป นางเห็นใบอ่อนที่งอกออกมาจากเมล็ดพันธุ์ที่ปลูกไว้เมื่อก่อนหน้านี้ถูกเจ้าเสี่ยวหวงที่กำลังไล่ผีเสื้อเหยียบย่ำจนล้มระเนระนาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงจับหลังคอของเจ้าเสี่ยวหวงและพามันไปที่ด้านข้างสวนผักนั้น จากนั้นก็ทำการสั่งสอนชนิดที่ว่าพูดจนปากเปียกปากแฉะอยู่สักพัก

 

 

 

 

 

เจ้าเสี่ยวหวงเอาแต่ร้องหงิง ๆ อยู่ตลอด มันนั้นไม่เข้าใจที่เจ้านายของมันพูดเลย

 

 

 

 

 

เจียงหยุนชานได้ยินเสียงจึงออกมาต้อนรับเจียงป่าวชิง แต่เมื่อเขาเห็นว่านางกำลังสั่งสอนเจ้าเสี่ยวหวงด้วยท่าทางจริงจัง เขาก็อดที่จะยิ้มอย่างเสียไม่ได้ “มันฟังเจ้าเข้าใจรึ ?”

 

 

 

 

 

“ฟังไม่เข้าใจก็ต้องสร้างกฎระเบียบให้มันเจ้าค่ะพี่หยุนชาน” เจียงป่าวชิงมีสีหน้ากลุ้มใจ นางปล่อยเจ้าเสี่ยวหวง มันก็รีบกระโดดหนีไปและไปวิ่งทั่วลานบ้านต่อ

 

 

 

 

 

เจียงหยุนชานฉวยตะกร้าสมุนไพรบนหลังของเจียงป่าวชิงด้วยมือขวา จากนั้นก็ช่วยนำไปวางในห้องครัวพร้อมกับพูดไปด้วย “เมื่อตอนเช้ามีคนจากบ้านข้าง ๆ มาหาเจ้าด้วย”

 

 

 

 

 

การกระทำที่กำลังทุบเอวของเจียงป่าวชิงชะงักไปทันที นางหันไปมองบ้านข้าง ๆ อย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นลานบ้านที่ว่างเปล่า นางก็ตกตะลึงไปเล็กน้อยพลางถอนสายตากลับมาราวกับว่าเพิ่งได้สติ 

 

 

 

 

 

“ใครรึ ?” นามถามผู้เป็นพี่ชาย

 

 

 

 

 

เจียงหยุนชานไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเจียงป่าวชิงเลย เมื่อเขานึกถึงฝูฉู จิตใจของเขาก็เกิดความว้าวุ่นแปลก ๆ อยู่เล็กน้อย “ก็… ก็แม่นางฝูฉูคนนั้น”

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงตั้งสติ “พี่ฝูฉูงั้นรึ ? นางมาหาข้าทำไมกัน ?”

 

 

 

 

 

“ดูเหมือนนางอยากจะไปเดินเล่นในหมู่บ้าน แต่เพราะนางไม่ค่อยคุ้นชินทางที่นี่จึงอยากเชิญเจ้าไปซื้อผักและผลไม้ด้วยกัน” เจียงหยุนชานตอบ

 

 

 

 

 

‘อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง’ เจียงป่าวชิงคิดในใจ นางบอกไม่ถูกว่าตนเองกำลังรู้สึกอย่างไรในใจ จึงเพียงแค่พูดขึ้น “เป็นเช่นนี้เอง เผอิญว่าตอนนั้นข้าออกไปแล้ว”

 

 

 

 

 

เจียงหยุนชานสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเจียงป่าวชิงดูเหมือนจะไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่นัก เขาจึงลองถามหยั่งเชิง “ป่าวชิง เจ้าไม่ชอบแม่นางฝูฉูคนนั้นหรือ ?”

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงชะงักไปทันที นางส่ายหน้า “ข้าบอกไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ” แม้จะตอบไปเช่นนั้น แต่ในใจของนางกลับคิดว่าหากพูดตามจริง ดูเหมือนว่าแม่นางฝูฉูคนนั้นจะเป็นฝ่ายที่ไม่ชอบนางเสียมากกว่า

 

 

 

 

 

เมื่อเจียงหยุนชานได้ยินว่าเจียงป่าวชิงไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับฝูฉู เขาก็รู้สึกดีใจอยู่ในใจ “ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้า หากพวกเจ้ามีโอกาสก็ออกไปด้วยกันสิ”

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงมองเจียงหยุนชานด้วยความแปลกใจเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย นางเพียงคิดว่าหากพวกนางสองคนออกไปด้วยกันก็อาจจะไม่มีความสุขสักเท่าไหร่นัก

 

 

 

 

 

เมื่อเห็นท่าทางและรูปโฉมของฝูฉูก็รู้แล้วว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้านบนภูเขา ควบคู่ไปกับการเดินกับ ‘คนดัง’ ด้วยแล้ว เกรงว่าคงจะมีเรื่องตามมาให้ปวดหัวมากมาย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กินข้าวเที่ยงกันเสร็จ เจียงหยุนชานก็เก็บถ้วยและตะเกียบ เสร็จแล้วเขาก็ไปพักผ่อน เจียงป่าวชิงหยิบปุ้งกี๋ขนาดใหญ่ออกมาวางแล้วทำการตากสมุนไพรที่เก็บมาในตอนเช้าทิ้งไว้ ในขณะที่กำลังลงมือทำก็มีคนมายืนถีบรั้วบ้านจากด้านนอก ปากก็เรียกชื่อนางเสียงดัง 

 

 

 

 

 

“เจียงป่าวชิง!”

 

 

 

 

 

แสงแดดตอนเที่ยงแยงตาเล็กน้อย เจียงป่าวชิงยกมือขึ้นมาบังแสงแดดและหรี่ตามองอยู่สักครู่ถึงจะจำได้ว่าคนคนนั้นคือใคร

 

 

 

 

 

เหอะ! นี่ไม่ใช่คนที่อยากเข้ามาในห้องนางตอนกลางดึกเมื่อตอนที่นางยังอยู่ที่บ้านตระกูลเจียงหรอกรึ ?

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงจำได้ว่าเขาคนนี้ ดูเหมือนจะมีนามว่าซุนต้าตง

 

 

 

 

 

ซุนต้าตงรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย เขาถีบรั้วบ้านอีกครั้งและตวาดเสียงดัง “เจียงป่าวชิง! เจ้าปัญญาอ่อนอีกรึอย่างไร ?!”

 

 

 

 

 

เจ้าเสี่ยวหวงแยกเขี้ยวทันที มันพุ่งไปใกล้บริเวณรั้วบ้านและเห่าซุนต้าตงคนนั้นอยู่ตลอดเวลา ส่วนเจ้าเสี่ยวป๋ายเองก็ไม่ยอมแสดงท่าทางอ่อนแอเช่นกัน มันเห่าอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกรง

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงรู้สึกพึงพอใจมาก ถึงแม้ว่าเจ้าหมาทั้งสองตัวจะยังคงเป็นลูกหมา แต่ความตระหนักในการดูแลบ้านกลับยอดเยี่ยมมาก ไม่เลวเลยจริง ๆ

 

 

 

 

 

“เจ้ามาทำไม ?” เจียงป่าวชิงขี้เกียจเดินเข้าไปหาจึงเอ่ยถามอยู่ห่าง ๆ

 

 

 

 

 

ซุนต้าตงมองไปที่บ้านข้าง ๆ อย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เมื่อเขานึกถึงความงดงามมีเสน่ห์ที่เขาเห็นในตอนเช้า เขาก็อดที่จะกลืนน้ำลายอย่างเสียไม่ได้ เขาสอบถามอยู่สักพักถึงจะรู้จากเจียงเอ้อยาว่าสาวน้อยรูปโฉมงดงามคนนั้นเหมือนจะเป็นสาวใช้ในบ้านของคุณชายร่ำรวยที่อยู่ข้าง ๆ บ้านของเจียงป่าวชิง และเจียงเอ้อยายังบอกกับเขาอีกว่าเจียงป่าวชิงรู้จักคุณชายร่ำรวยคนนั้น แต่เขาหลบซ่อนตัวเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องของเขา 

 

 

 

 

 

ซุนต้าตงจะสามารถติดต่อกับสาวน้อยรูปโฉมงดงามคนนั้นได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองล้วน ๆ

 

 

 

 

 

ซุนต้าตงรู้สึกร้อนรนในหัวใจ เขากระแอมไอในลำคอเล็กน้อย จากนั้นก็ทำสีหน้าโหดเ**้ยมใส่เจียงป่าวชิง “เจียงป่าวชิง เจ้ารู้จักบ้านข้าง ๆ ใช่หรือไม่ ?! ไป ไปเรียกสาวใช้ของเขาออกมาให้ข้า! ข้าต้องการทำความรู้จักกับนาง”

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงรู้สึกขบขันกับท่าทางอวดดีของซุนต้าตง นางหมุนตัวและเดินเข้าไปในบ้าน

 

 

 

 

 

ซุนต้าตงตะโกนเสียงดังอยู่ตรงนอกรั้วบ้าน “เจียงป่าวชิงเจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้! หากเจ้าไม่ไปเรียกสาวใช้คนนั้นออกมาให้ข้า ข้าจะป่าวประกาศไปทั่วว่าเจ้าให้ท่าข้า”

 

 

 

 

 

เจียงหยุนชานได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่ด้านนอกจึงรีบออกมาดูสถานการณ์ทันที เมื่อเห็นว่าซุนต้าตงมายุ่งกับเจียงป่าวชิงเช่นนี้ ซ้ำร้ายยังพูดจาข่มขู่อีกต่างหาก เขาก็โกรธจนหน้าเขียว

 

 

 

 

 

“จริง ๆ เลย จริง ๆ เล้ย…” เจียงหยุนชานโมโหจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เขาหันไปมองในลานบ้านว่ามีของอะไรที่สามารถหุบปากซุนต้าตงได้บ้าง

 

 

 

 

 

ทว่าในขณะนั้นเอง เจียงป่าวชิงถือน้ำมาหนึ่งกะละมัง เมื่อเดินมายืนยังจุดที่เหมาะสมแล้ว นางไม่รอช้า สาดน้ำใส่หน้าซุนต้าตงทันที