บทที่ 84 เมื่อมีที่พึ่ง ก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย

แปดสิบสี่

เมื่อมีที่พึ่ง ก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

เสวี่ยเจียเยว่คิดว่าเสวี่ยหยวนจิ้งเป็นคนฉลาด เรื่องนี้เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร

แม้ว่าพวกเขาจะมีสถานะเป็นพี่น้องกัน และต่อให้เสวี่ยหยวนจิ้งมองเธอเป็นน้องสาว ส่วนเธอก็มองเขาเป็นพี่ชาย แต่ความจริงแล้วทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด

ในขณะที่คนเป็นพี่น้องกันแท้ๆ เมื่อพี่ชายอายุสิบเจ็ดปี น้องสาวอายุสิบสองปี พวกเขาก็คงออกเรือนไปมีครอบครัวของตัวเองแล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้พี่ชายดูไหล่น้องสาวได้ตามอำเภอใจ

เสวี่ยเจียเยว่มองเสวี่ยหยวนจิ้งโดยไม่พูดอะไร จนกระทั่งเขาเอ่ยถามอีกรอบ เธอก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม

“ท่านพี่ หลายวันมานี้ข้าคิดเรื่องหนึ่งมาโดยตลอด… น้องสาวของท่านถูกขายไป และพวกเราใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในหมู่บ้านซิ่วเฟิง ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ แต่ตอนนี้พวกเราออกมาแล้ว เหตุใดไม่ไปตามหานางเล่าเจ้าคะ หากตามนางกลับมาได้ พวกท่านสองพี่น้องก็จะได้อยู่ด้วยกัน ข้าจะได้สบายใจไปด้วย”

เมื่อเสวี่ยหยวนจิ้งได้ยินประโยคนั้น แววตาของเขาก็ดุดันทันที

นี่เสวี่ยเจียเยว่กำลังเตือนว่าพวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ และเมื่อครู่นี้เด็กสาวทำตัวห่างเหินกับเขาก็เพราะเหตุนี้หรือ

ชั่วพริบตานั้นสีหน้าของเขาทะมึนลง ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับห้องและเอื้อมมือไปปิดม่านทันทีโดยไม่เอ่ยอะไร

เสวี่ยเจียเยว่นั่งนิ่งอยู่นานโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย

จากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก แล้วยกมือขึ้นปิดใบหน้าของตน

เธอรู้ว่าเสวี่ยหยวนจิ้งเป็นห่วง อยากจะดูรอยช้ำที่ไหล่และทายาให้ด้วยตัวเอง แต่เธอเป็นสตรี จู่ๆ เขาก็มาดึงเสื้อโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง เธอย่อมอับอายมาก เหตุใดชายหนุ่มถึงไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอ อีกอย่าง… แม้พวกเขาจะเรียกกันว่าพี่น้อง ทว่าในความเป็นจริงแล้วไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าการที่บุรุษดูไหล่และทายาให้สตรีที่ไม่ใช่ภรรยาจะยังไม่เป็นที่ยอมรับในยุคนี้ การหลีกเลี่ยงคำครหาน่าจะดีกว่า

เสวี่ยเจียเยว่ถอนหายใจเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินไปเรียกที่หน้าห้องของเสวี่ยหยวนจิ้ง “ท่านพี่? ท่านพี่?”

ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน แต่นั่นไม่ทำให้เสวี่ยเจียเยว่ยอมแพ้ ก่อนหน้านี้เสวี่ยหยวนจิ้งมีท่าทีเย็นชากับเธอ แต่เขาก็ยอมลดความเย็นชาลงไม่ใช่หรือ ยิ่งไปกว่านั้น เสวี่ยเจียเยว่รู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอมาก

บางครั้งมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ เหตุผลที่คนคนหนึ่งไร้ความหวาดกลัวก็คือการรู้ว่าใครอีกคนจะมีความอดทนต่อตนเองเสมอ แต่น่าเสียดาย เสวี่ยเจียเยว่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอทำตัวน่าละอายต่อหน้าเสวี่ยหยวนจิ้งมากขนาดไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอมักจะมีกิริยาสำรวม เอ่ยอะไรออกมาก็ต้องไตร่ตรอง แต่พออยู่ต่อหน้าเสวี่ยหยวนจิ้งเธอแทบไม่ได้ไตร่ตรองอันใด และสามารถทำอะไรได้ทุกอย่างตามที่ใจปรารถนา

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเธอเชื่อใจและคิดว่าจะพึ่งพาเขาได้นั่นเอง

เช่นเดียวกับตอนนี้ เมื่อเสวี่ยเจียเยว่เห็นว่าเสวี่ยหยวนจิ้งไม่ออกมาจากห้อง เธอก็กลอกตาก่อนจะร้องออกมาเสียงต่ำ “โอ๊ย” และเอ่ยอย่างน่าสงสาร “ท่านพี่ ข้าเจ็บไหล่มากเจ้าค่ะ”

ไม่นานม่านเบื้องหน้าก็เปิดออก และเสวี่ยหยวนจิ้งยืนหรี่ตามองแม่นางน้อย

เสวี่ยหยวนจิ้งมองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเมื่อครู่นี้เสวี่ยเจียเยว่โกหก เพราะนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นดูเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ราวกับแผนการชั่วร้ายของจิ้งจอกน้อยบรรลุผลแล้วก็ไม่ปาน

ชายหนุ่มกัดฟันกรอดในใจ แม้ถูกหลอกหลายครั้ง และทุกครั้งเขาก็รู้ว่าเด็กสาวโกหก แต่ยังอดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้

“ไหล่เจ้าเจ็บมากใช่หรือไม่”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของเสวี่ยหยวนจิ้งยังคงเคร่งขรึม น้ำเสียงก็เย็นชา แต่เสวี่ยเจียเยว่รู้ว่าตอนนี้เขาใจอ่อนแล้ว

หากเขาไม่ใจอ่อน เขาจะเปิดม่านออกมาทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นหรือ

เธอเอื้อมมือไปคล้องแขนเสวี่ยหยวนจิ้ง แต่ถูกเขาสะบัดออกด้วยสีหน้าเย็นชา

“เมื่อครู่มิใช่เจ้าบอกว่าพวกเราไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ หรอกหรือ แค่ข้าอยากจะดูไหล่ของเจ้าว่าเจ็บหนักหรือไม่ เจ้าก็ปฏิเสธข้า แล้วเจ้าจะมากอดแขนข้าได้อย่างไร ตอนนี้ไม่อยากหลบเลี่ยงข้าแล้วหรือ”

เมื่อได้ฟังประโยคนี้แล้วเธอก็อึดอัดใจไม่น้อย อีกทั้งยังน้อยใจด้วย

แต่เสวี่ยเจียเยว่ไม่ยอมยี่หระ เมื่อเอื้อมมือไปกอดแขนเขาแล้วถูกสะบัดออก เธอก็ไม่เอื้อมมือไปอีก เพียงแสร้งทำสีหน้าเสียใจ “ท่านพี่ นี่ท่านกำลังด่าข้าอยู่หรือ”

จากนั้นก็ยกแขนขวาของตนขึ้นมาและเอ่ยด้วยความน้อยใจ “ท่านพี่ ท่านทำข้าเจ็บนะ”

เสวี่ยหยวนจิ้งไม่เอ่ยคำใด เพียงจ้องเด็กสาวเขม็ง เสวี่ยเจียเยว่ก็ไม่เอ่ยอะไรเช่นเดียวกัน เพียงมองเขาด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา

ในที่สุดชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปลูบแก้มที่เนียนนุ่มของเด็กสาวเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจอย่างเอือมระอา

แม้จะคิดว่าเสวี่ยเจียเยว่อาจแสร้งทำให้เขาสงสาร แต่เขาก็ทำใจไม่ได้หากต้องเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย

“เจ็บตรงไหน” ใบหน้าอันหล่อเหลาของเสวี่ยหยวนจิ้งยังคงนิ่งขรึม แต่น้ำเสียงแฝงความเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว “ให้ข้าดูหน่อย”

เสวี่ยเจียเยว่เม้มริมฝีปากก่อนอมยิ้ม จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับแขนเสวี่ยหยวนจิ้งอย่างรวดเร็ว และมองเขาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “ท่านพี่ ท่านดูสิเจ้าคะ ตอนนี้ข้าจับแขนของท่านได้แล้วใช่หรือไม่ ดูซิว่าท่านจะหนีข้าไปไหนได้อีก”

ความจริงแล้วหากเสวี่ยหยวนจิ้งไม่อยากให้เด็กสาวจับแขนเขา อีกฝ่ายจะจับได้อย่างไร เช่นนั้นก็หมายความว่า… มีเพียงหัวใจเขาที่ยอมเท่านั้น

เสวี่ยเจียเยว่เข้าใจในเรื่องนี้ดี เมื่อเห็นว่าเขาไม่สะบัดออกแล้ว เธอก็ไม่ได้ล้อเล่นอีก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ท่านพี่ ที่ข้ากล่าวไปเมื่อครู่ ข้าไม่ได้อยากทำตัวห่างเหินกับท่าน ในใจของข้าท่านคือพี่ชายตลอดไป แต่ตอนนี้ข้าเองก็โตแล้วจึงรู้สึกอายไม่น้อย อีกอย่าง… ช่วงที่ผ่านมานี้ข้านึกถึงน้องสาวของท่านจริงๆ ข้าอยากตามหานางแล้วพากลับมา เพราะนางคือญาติเพียงคนเดียวของท่าน”

เสวี่ยหยวนจิ้งเห็นสีหน้าของเด็กสาวจริงจังไม่น้อย คำพูดเหล่านี้ก็คงไม่ได้โกหกเขา

ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นมาก จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้น “ต่อไปหากมีเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้ารู้สึกอายก็บอกข้ามาตรงๆ ระหว่างพวกเราเหตุใดต้องทำตัวห่างเหินเช่นนี้ ที่ไหล่ของเจ้าเจ็บในครานี้ก็เป็นความผิดข้า แรงเจ้ามันน้อยทายาเองอาจไม่ได้ผล ให้ข้าทาให้เจ้าแล้วมีอันใดให้อายกัน หรือว่าข้ามิใช่คนใกล้ชิดที่สุดของเจ้า”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคนที่ใกล้ชิดกันที่สุดนั้นคือคู่สามีภรรยา ซึ่งจะปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจและไม่เขินอายได้ ดังนั้นเมื่อเสวี่ยเจียเยว่ออกเรือนไปแล้ว หากมีเรื่องเช่นนี้อีก เจ้าตัวจะเขินอายต่อหน้าสามีหรือไม่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะกระทำอะไรที่ใกล้ชิดกันที่สุดแล้วก็ตาม…

พอความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เลือดในกายเสวี่ยหยวนจิ้งก็เดือดพล่านทันที สองมือพลันกำแน่น ความอิจฉาระอุอยู่ในหัวใจ

อิจฉาบุรุษที่จะได้เป็นสามีของเสวี่ยเจียเยว่ เพราะแม่นางผู้นี้จะใกล้ชิดกับสามีของตนมากกว่าเขา เพียงแค่คิดเขาก็ทำใจไม่ได้

แต่เขารู้ดีว่าการที่ตนคิดเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง เพราะถึงอย่างไรเสวี่ยเจียเยว่จะต้องออกเรือน เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งชีวิตนี้จะไม่แต่งงานกับใครสักคน

เสวี่ยหยวนจิ้งพยายามข่มความอิจฉาเอาไว้ แต่สีหน้าของเขายังคงเคร่งขรึม ดวงตาคู่นั้นก็แฝงไปด้วยความเดือดดาลและโหดเหี้ยม

ชายหนุ่มไม่อยากให้เสวี่ยเจียเยว่เห็นเขาเป็นเช่นนี้ จึงหลุบตามองกระโปรงยาวของอีกฝ่าย

ชายกระโปรงปักลายดอกโบตั๋น ซึ่งเสวี่ยเจียเยว่เป็นคนปักด้วยตัวเอง หลังจากเรียนปักผ้ากับป้าโจวอยู่นาน ฝีมือของเด็กสาวก็ดีขึ้น ฝีเข็มสม่ำเสมอ ลวดลายดอกไม้เต็มไปด้วยความงดงามและมีชีวิตชีวา

เหมือนกับเจ้าตัวที่สดใสอยู่ตลอดเวลา

“ท่านพี่ แน่นอนว่าตอนนี้ท่านเป็นคนที่สนิทที่สุดของข้า ท่านวางใจเถอะ ต่อไปหากมีเรื่องอะไร ข้าจะบอกท่านเป็นคนแรกเลยเจ้าค่ะ” เสวี่ยเจียเยว่กล่าว

เมื่อเสวี่ยหยวนจิ้งได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์มากขึ้น

ตอนนี้เขาคือคนที่เสวี่ยเจียเยว่สนิทสนมที่สุด แต่ต่อไปหากอีกฝ่ายมีสามีเล่า เกรงว่าตอนนั้นเขาคงจะอยู่ในตำแหน่งรั้งท้ายเลยกระมัง ส่วนคำว่าหากมีเรื่องอันใดจะบอกเขานั้น ชายหนุ่มรู้ดีว่าเด็กสาวกำลังโกหก อย่างเรื่องตัวตนที่แท้จริง เสวี่ยเจียเยว่ก็ไม่เคยบอกเขาแม้แต่ประโยคเดียว แต่เขาแค่ปล่อยผ่านไปเท่านั้น

ไม่ว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายจะมีฐานะสูงส่งเป็นถึงองค์หญิง หรือลำบากเป็นขอทาน แม้กระทั่งไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นปีศาจ ในใจเขาก็ยังคงทะนุถนอมเด็กสาวเหมือนสิ่งล้ำค่าดังเดิม แน่นอนว่าต่อไปเขาก็ต้องหาคนที่รักและทะนุถนอมเสวี่ยเจียเยว่เหมือนสิ่งล้ำค่าเช่นกัน ถึงจะสามารถวางใจให้แม่นางผู้นี้ออกเรือนกับคนผู้นั้นได้

หลังจากคิดไตร่ตรองแล้ว เสวี่ยหยวนจิ้งก็มองเสวี่ยเจียเยว่ ราวกับว่าคนที่หัวใจเต็มไปด้วยความอิจฉาและโมโหเมื่อครู่นั้นไม่ใช่เขา

เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กสาวเบาๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เรื่องน้องสาวข้า อันที่จริงข้าก็เริ่มถามใครๆ ตั้งแต่เข้าเรียนในสำนักศึกษาแล้ว ทั้งยังเคยไหว้วานคนให้ออกไปตามหานอกเมือง แต่คนที่ขายนางออกไปตอนนั้น ข้าไม่เคยเห็นหน้า ชื่อเขาและที่อยู่ข้าก็ไม่รู้ ส่วนน้องสาวข้าตอนนั้นอายุยังไม่ถึงสี่ขวบ เกรงว่านางคงจำอะไรไม่ได้ มีผู้คนมากมายในใต้หล้า การตามหาคนเช่นนี้เกรงว่าคงยากเหมือนงมเข็มในทะเล สองปีมานี้ข้าไม่ได้รับข่าวใดๆ ทั้งสิ้น ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า อันที่จริงในใจข้าคิดว่าชาตินี้คงหาตัวนางไม่พบอย่างแน่นอน”

เขายิ้มให้เสวี่ยเจียเยว่ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ถ้าเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าก็จะหาต่อไป ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่ยอมแพ้ หวังเพียงว่าท่านแม่ที่อยู่บนสวรรค์จะช่วยให้ข้าและน้องสาวกลับมาพบกันอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่ได้พบ ก็ขอให้ข้าได้รู้ว่านางยังมีชีวิตที่ดี”

รอยยิ้มของเขาแฝงความเศร้าหมอง เมื่อเสวี่ยเจียเยว่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดใจไม่น้อย

“ใช่เจ้าค่ะ” เธอกอดแขนข้างที่เขากำมือแน่น และเอ่ยเสียงต่ำทว่าหนักแน่นยิ่งนัก “ท่านจะได้อยู่พร้อมหน้ากับน้องสาวแน่นอน”