บทที่ 106 แผนการที่ไม่อาจตามการเปลี่ยนแปลงได้

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 106

แผนการที่ไม่อาจตามการเปลี่ยนแปลงได้

หลินซีเหยียนได้ยินเสียงเบาๆขึ้นมาในหูของนาง ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล จากนั้นพวกเขาก็ได้พากันกลับไปยังจวนมหาเสนาบดี

“คุณหนูเจ้าคะ มีปัญหาเกิดขึ้นที่โรงเตี๊ยมซื่อฟางเจ้าค่ะ” หลินซีเหยียนที่กลับเข้ามาได้สักพัก จิ่งชุนก็ได้เข้ามาหานาง “นายน้อยได้ออกไปจัดการแล้วเจ้าค่ะ”

“เกิดอะไรขึ้นรึ?” หลินซีเหยียนถามอย่างใจเย็น ถึงแม้ว่านางจะกังวล แต่นางก็เชื่อในความสามารถของเทียนเอ๋อ

“กิจการของโรงเตี๊ยมซื่อฟางนั้นรุ่งเรืองมาก จึงมีพวกอันธพาลมาก่อปัญหา พวกเขาทำลายโต๊ะกับเก้าอี้ในโรงเตี๊ยมและขโมยเหล้าไปเจ้าค่ะ” จิ่งชุนก็ได้เล่าทั้งหมดที่นางรู้ให้ หลินซีเหยียนฟัง แล้วก็ได้ถามอย่างกระวนกระวาย “คุณหนูเจ้าคะ ข้าน้อยเป็นห่วงนายน้อยเจ้าค่ะ”

หลินซีเหยียนจึงได้ตบหลังนางเบาๆปลอบ ถ้าเป็นแค่กลุ่มอันธพาลคงไม่สามารถทำอะไรเทียนเอ๋อได้แน่ แต่ก็อาจจะมีโอกาสสัก 1 ในหมื่นที่อาจจะเกิดอะไรขึ้นได้ หลินซีเหยียนจึงได้กล่าว “จิ่งชุนเจ้ารออยู่ที่เรือนนะ เดี๋ยวข้าจะออกไปดูเสียหน่อย”

จากนั้นหลินซีเหยียนกับเจียงหวายเย่ก็ได้ไปที่โรงเตี๊ยมซื่อฟาง นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหวายเย่ได้มาที่โรงเตี๊ยมของ เทียนเอ๋อหลังจากที่ผ่านไปนาน

เขาพบว่าโรงเตี๊ยมนั้นได้ถูกแบ่งออกเป็นสี่ชั้น โดยชั้นแรกจะเป็นร้านน้ำชา, แล้วที่ชั้นสองจะเป็นร้านอาหาร, ที่ชั้นสามจะเป็นห้องพัก, และขายพวกเสื้อผ้า, เครื่องเพชร และพวกเครื่องสำอางในชั้นสี่

เป็นแค่โรงเตี๊ยมเล็กๆแต่กลับพร้อมสรรพขนาดนี้ ทำให้เจียงหวายเย่ถอนหายใจให้กับหัวการค้าของเทียนเอ๋อ ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นเขาก็ได้เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เพราะเขาได้ยินเสียงดังมาจากชั้นสี่

“ไอ้เด็กเวร ข้าแนะนำให้เจ้าทำตัวดีๆและมอบโฉนดของที่นี่มาโดยดีจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าพังที่นี่ให้ราบเลยทีเดียว” มีชายหยาบกร้านที่ถือขวานสองคมอยู่ในมือและยังมีหนวดเฟิ้มที่บริเวณคาง และเสียงของเขาก็กังวานราวกับระฆัง

เทียนเอ๋อผู้ที่มีร่างกายตรงกันข้ามกับร่างกายใหญ่ยักษ์ของเขาโดยสิ้นเชิง และยืนอยู่ตรงข้ามชายคนนั้นอย่างหนักแน่น ถึงแม้ว่าร่างกายของเขานั้นจะเล็ก แต่ก็ไม่มีโค้งงอ

คนหนึ่งใหญ่กับคนหนึ่งเล็ก ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากันโดยไม่มีใครยอมใครเลยแม้แต่น้อย

“ร้านนี้เป็นของข้า ถ้าคิดว่าจะมาขอจากข้าไปฟรีๆแล้วล่ะก็ เลิกคิดไปได้เลย” คนตัวเล็กแต่กลับมีความคุกคามและเต็มไปด้วยความหนักแน่นเมื่อเผชิญหน้ากันเหล่าอันธพาลที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาหลายเท่า

“เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ข้าจะทำให้เจ้าต้องรู้จักความลำบากของความเป็นจริงหน่อยแล้ว” ชายร่างใหญ่ก็ได้เหวี่ยงขวานสองคมของเขา แล้วจากนั้นก็สั่งคนอื่นๆ “เด็กๆ จัดการสั่งสอนให้เจ้าเด็กนี่รู้ว่าใครเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่หน่อย”

เผชิญหน้ากับเหล่าคนตัวใหญ่ที่บุกเข้ามาราวกับหมาป่าออกหาอาหารนั้น ปากของเทียนเอ๋อนั้นยังคงยิ้มได้อยู่ซึ่งดูผิดกับอายุของเขา “คิดเหรอว่าพวกคนที่ดีแต่รังแกคนอ่อนแอกว่าอย่างพวกเจ้า จะมาทำให้นายน้อยคนนี้กลัวได้น่ะ?”

ถึงแม้เทียนเอ๋อจะยังเด็กแต่ก็ไม่อาจทำให้เขากลัวได้ เมื่อเทียนเอ๋อได้สะบัดแขนสั้นๆของเขาและรอให้ศัตรูเข้ามาใกล้เขา ทำให้หลินซีเหยียนกับเจียงหวายเย่ต่างก็กลั้นหายใจ

“เจ้าตัวแสบนี่ไม่มีสมองรึยังไง? ขนาดนี้แล้วยังจะทำเป็นเก่งอีกเหรอ?” หลินซีเหยียนด่าเขาแล้วรีบวิ่งเข้าไป

ดวงตาของเจียงหวายเย่นั้นดำมืดมากขึ้นไปอีก ด้วยความสามารถของเทียนเอ๋อแล้วมันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับคนพวกนี้ได้ แต่เจียงหวายเย่ก็รู้ดีว่าเทียนเอ๋อนั้นจะต้องมีแผนการบางอย่างซ่อนอยู่เป็นแน่ เขาจึงได้ยืนมองดูอยู่ห่างๆก่อน หากว่าเป็นอันตรายจึงค่อยเข้าไป

ในขณะที่เหล่าคนตัวใหญ่กำลังเข้าใกล้เทียนเอ๋อ เทียนเอ๋อก็ได้ขว้างผงสีแดงเต็มกำมือใส่คนเหล่านี้ และผงเหล่านี้ก็ได้ปล่อยกลิ่นที่รุนแรงออกมา

“กลิ่นสังหาร?” เมื่อหลินซีเหยียนได้กลิ่นนางก็ได้รีบถอยห่างทันที เพราะนางรู้ดีว่าเทียนเอ๋อนั้นโปรยอะไรออกมา มันเป็นตัวยาที่นางเคยทำเสีย และกลิ่นของมันก็รุนแรงมาก มากเสียจนทำให้คนสลบได้

ในตอนที่นางทำยาที่ผิดพลาดนี้ขึ้นมา ห้องปรุงยานั้นเหม็นตลบอบอวลอยู่ในห้องเป็นเวลา 3 วัน กลิ่นถึงได้เริ่มจางหายไป หลินซีเหยียนจึงตั้งชื่อให้ในภายหลังว่า “กลิ่นสังหาร”

“จำได้ว่าเราทิ้งยาขวดนี้ไปแล้วนี่นา ทำไมถึงได้ไปอยู่กับเทียนเอ๋อได้?” หลินซีเหยียนคิ้วขมวด และอุดจมูกกับปากของนาง ในขณะที่มีคนเหล่านั้นก็เริ่มสลบเหมือด แล้วจากนั้นผู้คนในร้านที่เหลือต่างก็พากันวิ่งหนีตายออกมาจากโรงเตี๊ยมซื่อฟางอย่างรวดเร็ว

หลินซีเหยียนรีบหายใจเอาอากาศที่บริสุทธิ์อย่างรวดเร็วขณะที่ออกมาข้างนอก แล้วจากนั้นเสียงของเทียนเอ๋อก็ได้ดังเข้าหูของนาง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ท่านแม่ ท่านทำยาที่เหม็นขนาดนี้ออกมาได้อย่างไร?”

“ยังจะกล้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ เจ้าไปเอายาที่แม่ทำเสียมาใช้ได้อย่างไร?” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างดุดัน และดึงหูของเทียนเอ๋อไปด้วย

เทียนเอ๋อที่ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ก็ได้พูดขึ้นมา “ท่านแม่ แล้วต่อจากนี้จะมีลูกค้ากลับมาที่โรงเตี๊ยมซื่อฟางของข้าอีกไหม?”

…………

แน่นอนว่าคงยังไม่มีใครมาในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้แน่ หลังจากนี้สามวันเมื่อกลิ่นหายไปหมดแล้วโรงเตี๊ยมซื่อฟางถึงจะกลับมาเปิดให้บริการได้

หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้พูดเช่นนี้ออกไป แต่เทียนเอ๋อก็พอจะรู้ได้ในใจ แล้วใบหน้าเล็กๆของเขาก็ได้ย่นแล้วกล่าว “ท่านแม่ เราไปแจ้งกับทางการกันเถอะ ปล่อยให้ทางการไปลากตัวพวกเขา!”

หลินซีเหยียนก็ผงกหัว เพราะดูเหมือนจะเป็นวิธีเดียวในการจัดการกับเรื่องนี้

ปากของเจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย และมองดูการคุยกันของสองแม่ลูกที่อยู่ตรงหน้าเขา แล้วสีหน้าของเขาก็ได้อ่อนโยนลง

จนกระทั่งหมดวัน หลินซีเหยียนก็ได้กลับไปที่จวนมหาเสนาบดีอย่างหมดเรี่ยวแรง ทันทีที่นางกลับมาถึงจวนมหาเสนาบดี ก็ได้ยินเสียงผู้คนกำลังพูดอะไรบางอย่างกัน แต่ก็หยุดพูดคุยกันทันทีเมื่อเห็นหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนที่กลับมาถึงเรือนเชียนเหยียน แล้วก็ได้ยินจิ่งชุนกับรั่วฉุ่ยคุยกัน “พี่จิ่งชุน ท่านมหาเสนาบดีจะแต่งตั้ง ฮูหยินสี่ให้เป็นอนุจริงๆเหรอเจ้าคะ?”

“ข้าก็รู้มาไม่มากเหมือนกัน แต่ข้าได้ยินมาว่าดูเหมือนว่าเด็กในท้องของฮูหยินสี่นั้นกำลังจะคลอดแล้ว นายท่านจึงได้อยากเลื่อนฐานะของนางน่ะ” จิ่งชุนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็พูดออกมา

รั่วฉุ่ยก็ได้ผงกหัวและอยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกขัดโดยหลินซีเหยียนเสียก่อน “ท่านมหาเสนาบดีหลินจะเลื่อนตำแหน่งของเฉิงเหยียนอย่างนั้นเหรอ?”

จิ่งชุนก็ได้ผงกหัว “มีท่านหมอมาจับชีพจรให้ฮูหยินสี่แล้ว และบอกว่าเด็กที่อยู่ในท้องอาจจะเป็นผู้ชายเจ้าค่ะ นายท่านจึงยินดีมากและวางแผนที่จะเลื่อนตำแหน่งนางทันที”

เรื่องก็เป็นแบบนี้นี่เอง นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฮูหยินอวี้ถึงได้อาฆาตมาดร้ายนัก แต่แผนการของนางคงไม่อาจตามการเปลี่ยนแปลงได้แน่ ด้วยการปรับเปลี่ยนของหลินซีเหยียนแล้ว แผนการของฮูหยินอวี้ก็จะไม่สำเร็จผลแน่นอน

“จิ่งชุนเจ้าไปที่เรือนเล็กของฮูหยินสี่นะ แล้วบอกกับนางว่าข้านั้นอยากที่จะไปวัดต้าเปยกับนางเพื่อไหว้พระด้วย ไม่ทราบว่าฮูหยินสี่จะยินดีไปด้วยกันหรือไม่?” แล้วแววตาเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหลินซีเหยียน อย่างไรเสียศัตรูของศัตรูก็คือมิตร

จิ่งชุนก็สงสัยขึ้นมานิดหน่อย แต่นางก็ได้ออกไปทันที

“ท่านแม่ ท่านไม่เชื่อในเรื่องเทพเซียนไม่ใช่เหรอ?” เทียนเอ๋อก็เอามือจับหัวของเขาและมองไปที่แม่ของเขาด้วยสายตาแปลกๆ

หลินซีเหยียนก็ได้ลูบหัวน้อยๆของเทียนเอ๋อ “แม่ของเจ้าไปที่วัดต้าเปยเพื่อไปทำธุระเท่านั้น ไม่ได้ไปไหว้พระหรอก”

เทียนเอ๋อก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็ได้คิดอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็ได้กอดแขนของหลินซีเหยียนแล้วกล่าว “ท่านแม่ เทียนเอ๋ออยากที่จะทำเครื่องเพชรเฉพาะร้านขึ้นมา แต่เทียนเอ๋อยังคิดไม่ออก ท่านแม่ที่ทั้งฉลาดและงดงามช่วยข้าหน่อยนะขอรับ?”

“แม่ของเจ้าไม่รู้วิธีออกแบบหรอกนะ!” หลินซีเหยียนรีบผลักออกไปไกลๆ อย่างไรเสียนางก็ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ นางจึงไม่มีเวลาที่จะมายุ่งกับเทียนเอ๋อ

แต่เทียนเอ๋อก็เหมือนจะรู้ว่าหลินซีเหยียนนั้นคิดอะไรอยู่ เขาจึงได้กล่าวอย่างโมโห “ท่านแม่ก็แค่ไม่อยากจะช่วยเทียนเอ๋อ ไหนท่านแม่บอกว่าท่านทำได้ทุกอย่างไง?”