ไม่!
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
การวินิจฉัยของนางไม่มีทางผิดพลาด
ตอนนี้ยังพอมีเวลาช่วยเหลือฮั่วซืออวี่
ซูจิ่นซีผลักฮั่วอวี้เจียวออกไปและรีบไปที่ห้องนอนของฮั่วซืออวี่อีกครั้ง
คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะไม่มีผู้ใดขัดขวางนาง
ซูจิ่นซีผลักประตูเปิดห้องนอนของฮั่วซืออวี่ เสียงดัง “ปัง”
ในห้องมีแม่นมสองคนกำลังเปลี่ยนชุดฝังศพให้ฮั่วซืออวี่พวกนางหันใบหน้ามองมายังซูจิ่นซีด้วยความงุนงง
“ออกไป! ”
ซูจิ่นซีกล่าวอย่างเย็นชา
แม่นมไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร
“ออกไป! ”
ซูจิ่นซีเน้นย้ำอีกครั้ง
พระชายาโยวอ๋องช่างดุเสียจริง!
ที่นี่คือจวนสกุลฮั่ว พวกนางจึงต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นนาย ทว่าในเมื่อผู้เป็นนายไม่อยู่ พวกนางจึงไม่กล้าขัดคำสั่งของพระชายาโยวอ๋อง ดังนั้นจึงทำตามเจตนาของซูจิ่นซีและรีบเดินออกประตูไป
ซูจิ่นซีไม่สนใจด้วยซ้ำว่าแม่นมยังสวมเสื้อผ้าให้ฮั่วซืออวี่ได้ไม่เรียบร้อย นางรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจชีพจรของฮั่วซืออวี่
คาดไม่ถึงว่าชีพจรได้หยุดลงแล้ว
ซูจิ่นซีตกใจมาก
ทว่านางยังไม่ถอดใจ ยังคงจับชีพจรเส้นเลือดใหญ่ที่คอของฮั่วซืออวี่อย่างมีความหวัง
อาจมีบางครั้งที่ชีพจรเต้นเบาหรือหยุดเต้นแล้ว ทว่าเมื่อยังมีชีพจรในหลอดเลือดแดงใหญ่ ก็ยังสามารถช่วยชีวิตบุคคลนั้นให้ฟื้นคืนกลับมาได้
ทว่า… เส้นเลือดใหญ่ที่คอก็ไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด
ซูจิ่นซีตื่นตระหนก นิ้วสั่นเล็กน้อย
“พระชายา ท่านกลับมาแล้ว! ”
เสียงของอวิ๋นจิ่นดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ซูจิ่นซีหันศีรษะไป แม้ฉากด้านหน้าของจวนสุกลฮั่วในตอนนี้จะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเล็กน้อย ทว่าอวิ๋นจิ่นที่เดินเข้าประตูมายังคงส่งยิ้มอ่อนโยนราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิให้ซูจิ่นซี
“หมอหลวงอวิ๋น นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ตอนที่ข้าไปได้มอบหมายให้เจ้าดูแลหัวหน้าขุนพลฮั่วไม่ใช่หรือ? เจ้าไปที่ใดมา? แล้วยัง ตอนนั้นที่ข้าให้ยาไว้กับเจ้า เจ้าไม่ได้ให้เขาทานหรือ? ”
“พระสนมเฉินในวังแท้งบุตร ข้าน้อยเลยถูกเรียกตัวเข้าวัง ที่นี่เกิดอะไรขึ้นข้าน้องก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ! ยาที่พระชายาทิ้งไว้ให้ข้าน้อยนั้น ก่อนที่ข้าน้อยจะไปได้ให้หัวหน้าขุนพลฮั่วทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นดูบริสุทธิ์และทุกข์ใจจากความรู้สึกผิด
ซูจิ่นซีจับหน้าผากอย่างทำอันใดไม่ถูก
คนหมดลมหายใจแล้ว คำถามเหล่านี้จะมีประโยชน์อันใด?
ซูจิ่นซีพัวพันอยู่กับพิษและการรักษามาเป็นเวลานาน เมื่อก่อนแม้นางจะรู้สึกหดหู่ใจเพราะไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถและรู้สึกผิดต่อผู้เสียชีวิตมาก
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความผิดพลาดของนาง เป็นนางที่นับเวลาผิด ทว่านางกลับไม่ทราบว่าผิดตรงที่ใด
“พระชายา มือของหัวหน้าขุนพลฮั่วขยับแล้ว ยังช่วยได้พ่ะย่ะค่ะ ยังสามารถช่วยชีวิตเขาได้! ”
ทันใดนั้นอวิ๋นจิ่นก็อุทานขึ้น
ซูจิ่นซีหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าจะเห็นนิ้วชี้ด้านขวาของฮั่วซืออวี่สั่นไหวเล็กน้อยถึงสองครา
ในบัดดล ใบหน้าที่มืดมนของซูจิ่นซีพลันเปลี่ยนมามีสมาธิและจริงจัง นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับชีพจรของฮั่วซืออวี่อีกครั้ง
แปลกจริงๆ
เดิมทีชีพจรของฮั่วซืออวี่ได้หยุดเต้นไปแล้ว ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ตอนนี้กลับมีชีพจรเต้นอยู่อย่างแผ่วเบา
นี่มันอัศจรรย์มาก
เพียงแต่ซูจิ่นซีไม่มีเวลาให้ประหลาดใจเพราะชีพจรของฮั่วซืออวี่อ่อนแอมาก อ่อนแอมากเสียจนคนไม่กล้าหายใจตามปกติ ด้วยกลัวว่าในวินาทีต่อมาลมหายใจเพียงเล็กน้อยนี้จะทำให้ชีพจรปลิวหายไป
ซูจิ่นซีเดินออกประตูไป นางรีบยัดตะกร้าไม้ไผ่พร้อมกับดีงูให้ฮั่วอวี้เจียว
“ไปห้องครัว นำของพวกนี้ไปต้มให้หมด รอจนน้ำเดือดแล้วรีบนำน้ำแกงมาให้ข้า ต้องรีบแล้ว! ”
ฮั่วอวี้เจียวเปิดตะกร้าไม้ไผ่ พอมองดูเนื้อและเลือดข้างใน ก็รู้สึกอยากอาเจียน ฮั่วอวี้เจียวไม่รู้ว่าซูจิ่นซีจะทำสิ่งใด นางจึงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับแม้แต่น้อย
“ยังไม่รีบไปอีก! ” ซูจิ่นซีโกรธขึ้นมาทันที “นี่เป็นยาที่ใช้ช่วยชีวิตพี่ชายเจ้า หากไม่ต้องการให้เขาตายก็รีบไปเสีย”
ฮั่วอวี้เจียวมีปฏิกิริยาตอบโต้ในทันที นางหันตัววิ่งไปที่ห้องครัว แม่นมที่รออยู่ตรงประตูก็รีบวิ่งตามไปด้วย
เมื่อฮูหยินฮั่วได้ยินว่ายังพอมีหนทางช่วยชีวิตบุตรชายของตน นางก็รีบหยุดร้องไห้และยืนขึ้น ฮูหยินฮั่วเดินไปทางซูจิ่นซี นางต้องการถามบางสิ่งบางอย่าง ทว่าซูจิ่นซีกลับหันหลังเดินเข้าไปในห้องนอนของฮั่วซืออวี่และปิดประตูลงทันที
“หมอหลวงอวิ๋น รบกวนเจ้าช่วยข้าพยุงหัวหน้าขุนพลฮั่วขึ้นมาด้วย”
จากที่ได้ร่วมมือกันมาหลายครั้ง ซูจิ่นซีจึงเรียกใช้หมออัจริยะของสำนักหมอหลวงได้สะดวกมือขึ้นมาก
อวิ๋นจิ่นรีบพยุงฮั่วซืออวี่ขึ้นมา
ใบหน้าของซูจิ่นซีเคร่งขรึมจริงจัง นางหยิบกระเป๋าเครื่องมือรักษาพยาบาลขึ้นมากางออกบนโต๊ะ จากนั้นก็นำเข็มเงินออกมาแล้วเริ่มฝังเข็มให้ฮั่วซืออวี่
จุดฝังเข็มชุดนี้ทั้งหมดมีส่วนสำคัญและเกี่ยวข้องกับร่างกายและหัวใจ เรียกว่าจิ้วซิน มันเป็นวิธีการฝังเข็มของสำนักหมอถังเหมินเมื่อสามพันปีก่อน เป็นวิธีการที่ไม่สืบทอดให้คนภายนอก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีจะใช้มัน
แม้ซูจิ่นซีจะมีความมั่นใจในทักษะการแพทย์ของครอบครัวตนเอง ทว่านางกลับไม่มีความมั่นใจในทักษะการแพทย์ของตน เพราะนางเชี่ยวชาญด้านการถอนพิษและเรียนรู้ทักษะการแพทย์เพียงผิวเผินเท่านั้น
แม้จะไม่มั่นใจ ทว่าบัดนี้ซูจิ่นซีไม่ไยดีต่อความท้อแท้และว้าวุ่นใจแม้แต่น้อย
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร นางทำได้เพียงตั้งใจ ตั้งใจ และตั้งใจ คอยระมัดระวัง รอบคอบ ตอบสนองด้วยความว่องไว สุดท้ายซูจิ่นซีก็กัดฟันลงมือทำ ลุย!
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หน้าผากของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ เสื้อผ้าบนแผ่นหลังของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ซูจิ่นซีจึงได้ดึงเข็มเงินเล่มสุดท้ายออกมา นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากจับชีพจรของฮั่วซืออวี่อีกครั้งก็พบว่าราบรื่นดี
ในที่สุดก็ช่วยชีวิตเขากลับมาได้แล้ว
ชีพจรของฮั่วซืออวี่เต้นอย่างเป็นปกติแล้ว
ทว่าหัวใจของซูจิ่นซียังคงไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด นี่เป็นเพียงก้าวเล็กๆ บนเส้นทางการช่วยชีวิตฮั่วซืออวี่เท่านั้น เส้นทางสายสำคัญยังคงรออยู่ด้านหลัง
ยังมีอีกเรื่องที่ยากกว่า และทดสอบคนได้มากกว่าเช่นกัน นอกจากนั้นยังเกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของฮั่วซืออวี่อีกด้วย นั่นก็คือการถอนพิษ
ฮั่วอวี้เจียวจัดการเรื่องในห้องครัวด้วยตนเอง เมื่อต้มน้ำดีงูเจ็ดชนิดเสร็จแล้ว ก็สั่งให้คนยกมา ฮั่วอวี้เจียวยืนเคาะประตูอยู่ด้านนอกหลายต่อหลายครั้ง ทว่าฉากกั้นห้องด้านในได้ป้องกันเสียงทั้งหมด อีกทั้งซูจิ่นซีกำลังจดจ่ออยู่กับการใช้เข็มกับฮั่วซืออวี่เป็นพิเศษ นางจึงไม่ได้ยินเสียง
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูแล้ว ซูจิ่นซีก็เดินไปเปิดประตู
นางรับถาดในมือของฮั่วอวี้เจียวมาโดยไม่พูดอันใด และปิดประตูลงอีกครั้ง
ฮูหยินฮั่วและฮั่วอวี้เจียวที่รออยู่ด้านนอกประตูต่างเป็นกังวลและกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง
ซูจิ่นซีไม่ได้ให้ฮั่วซืออวี่ดื่มน้ำแกงที่ทำจากดีงูในทันที เพราะนางยังมีความกังวลและลังเลอยู่บ้างเล็กน้อย
เดิมทีหลังจากได้รับดีงูมาแล้วจะต้องผ่านกรรมวิธีพิเศษเพื่อลดความเป็นพิษของมันก่อน จากนั้นจึงผสมกับยาตัวอื่นๆ เพื่อทำเป็นยาแก้พิษแล้วค่อยให้ฮั่วซืออวี่ดื่มจึงจะสามารถถอนพิษได้
ทว่าหากทำเช่นนั้นเวลาก็จะไม่ทันการ ดังนั้นซูจิ่นซีมีเพียงต้องใช้วิธีการที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
ทว่าสำหรับวิธีนี้ ซูจิ่นซีมั่นใจเพียงหกสิบส่วนจากร้อยส่วน
แม้พิษของดีงูจะเจือจางในน้ำระหว่างขั้นตอนการต้มแล้ว ทว่าอัตราส่วนของน้ำต่อพิษนั้นไม่สามารถควบคุมได้เลย
หากมากไป ไม่เพียงแต่ไม่สามารถถอนพิษได้ เป็นไปได้มากที่ฮั่วซืออวี่จะตายในทันที หากน้อยไปก็ไม่สามารถบรรลุผลของการต่อสู้พิษด้วยพิษ ในท้ายที่สุดก็จะต้องตาย ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
ความคิดของซูจิ่นซียุ่งเหยิงมาก
“พระชายา ข้าน้อยเชื่อใจท่าน”
ทันใดนั้นอวิ๋นจิ่นที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้น ทั้งยังส่งยิ้มอบอุ่นให้กับซูจิ่นซีอีกครั้ง
ซูจิ่นซีหันศีรษะไปมอง ไม่รู้เพราะเหตุผลใดเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น กลิ่นอายที่อุดอู้และหดหู่ในทรวงอกก็กระจัดกระจายและเลือนหายไปอย่างเชื่อช้า
นางถอนหายใจแรงๆ หนึ่งครั้ง หยิบสมุนไพรที่ต้องใช้ในระบบถอนพิษออกมาเล็กน้อย
“หมอหลวงอวิ๋น รบกวนท่านช่วยข้าทำบางอย่าง ข้าต้องการให้ท่านบดสมุนไพรเหล่านี้จนเป็นผง”
ไม่รู้ว่าเพราะความประมาทของซูจิ่นซี หรือเพราะเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกไม่มั่นใจในการเตรียมยาถอนพิษจึงกังวลเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่านางจะไม่ได้ปิดบังและหยิบยาสมุนไพรออกมาจากระบบถอนพิษโดยตรงเช่นนี้
อวิ๋นจิ่นมองดูมือของซูจิ่นซีที่มียาสมุนไพรมากมายปรากฏออกมาจากอากาศเช่นนั้นอย่างไม่มีหลักฐานยืนยัน
แม้เขาจะนิ่งสงบเพียงใด ทว่าความตกใจและความประหลาดใจทั้งหมดก็ได้ถูกเขียนไว้บนใบหน้าของเขาแล้ว ทางด้านซูจิ่นซีก็ไม่ได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตนเลยแม้แต่น้อย นอกจากนั้นนางยังไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางของอวิ๋นจิ่นด้วยซ้ำ
ทว่าในไม่ช้า ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นก็กลับมาเป็นปกติ เขายังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนและคอยช่วยเหลือซูจิ่นซี