บทที่ 203 ค่าความเกลียดชังเป็นตัน / บทที่ 204 ภาพงานเลี้ยงที่สวยงาม โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 203 ค่าความเกลียดชังเป็นตัน
โชคชั้นใหญ่!
ไม่คิดเลยว่าเทพบุตรจะถอดเสื้อต่อหน้าของพวกเธอ!
ตัวกระตุ้นแบบนี้ สำหรับแฟนคลับสาวอย่างพวกเธอแล้ว เรียกว่าเป็นพลังยิ่งใหญ่ที่ผลักภูเขาพลิกทะเลได้เลย!!!
เพียงชั่วครู่ เพดานชั้นเรียนห้อง F แทบจะถล่มลงมาเพราะเสียงกรี๊ดของพวกนักเรียนหญิงอยู่แล้ว
ซือเซี่ยถูกคลื่นเสียงกระทบจนขมวดคิ้วย่น “รบกวน…”
รู้อยู่ว่าต้องเป็นแบบนี้
ส่วนเยี่ยหวันหวั่นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นซือเซี่ยเปลือยร่างท่อนบนนั่งอยู่ตรงนั้น และเสื้อของเขาก็ได้คลุมอยู่บนตัวของเธอแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นสับสนมึนงงอยู่ตรงนั้น
เธอเพียงแค่ร้องไห้ไปพักหนึ่ง ขอถามหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น!!!
“บ้าเอ๊ย! นายทำอะไรเนี่ย?”
“เธอไม่ได้หนาวเหรอ? หนาวจนร้องไห้แล้วเนี่ย!” ซือเซี่ยทำหน้าแสดงออกจริงจัง
“…” เฮ้ เธอแค่พูดไปอย่างนั้นเอง! แค่นี้ก็ฟังไม่ออกเหรอ?
อีกอย่างต่อให้เธอหนาวจนร้องไห้ ขอถามหน่อยว่าเสื้อบางๆ ตัวเดียวแค่นี้จะมีประโยชน์อะไร?
ประโยชน์เดียวที่มีก็คือดึงค่าความเกลียดชังให้เธอเป็นตัน!
ตอนนี้ไม่เพียงนักเรียนหญิงห้อง F เท่านั้น นักเรียนหญิงห้องเรียนข้างๆ ห้องเรียนตรงข้ามเมื่อได้ทราบข่าวต่างแทบคลั่งกันเลยทีเดียว
ชั้นเรียนห้อง A
คนกลุ่มหนึ่งเดิมทีกำลังห้อมล้อมเฉินเมิ่งฉีถามโน่นถามนี่
“นี่ เฉินเมิ่งฉี คนที่มาส่งเสื้อให้เธอเมื่อครู่นี้ใช่เดือนโรงเรียนคนก่อนหน้าๆๆ ประจำชิงเหอของเราหรือเปล่า!”
เฉินเมิ่งฉีช่วงนี้โดนปฏิเสธมาโดยตลอด เวลานี้เห็นมีคนเข้ามาพูดคุยกับตัวเองก่อน ดวงตาพลันเป็นประกาย พยักหน้าพลางอธิบายว่า “ใช่ พี่มู่ฝาน พ่อฉันวานให้เขาช่วยเอาเสื้อมาให้น่ะ”
“ฉันว่าแล้ว! ไม่ได้เห็นหลายปี เทพบุตรไม่มีตำหนิสักนิด นับวันยิ่งหล่อขึ้นไปอีกพระเจ้า!”
“เทพบุตรมาส่งเองถึงหน้าประตู โชคดีสุดๆ เลยอ่ะ!”
ผู้คนมุงล้อมดูเสื้อคลุมยี่ห้อดังบนตัวของเฉินเมิ่งฉี ยากจะเลี่ยงไม่ทอดถอนใจ “เห้อ เห็นอยู่ว่าเมื่อก่อนเฉินเมิ่งฉีเป็นเพียงลิ่วล้อของเยี่ยหวันหวั่น อาศัยเยี่ยหวันหวั่นถึงได้มีโอกาสเข้าใกล้เทพบุตร ตอนนี้เทพบุตรกลายมาเป็นลูกน้องทำงานให้ครอบครัวเธออย่างไม่คาดคิด ทั้งยังถูกใช้ให้มาดูแลเธออีก!”
“เรื่องราวเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน! ใครบอกให้ตระกูลเยี่ยดวงซวยกันล่ะ!”
เดิมทีทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ห้อง F ฝั่งตรงข้ามพลันระเบิดเสียงกรี๊ดกระหึ่ม ผู้คนจึงทิ้งความสนใจที่เฉินเมิ่งฉี พากันโผล่หน้าออกไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เกิดเรื่องอะไรเกิดเรื่องอะไร? ห้อง F มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“เหมือนว่าซือเซี่ยจะไม่ได้ใส่เสื้อ!”
“บ้า! พูดจาเหลวไหลอะไร ซือเซี่ยเพิ่งถอดเสื้อเมื่อกี้! กล้ามท้องเป็นมัดๆ! ฉันจะไปดู! วันนี้สมปรารถนาแล้ว ไม่เพียงได้เห็นอดีตเดือนโรงเรียน เทพบุตรคนปัจจุบันยังแจกโชคอีก!”
“เธอตื่นเต้นอะไรกัน อดีตเทพบุตรของเธอเพิ่งจะเอาเสื้อมาให้ผู้หญิงอื่น เทพบุตรคนปัจจุบันของเธอก็ถอดเสื้อให้ผู้หญิงคนอื่นใส่ไม่ใช่เหรอ?”
“อะไรนะ! ใครกัน? ซือเซี่ยถอดเสื้อให้ใครใส่? เฉิงเสวี่ยเหรอ?”
“ผิด! ให้ดาวโรงเรียนที่เพิ่งได้ตำแหน่งของพวกเรา เยี่ยหวันหวั่น!”
“พระเจ้า! เยี่ยหวันหวั่นอีกแล้ว! เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ เยี่ยหวันหวั่นจะสวยได้ขนาดนี้ ทำเอาเฉิงเสวี่ยตกอันดับไปเลย ด้วยรูปร่างหน้าตาของเยี่ยหวันหวั่นแล้ว ก็ดูเหมาะสมกับซือเซี่ยจริงๆ แหละ!”
เฉินเมิ่งฉีฟังคำพูดคุยและน้ำเสียงอิจฉาของผู้คนรอบด้าน ตามองเยี่ยหวันหวั่นที่อาศัยเพียงใบหน้าก็สามารถทำให้พวกเขาเปลี่ยนความคิดได้มากขนาดนี้ สายตาของเธอก็ยิ่งหม่นหมองลงไปอีก ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจยิ่งทวีความรุนแรง
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนวาน เยี่ยหวันหวั่นได้เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมาโดยสิ้นเชิง หรือว่าเธอไม่สนใจซือเยี่ยหานแล้วเหรอ?
ยัยโง่นั่นคงไม่ได้หูตาสว่างขึ้นมาแล้วจริงๆ หรอกนะ ไม่อยากได้กู้เยว่เจ๋อ แต่ไปสนใจซือเยี่ยหานแทนแล้ว!
จะเป็นไปได้อย่างไร!
อีกอย่างกล่าวกันว่าครอบครัวของซือเซี่ยนั่นก็รวยมากเลย ทำไมรอบกายยัยโง่อย่างเยี่ยหวันหวั่นถึงได้มีแต่ผู้ชายดีๆ แบบนั้น แต่ตัวเธอกลับต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้เพียงเพราะซ่งจื่อหางคนเดียว!
เพียงแต่ หึ เยี่ยหวันหวั่น เธอก็อย่าเพิ่งได้ใจเร็วไปหน่อยเลย ผู้หญิงอย่างเฉิงเสวี่ยไม่ใช่คนที่จะยั่วโมโหได้ง่ายๆ! ฉันจะรอดูว่าเธอจะตายอย่างไร!
………………………………….
บทที่ 204 ภาพงานเลี้ยงที่สวยงาม
ห้อง F
ซือเซี่ยเห็นเยี่ยหวั่นหวันทำหน้ารังเกียจ หน้าเลยบึ้งขึ้นมา “เห็นว่าเธอร้องไห้น่าสงสารหรอก ฉันยอมถอดเสื้อเสี่ยงเสียศักดิ์ศรีเพื่อเธอเลยนะ เธอกลับมารังเกียจ!”
เยี่ยหวั่นหวันได้ยินเสียงกรี๊ดรอบด้าน มองเหล่าบรรดาสาวๆ ที่รีบมามุงดูอย่างไม่หยุด เธอร้องไม่ออกเลย
เขาไม่สนใจศักดิ์ศรีสำคัญมากหรือ? ชีวิตเล็กๆ ของเธอจะรักษาไว้ไม่อยู่แล้ว!
สายตาที่เหล่าสาวๆ จ้องเธอมานั้น ดุร้ายน่ากลัวจริงๆ
ในเวลานี้เอง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องตื่นเต้น จู่ๆ ก็มีเสียงแหลมดังขึ้นมา “ยัยสุนัขจิ้งจอกหน้าด้าน! หน้าตาสวยแล้วยังไง? หน้าตาสวยแล้วจะสามารถอ่อยผู้ชายไปทั่วได้หรือ?”
“ใช่แล้ว! เห็นอยู่ว่าซือเซี่ยเป็นผู้ชายของเสี่ยวเสวี่ย!”
“มือที่สามหน้าด้าน!”
ฟังคำพูดพวกนี้ สีหน้าซือเยี่ยเย็นชาขึ้นมาทันที “ฉันเป็นผู้ชายของเธอตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง?”
ตระกูลเฉิงอยากจะสานสัมพันธ์กับตระกูลซือแต่กลับลำบากไม่มีทางไป สุดท้ายจึงต้องเริ่มลงมือจากพ่อที่ไร้ประโยชน์ ลองยัดเยียดลูกสาวให้คลุมถุงชนแต่งงาน
เขาก็แค่เห็นหน้าตาเธอสวยพอไปได้ เลยไว้หน้าเธอหน่อย เธอกลับถือว่าเป็นผู้ชายของเธอเลยหรือ?
พวกลิ่วล้อของเฉิงเสวี่ยโดนซือเซี่ยหักหน้า เลยพูดไม่ออก
ส่วนเฉิงเสวี่ยเห็นท่าทางที่ซือเซี่ยปกป้องเยี่ยหวั่นหวันแบบนั้น เธอโกรธจนตัวสั่นนานแล้ว ยิ้มเย็นชามองไปทางเยี่ยหวั่นหวัน “เยี่ยหวั่นหวัน ฉันดูถูกเธอเอง เธอเก่งจริงๆ แม้แต่ซือเซี่ยก็เชื่อฟังเธอหมด! เรื่องการยั่วผู้ชายเนี่ย ฉันนับถือว่าเธอเก่งมากจริง!”
เยี่ยหวั่นหวันประชดอยู่ในใจไม่ได้พูดออกมา หลานชายคนโตเธอมีสัมมาคารวะ เชื่อฟังคำพูดเธอที่เป็นป้าคนนี้ มีปัญหาอะไรหรือ?
สีหน้าซือเซี่ยเริ่มหงุดหงิดแล้ว “ไม่อยากตายก็หุบปาก!”
เวลานี้เฉิงเสวี่ยระเบิดอารมณ์ออกมา ใบหน้าแทบจะบิดเบี้ยวกรีดร้องออกมา “หุบปาก ทำไมฉันจะต้องหุบปาก! หรือว่าฉันพูดผิด? เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอหน้าด้านแย่งผู้ชายของฉัน!”
สีหน้าเยี่ยหวั่นหวันนิ่งเฉย “เพื่อนนักเรียนเฉิงเสวี่ย ฉันคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจผิดอะไร ฉันบอกตั้งนานแล้ว ฉันมีแฟนแล้ว ด้วยเงื่อนไขฐานะของแฟนฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องมาแย่งของของเธอเลยจริงๆ”
ได้ยินคำพูดนี้ ซือเซี่ยหน้าดำครำเครียดเหมือนก้นหม้อ ถ้าเธออยากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก็ไม่ต้องเอามีดมาแทงตัวฉันก็ได้!
ส่วนเฉิงเสวี่ยหัวเราะด้วยความเย้ยหยันออกมา “ฮา! แฟนเธอฐานะดีกว่าซือเซี่ย? เยี่ยหวั่นหวัน เธอกล้าพูด! เธอรู้ไหมว่าซือเซี่ยเป็นใคร?”
พวกลิ่วล้อที่อยู่ข้างๆ ต่างพยักหน้าตามกัน “น่าขำจริงๆ! คำโกหกแบบนี้พูดออกมาไม่กลัวลิ้นขาด! คิดว่าพวกเราไม่รู้เรื่องเป็นคนโง่หรือไงนะ? เธอมันประเภทสุนัขจิ้งจอก เหมาะกับไปยั่วพวกชายแก่ที่มีเงินเท่านั้นแหละ!”
คนรอบข้างได้ยินคำพูดของเยี่ยหวั่นหวันก็พูดไม่ออก ถึงแม้คำพูดของพวกลิ่วล้อเฉิงเสวี่ยจะไม่น่าฟัง แต่ก็เป็นเรื่องจริง ตอนนี้เยี่ยหวั่นหวันเป็นคุณหนูตกยาก มีแค่ใบหน้านี้เพียงอย่างเดียว เทียบกับชาติตระกูลของเฉิงเสวี่ยไม่ได้เลย
“เยี่ยหวั่นหวันขี้โม้เกินไปหน่อยแล้ว!”
“เมื่อก่อนเธอก็โม้มาตลอด บอกว่าแฟนเธอหล่อกว่าซือเซี่ยเป็นร้อยเท่า!”
“เชื่อไม่ได้เลย!”
ผู้คนต่างถกเถียงกันวุ่นวาย ไม่รู้ว่าใครจู่ๆ มองไปนอกหน้าต่างแล้วร้องตกใจออกมา “ว้าย! หล่อ… หล่อมาก”
“เกิดอะไร เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรอีก?”
“พวกเธอรีบมาดูผู้ชายฝั่งตรงข้ามคนนั้นเร็ว! รีบมาดูๆ!”
ทุกคนเห็นคนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนนมา ชายหนุ่มสวมสูทสีดำทั้งตัว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางสีเชอร์รี่อ่อนๆ หว่างคิ้วเหมือนถูกย้อมด้วยสีขาวหิมะ โครงร่างสร้างขึ้นมาอย่างประณีตสมบูรณ์แบบดั่งเทพเจ้าในเทพนิยายกรีก
ข้างผู้ชายมรคนหนึ่งยืนอยู่ กางร่มสีดำให้เขาด้วยความนอบน้อม ส่วนชายหนุ่ยืนอยู่ใต้ร่ม เดินฝ่าลมฝนมาทีละก้าวๆ เหมือนดั่งภาพวาดทิวทัศน์ด้วยหมึกดำ
ฝูงคนที่ยังไม่ทันได้สติจากกล้ามเนื้อหน้าท้องของซือเซี่ยกลับตกตะลึงกับภาพงานเลี้ยงที่สวยงามแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ไม่กล้าส่งเสียงอะไร แทบจะกลัวว่าถ้าส่งเสียงออกมา จะทำลายภาพราวกับฝันแตกสลายไป…
…………………………………………………..