บทที่ 106 พ่อสื่อพ่อชัก
“แน่นอน กัปตันจาง ท่านยังจดจำชื่อกัวเหลียงได้หรือไม่” เฉินเฉียงได้หันไปถามจางหยวน
“กัวเหลียงเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนสิ เขาเองก็เป็นน้องชายที่ดีคนหนึ่งของข้า ถึงแม้ตอนนั้นเราไม่ได้อยู่ในทีมภารกิจเดียวกันแต่เราก็มีความสัมพันธ์อันดี”
“เดี๋ยวนะ เจ้าอย่าบอกนะว่าหมอนั่นจะมาเข้าร่วมกับกองกำลังของเราน่ะ”
“ฮี่ฮี่ฮี่ ศิษย์พี่กัวและข้าเองต่างก็อยู่ในการสั่งสอนของอาจารย์ฮู่ต้าไฮ่ เขาบอกเรื่องที่จะเข้ากองกำลังนี้กับตัวข้าเอง”
“แล้วถ้าศิษย์พี่กัวมาแล้วมีหรือที่ศิษย์พี่หนี่เฟิงจะปล่อยเขาน่ะ”
“ก็จริง ถึงแม้ว่ากัวเหลียงจะมาเพื่อไว้หน้าข้า แต่ยังไงซะหนี่เฟิงย่อมไม่ยอมปล่อยเขา และหากดึงเธอมาเข้าร่วมได้ นี่จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ”
“ไม่เพียงแค่นั้นนา….ฮี่ฮี่ฮี่ ยังมีคนที่อยากเข้าร่วมอีก” เฉินเฉียงยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย “กัปตันจาง เท่าที่ข้ารู้มาหญิงนางหนึ่งจากสำนักเต่าดำที่หมายมั่นปั้นมือว่าไม่ว่ายังไงก็จะเข้าร่วมกองกำลังนี้ให้ได้ ท่านพอจะรู้จักเธอรึเปล่าน้อออออ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องชายเฉิน เรื่องนี้ข้ารู้ดีเลย” หลังจากฟังการพูดคุยกันนี้ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกมาจากข้างหลังอย่างดังลั่น “ตอนที่กัปตันของเราเข้ามาใหม่ๆนั้นน่ะ พวกเราทุกคนต่างก็ได้ยินกัปตันละเมอออกมาได้ทุกค่ำคืน”
“ตอนนั้นเหมือนกัปตันจะเรียกชื่อว่า…เอ่อออออ ซวนเอ๋อนะ ใช่รึเปล่าน้องเฉิน”
เพียงหลิวไฮ่พูดจบ คนอื่นๆก็หัวเราะกันดังลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า คุณนายของกัปตันจะมาแล้วโว้ย สุดยอดไปเล้ยยยยย”
จางหยวนที่พลันนึกถึงใบหน้าอันแสนน่ารักน่าทะนุถนอมขึ้นมาได้อีกครั้งก็ได้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงหลังจากถูกหัวเราะแซวจนลั่น เขารีบดึงเสื้อของเฉินเฉียงเข้ามาใกล้และถามออกมา “นี่เจ้ารู้จักซวนเอ๋อด้วยรึ เธอบอกจริงๆเหรอว่าเธอจะมาที่นี่น่ะ”
เฉินเฉียงได้หมุนตัวสลัดมือของจางหยวนออกไปไกลและพูดออกมาด้วยเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ “กัปตัน ข้าไม่รู้จักซวนเอ๋อนา… ข้ารู้จักแต่หลิวซวนเอ๋อที่อยู่แผนกอัคคี ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคนเดียวกับที่ท่านพูดรึเปล่าอ่ะนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เพียงสิ้นเสียงเฉินเฉียง ทุกคนในกองกำลังก็หัวเราะกันดังลั่นอีกครั้ง
“เฉินเฉียง จะหนีไปไหนไอ้เด็กเปรต”
เมื่อเห็นเฉินเฉียงเริ่มวิ่งออกไป จางหยวนที่ยืนนิ่งเพราะอับอายก็เริ่มที่จะไล่ตาม
“กัปตันจาง ท่านแน่ใจนะว่าจะจับข้าได้………………………………………”
ในตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนห่างกันไปเรื่อยๆจนเฉินเฉียงได้ลับสายตาไป เหลือทิ้งไว้แต่เสียงสะท้อนที่ทิ้งไว้ นี่เองก็ทำให้ทุกคนหัวเราะดังลั่นอีกครั้ง
ภารกิจที่หลินเฟิงมอบหายให้กองกำลังเทียนเว่ยในครั้งนี้ช่างง่ายดายและไม่แม้แต่พบพานสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่ง
ยังไม่ถึงสามวันดี พวกเขาทั้งเก้าก็มาถึงเขตกันหนันท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ดังลั่น
ในเขตตึกจอมพลแห่งเมืองเหมันต์จันทรานั้นยังพอได้พบเจอกับสัตว์ประหลาดที่บุกจู่โจมอยู่บ้าง แต่กับตึกจอมพลแห่งเขตกันหนันนี้ต่างออกไป ถึงแม้ว่าตึกจอมพลแห่งนี้จะตั้งอยู่ในพื้นที่ราบอย่างสมบูรณ์เพราะอยู่ในเขตภาคกลาง แต่นั่นกลับทำให้เป็นสถานที่ปลอดภัยยิ่งกว่าพื้นที่รอบตึกจอมพลเหมันต์จันทราซะอีก
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ทุกๆคนกลับตื่นตัวมากกว่าก่อนหน้านี้เพื่อเกิดกรณีที่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น
นับจากเข้าเขตกันหนัน ตลอดระยะทางสองร้อยไมล์ก่อนถึงตึกจอมพลนั้นพวกเขาได้พบด่านตรวจเฝ้าระวังมากมายที่ปรากฏอยู่ในทุกๆยี่สิบหรือสามสิบไมล์ เพื่อป้องกันการโจมตีจากสัตว์ประหลาดและมนุษย์กลายพันธุ์
ที่หน้าประตูเขตเมืองของตึกจอมพลแห่งกันหนันที่มีกำแพงสูงชั้นนั้น เฉินเฉียงได้พูดยุยงออกมาอีกครั้ง “กัปตันจาง ในเมื่อเราเข้าเขตเมืองแล้วเราก็ควรจะดูของที่อยู่ในแหวนที่ผู้การให้มาส่งได้แล้วสินะ”
จางหยวนยิ้มออกมาแต่ไม่พูดอะไร แต่คนที่พูดเป็นกลับเป็นเหรินหมิง
“น้องชายเฉินเฉียง พวกเราทุกคนต่างก็สงสัยเรื่องนี้ไม่น้อยไปกว่าเจ้าหรอกนะ เฮ้อออ ถึงพวกข้าจะส่งของให้ท่านผู้การมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี”
“แต่ก็อย่าได้ดูแคลนความลึกลับของท่านผู้การเป็นอันขาด เขาเป็นคนที่พวกเราไม่อาจเข้าถึงได้ ดีไม่ดีเขาอาจจะติดตามดูเราอยู่ด้วยซ้ำ”
เมื่อเฉินเฉียงได้ยินก็รีบเงียบปากลงในทันใด
ดูเหมือนว่าคนอื่นในกองกำลังจะส่งของให้ผู้การบ่อยและแอบดูจนโดนลงโทษไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน
หลังจากเข้าเขตเมืองของกันหนันได้แล้ว เฉินเฉียงก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับฉากที่เห็น
เมื่อตอนที่เขาเห็นเขตเมืองของตึกจอมพลเหมันต์จันทราแล้ว เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับตึกจอมพลแห่งเขตกันหนันแห่งนี้ ที่นี่ดูสงบสุขมากกว่า
ถนนภายในเขตเมืองนี้ดูกว้างขวาง สองข้างทางมีรั้วรอบขอบชิดจัดสรรกันเป็นอย่างดี ที่นี่มีร้านอาหารแบบสองไม่ก็สามชั้น แถมยังมีการโฆษณาเกี่ยวกับการขายอาวุธและสมบัติอื่นๆ
เมื่อเห็นเฉินเฉียงนั้นทำท่าราวกับบ้านนอกเข้าเมือง จางหยวนเองก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “ที่นี่คือตึกจอมพลในพื้นที่ภาคกลางล่ะนะ แน่นอนว่าย่อมดูโอ่อ่ามากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“หลังจากส่งของเสร็จแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปหาอะไรกินดีๆสักมือ จะได้มาไม่เสียเที่ยว”
“โว่โว่โว่ น้องชายเฉินเฉียงฟังกัปตันพูดเข้าสิ ร้านอาหารที่นี่หรูหรามากเลยนะ แถมยังมีเนื้อสัตว์ประหลาดมากมายที่เจ้าเองก็น่าจะไม่เคยพานพบ พวกมันล้วนแล้วแต่อร่อยทั้งนั้น”
“เอ้อพูดถึงเนื้อแล้ว เหล้านั่นชื่อว่าอะไรนะ อันที่มันหอมๆนุ่มๆลิ้นนั่นน่ะ ตอนข้าหลับตาแล้วนึกชื่อมัน ข้ายังจดจำรสละมุนของมันที่ปลายลิ้นได้อยู่เลย ชักทนไม่ไหวซะแล้วสิ คราวนี้ข้าจะฟาดให้เรียบวุธเลยคอยดู”
เฉินเฉียงเองก็อดจะคิดตามที่คนในกองกำลังพูดคุยกันไม่ได้
พวกเขาทั้งเก้าคนได้เดินผ่านถนนมาอีกเล็กน้อยก็ได้มายืนอยู่หน้าประตูที่มีกำแพงสูงใหญ่และสวนที่กว้างขวาง
“โปรดไปรายงานให้ท่านผู้การทราบว่าหลินเฟิงแห่งตึกจอมพลเหมันต์จันทรามีของมาให้”
เมื่อทหารยามที่ประตูได้รับใบเปิดทางจากจางหยวนก็รีบวิ่งเข้าไปข้างใน
“กัปตันจาง เขตกันหนันแห่งนี้มีผู้การอยู่เท่าไหร่กัน”
จางหยวนได้มองไปที่เฉินเฉียงด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะยิ้มและพูดออกมา “มีเพียงหนึ่งเดียว และนั่นคือกองกำลังของผู้การแห่งกันหนันผู้ซึ่งทรงพลังที่สุดในที่แห่งนี้”
“ฮะ นี่…”
ก่อนที่เฉินเฉียงจะได้พูดอะไร จางหยวนก็ได้เอามือปิดปากของเฉินเฉียงไว้ก่อน และหันไปมองรอบๆ รวมถึงทหารยามที่ประตูอีกคนหนึ่ง
“ระวังไว้ด้วยนะเว้ย อย่าได้พูดชื่อของผู้การออกมาเป็นอันขาด”
เฉินเฉียงได้ปิดปากเงียบในทันทีเมื่อได้เห็นว่าทหารยามหรี่ตามองเขาอย่างเขม็ง
งั้นนี่ก็คือบ้านของเว่ยฉิงเชินน่ะสิ
เฉินเฉียงที่ตอนนี้กำลังมองลึกเข้าไปในกำแพงที่ตัดผ่านสวนไปแล้วนั้นก็พลันมีภาพของสาวน้อยชุดขาวที่เขาได้พานพบในเขตแดนหมอกโลหิตลอยขึ้นมาอยู่ในใจ
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ท่านผู้การขอเชิญทุกท่านให้เข้าไป โปรดตามข้ามา”
เฉินเฉียงได้ตามคนอื่นๆเข้าไปยังสวนตระกูลเว่ย(ตึกจอมพล)
และยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ เฉินเฉียงก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าผู้การคนนี้ยิ่งไม่ธรรมดาเข้าไปอีก
เพราะเพียงแค่ส่วนของสวนนี้ก็ใหญ่กว่าตึกจอมพลถึงสามเท่าเห็นจะได้
แถมข้างในนี้ยังมีสถาปัตยกรรมมากมาย ทั้งน้ำพุ และสวนที่สวยสง่าตลอดทาง
แม้แต่คนรับใช้เองก็ยังมีระดับขึ้นต่ำอยู่ที่ระดับทหารขั้นสูง
เอาจริงๆแล้วเขารู้สึกว่าแค่ได้เป็นเพียงคนรับใช้ในบ้านผู้การแบบนี้ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
หลังจากเดินไปกว่าสิบนาที ทหารยามก็ได้พาจางหยวนและคนอื่นๆมายังห้องห้องหนึ่ง
“รายงานท่านผู้การ ผู้ส่งสารจากตึกจอมพลเหมันต์จันทราได้มาถึงแล้ว”
และแทบจะในทันที เสียงอันก้องกังวานได้ดังมาจากด้านในห้อง “โอ้ รีบให้พวกเขาเข้ามา”
ประตูได้เปิดออกและจางหยวนได้ก้าวเข้าไปคนแรก ตามด้วยเฉินเฉียงและคนอื่นๆที่เดินตามไปแบบติดๆ
ทันทีที่พวกเขาได้เข้าไป กลิ่นของหนังสือก็ได้ลอยมาจนเตะจมูกและทำให้ทุกคนรู้สึกสงบใจลงได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า จางหยวน เจ้านี่เอง มา รีบมานั่งลงก่อน”
ชายวัยกลางคนอายุกว่าห้าสิบปีที่ดูผอมเพรียวได้ผายมือออกชี้ชวนให้นั่ง
“จางหยวนและคนในกองกำลังเทียนเว่ยแห่งตึกจอมพลเหมันต์จันทราขอแสดงความเคารพต่อท่านผู้การเว่ย”
ภายใต้การนำของจางหยวน เฉินเฉียงและคนอื่นๆได้ทำตามและก้มหัวทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง