วันรุ่งขึ้น เมื่อหลินหลันตื่นขึ้นมาก็พบว่าหลี่หมิงอวินไม่อยู่ในห้องแล้ว นางกุมขมับพลางครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน นางเหมือนจะจำได้ว่าตนเองเอนกายพิงเสาบริเวณมุมหัวเตียงแล้วหลับตาลงไป เหตุไฉนตอนนี้ถึงได้มานอนอยู่บนเตียงได้ล่ะ หรือว่าหลี่หมิงอวินอุ้มนางมางั้นหรือ หลินหลันขยี้ผมจนยุ่งเหยิงอย่างคิดไม่ตก…หลินหลันเอ้ย เจ้านั่นแหละเป็นหมูตัวหนึ่ง นอนหลับเป็นตายอะไรขนาดนี้ หากถูกคนเขาจับโยนลงทะเลจมน้ำตายคงไม่รู้เรื่องเลยกระมัง
หลังจากอึดอัดใจไปพักใหญ่ หลินหลันก็เรียกหยินหลิ่วเข้ามาแล้วเอ่ยถาม “เอ้อร์เส้าเหยียล่ะ”
“เอ้อร์เส้าเหยียไปราชวังแล้วเจ้าค่ะ!” หยินหลิ่วกล่าว
ไปราชวัง? หลินหลันมองดูสีท้องฟ้าพลางนึกขึ้นมาได้ว่าหลายวันมานี้หมิงอวินต้องไปเข้าสอน ณ ห้องเรียนสำหรับบรรดาลูกหลานเชื้อพระวงศ์ฮ่องเต้ ซึ่งเขาเข้ารับบทบาทหน้าที่นี้ทันทีที่เข้าสู่สำนักฮ่านหลิน และนั่นเป็นอะไรที่เคยเกิดขึ้นในสำนักฮ่านหลินเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลี่หมิงอวินเป็นผู้ที่มีความสำคัญยิ่งในการส่งต่อการเรียนรู้ตลอดจนความสามารถ และตอนนี้เป็นอันว่าสองพ่อลูกต่างก็อยู่ในสถานที่ทำงานเดียวกัน
แม่โจวเข้ามาเพื่อขอคำปรึกษา “พรุ่งนี้จะถึงวันพิธียกน้ำชาของหลิวอี๋เหนียงแล้ว พวกเราควรส่งของขวัญไปให้สักชุดไหมเจ้าคะ”
หลินหลันกล่าว “ให้สิ แน่นอนว่าต้องให้ เหตุใดจะไม่ล่ะ”
อวี้หลงกล่าว “เอ้อร์เส้าหน่ายนายลองไปสอบถามดูก่อนดีไหมเจ้าคะว่าทางด้านต้าเส้าหน่ายนายนั่นมอบของขวัญให้ด้วยหรือไม่”
หลินหลันไม่รู้สึกเห็นด้วยแต่อย่างใด “พวกเรามอบขวัญให้เพื่อเห็นแก่หน้าเหล่าเหยีย แสดงความยินดีให้แก่เหล่าเหยีย แล้วใครจะกล้าว่าอะไรพวกเราหรือ ทางด้านต้าเส้าหน่ายนายนั่นจะมอบให้หรือไม่ก็หาได้เกี่ยวข้องกับพวกเราไม่ พวกเราปฏิบัติไปตามมารยาทที่พึงกระทำก็พอ” นางคาดเดาว่าทางด้านพี่สะใภ้ใหญ่คงไม่มอบของขวัญให้อยู่แล้ว ด้วยเกรงว่าแม่มดชราจะเสียใจ ทว่านางต้องเกรงกลัวอะไรหรือ แม่มดชราเสียใจสินางถึงสุขใจ! และมิใช่ว่าการทำตามความประสงค์ของแม่มดชราแล้วจะสามารถทำให้นางซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลได้เสียหน่อย
แม่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงอย่างที่เอ้อร์เส้าหน่ายนายเอ่ยเจ้าค่ะ เช่นนั้น…จะมอบอะไรบ้าง เชิญเอ้อร์เส้าหน่ายนายสั่งการมาได้เลยเจ้าค่ะ”
“ท่านจัดการให้เลยเถอะ! ไม่ต้องแพงมากจนเกินไปแต่ก็อย่าให้ไร้ราคาจนเกินไป เอาพอประมาณก็เป็นพอ” หลินหลันกล่าว ทรัพย์สมบัติของหมิงอวินส่วนหนึ่งเขาได้เก็บมันไว้กับตนเอง อีกส่วนหนึ่งแม่โจวเป็นผู้ดูแล ซึ่งนางไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่บ้างแล้วจะให้นางกำหนดว่าจะมอบอะไรให้ได้อย่างไรกันล่ะ!
แม่โจวหยิบลูกกุญแจออกมาหนึ่งดอกภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม “เอ้อร์เส้าเหยียสั่งการให้บ่าวมอบมันให้แก่เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าค่ะ”
หลินหลันรับกุญแจมาไว้ด้วยความสงสัย “นี่มันกุญแจอะไรหรือ”
แม่โจวเข้ามายังห้องมุมลับตาฝั่งตะวันตกของห้องหนังสือ แล้วใช้สองมือประคองกล่องไม้ซึ่งขนาดสูงประมาณหนึ่งฟุตออกมา
“เอ้อร์เส้าเหยียกล่าวว่าหลังจากนี้ ของเหล่านี้ให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายเป็นผู้ดูแลเก็บรักษา เดี๋ยวบ่าวจะไปนำสมุดบัญชีซึ่งบันทึกรายการสิ่งของในบ้านมาให้นะเจ้าคะ” แม่โจวเอ่ยพลางหันไปส่งสายตาเป็นสัญญาณให้อวี้หลง ก่อนทั้งคู่จะพากันลุกขึ้นแล้วออกไป
หลินหลันจ้องมองกล่องไม้นั่นด้วยความสงสัย ด้านในมีของล้ำค่าอะไรอยู่หรือ! หลินหลับนำกุญแจที่ได้มาเสียบเข้าไปในรูกุญแจ ค่อยๆ ออกแรงหมุน และแล้วเสียงปลดล็อคก็ดังขึ้น
ฝากล่องถูกเปิดออก ปรากฏด้านในกล่องแบ่งออกเป็นสามชั้น นั่นทำให้หลินหลันอดนึกถึงหีบสมบัติของแม่นางตู้สือ [1] ขึ้นมาไม่ได้ เมื่อชั้นบนสุดถูกดึงออก เบื้องหน้าของนางปรากฏเพียงดอกไม้หนึ่งดอก แต่เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าทั้งลิ้นชักเต็มไปด้วยไข่มุกเยี่ยหมิง [2] ขนาดใหญ่เท่าลูกปอง พอลองนับๆ ดูแล้วทั้งหมดมีมากถึงสิบสองเม็ด หลินหลันตกตะลึง หลี่หมิงอวินช่างร่ำรวยอะไรปานนี้
เมื่อดึงชั้นที่สองออกมา ยิ่งทำให้นางตกตะลึงเข้าไปใหญ่ ทั้งไพลินเอย มรกตเอย เม็ดใหญ่โตล้ำค่าทั้งนั้น แล้วยังมีกำไลหยก คริสตัล ปิ่นปักผม จี้หยก ซึ่งทำให้นางถึงกับตาลาย หลินหลันเริ่มอยู่ไม่สุข ของทั้งหมดที่นางมีอยู่ในครอบครองเมื่อนำมาเทียบกับสิ่งของในนี้บางส่วน มันทำให้นางดูกลายเป็นคนจนไปโดยปริยาย
หลังจากได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงถึงสองครั้ง หลินหลันจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วค่อยๆ ดึงชั้นที่สามออกมาอย่างใจเย็น แต่แล้วกลับผิดความคาดหมายเมื่อด้านในปรากฏเพียงกระดาษจำนวนหนึ่งเท่านั้น
หลินหลันหยิบขึ้นมันขึ้นมาดูและหลังจากที่อ่านดูอย่างกระจ่างแจ้ง ก็ตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง ธนบัตร 2 ใบมูลค่าหนึ่งแสนเหลี่ยงซึ่งอยู่ในธนาคารถงเป่าและโฉนดบ้านอีกสองสามใบในซูโจวและหางโจว
“ตอนแรกที่คุณหญิงออกจากเมืองหลวง ก็นำสิ่งเหล่านี้ออกมาด้วย โดยส่วนมากก็ยังคงทิ้งไว้ในตระกูลหลี่นี่แหละเจ้าค่ะ ลำพังห้องแถวสิบแปดห้องที่ตงจื๋อเหมินก็มูลค่าแปดเก้าแสนเหลี่ยง แล้วยังมีหมู่บ้านนอกเมือง ซึ่งหนึ่งในหมู่บ้านนอกเมืองนั้นมีทุ่งนาอุดมสมบูรณ์อีกร้อยยี่สิบไร่ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีพื้นที่สองร้อยกว่าไร่ ตอนที่ซื้อมาราคายังไม่สูงนัก ทว่าตอนนี้ราคาได้ทะยายขึ้นไปหลายเท่าตัวและยังเป็นที่ต้องการในตลาดซื้อขายด้วยเจ้าค่ะ” แม่โจวซึ่งไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด โดยยืนอยู่ด้านหลังของหลินหลันแล้วกล่าวขึ้นอย่างอ่อนใจ
ท่านแม่ของหลี่มิงอวินก็ช่างร่ำรวยเกินไปแล้ว! มิน่าล่ะพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายกับแม่มดชราถึงได้พยายามผลักไสไล่ส่งท่านแม่ของหมิงอวิน หลินหลันแอบรำพึงรำพันใจ ทันใดนั้นหลินหลันก็เริ่มสงสัยเป็นอย่างมากว่าการเข้าไปรับตำแหน่งทางการชั้นสูงของพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายนั่นมันเกิดจากความสามารถของเขาเองจริงหรือ
“นี่เป็นสมุดบัญชีรายการสิ่งของภายในบ้าน หลังจากนี้ขอมอบให้เอ้อร์เส้าหน่ายเป็นผู้ดูแลรักษาด้วยเจ้าค่ะ” แม่โจวยื่นสมุดบัญชีที่ว่าให้แก่หลินหลัน
หลินหลันประหลาดใจ “แม่โจว ท่านต้องจากไปแล้วหรือ”
แม่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มิใช่บ่าวจะจากไปไหนหรอกเจ้าค่ะ ทว่าเอ้อร์เส้าหน่ายนายจักต้องกลายเป็นนายหญิงแห่งเรือนหลั้วเซี๋ยจายอย่างจริงๆ จังแล้วเจ้าค่ะ”
ตั้งแต่เดินทางมาจากเฟิงอานจนถึงเมืองหลวง กระทั่งถึงตอนนี้ แม่โจววางใจในตัวหลินหลันอย่างไร้ข้อสงสัย แม้ว่าภูมิหลังของหลินหลันจะไม่ได้เลิศเลอประเสริฐศรี ทว่ามันไม่สำคัญเลยหากนางยังสามารถเป็นผู้ช่วยที่ชาญฉลาดของนายน้อยหมิงอวินได้ และนางก็สามารถทำมันได้ดีกว่าใครๆ เสียด้วย ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นการตัดสินใจของนายน้อยหมิงอวินเอง โดยสันนิษฐานว่าหากท่านหญิงชรารู้เรื่องนี้เข้าก็คงจะไม่คัดค้านแต่อย่างใดเช่นกัน
หลินหลันยังคงไม่ค่อยเข้าใจในสถานการณ์เท่าไหร่นัก “ทว่านี่มัน…นี่มันกะทันหันเกินไปแล้วกระมัง เหตุใดถึงได้มัดมือชกกันเช่นนี้…”
“เอ้อร์เส้าเหยียมีความตั้งใจเช่นนี้ไว้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ด้วยมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาเรื่อยๆ จึงทำให้ต้องยืดระยะออกมา” แม่โจวกล่าว
“อ่อ อีกอย่างเจ้าค่ะ นี่คือรายชื่อของสาวใช้จำนวนหนึ่งที่ทางด้านท่านลุงส่งมาให้ โดยน่าจะจัดการส่งเข้าจวนมาในอีกสองวันข้างหน้านี้เจ้าค่ะ” แม่โจวยื่นใบรายชื่อที่ปรากฏชื่อของสามบุคคลให้แก่หลินหลัน
หลินหลันเอื้อมมือออกไปรับโดยมองดูผ่านๆ หลังจากนั้นนางก็หันไปมองดูกล่องนั่นสลับกับมองดูสมุดบัญชี นี่หลี่หมิงอวินนำสมบัติทั้งหมดของตนมอบให้แก่เขาแล้วงั้นหรือ นี่มันหมายความว่าอะไรกันแน่ เป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นอันเต็มเปี่ยมที่มีต่อนางเช่นนั้นหรือ เขาไม่กลัวว่านางจะหอบของพวกนี้หนีไปบ้างเลยหรือไง
หลินหลันคิดว่านางจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกับหลี่หมิงอวินให้รู้เรื่อง เหตุใดเขาถึงได้เชื่อใจผู้อื่นอย่างง่ายดายเช่นนี้ นี่มันเรื่องคอคาดบาดตายเชียวนะ โชคดีที่คนที่เขาพบเจอเป็นนางผู้แสนจิตใจดีเช่นนี้ เกิดเป็นกรณีเดียวกับท่านแม่ของเขา ที่ทุ่มเทหมดหัวใจแต่ท้ายที่สุดดันพบเจอผู้ชายชนิดที่สารเลวและไร้ยางอายอย่างท่านพ่อหลี่ผู้นี้ เช่นนั้นเขามิเป็นอันกระอักเลือดตายเลยหรือ
อย่างไรก็ตามในเมื่อสิ่งของตกมาอยู่ในมือนางแล้ว คงต้องขอชื่นชมสักหน่อย ถือโอกาสดูรายการในสมุดบัญชีเพื่อทำความเข้าใจให้มากเข้าไว้หน่อยจะเป็นการดีเช่นกัน
ช่วงสายของวันจึงผ่านพ้นไปเช่นนี้ ในช่วงบ่ายหลินหลันนอนกลางวันจนกระทั่งหยินหลิ่วเข้ามาปลุกนาง โดยเอ่ยว่าฮูหยินในนางไปยังโถงหนิงเฮ๋อ
หลินหลันลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น แม่มดชราเรียกนางไปในตอนนี้มีเหตุอันใดหรือ
นางเร่งรีบแต่งหน้าแต่งตัวจนครบถ้วนสมบูรณ์ หลังจากนั้นหลินหลันก็ไปยังโถงหนิงเฮ๋อโดยมีหรูอี้ติดสอยห้อยตามไปด้วย
หลินหลันคุ้นชินกับการพาหยินหลิ่วติดตามไปด้วยเมื่อต้องออกไปข้างนอก และเมื่อต้องไปโถงหนิงเฮ๋อก็จะเป็นหรูอี้ที่ติดตามไป ด้วยสถานการณ์ในจวนนี้หรูอี้จะคุ้นเคยมากกว่าหยินหลิ่ว และที่สำคัญไปกว่านั้นคือหรูอี้ผู้นี้เป็นคนใจกล้า ความนึกคิดก็รอบครอบ มีความสามารถในการต่อกรกับโลกภายนอกได้ดีกว่าป๋ายฮุ่ย ส่วนป๋ายฮุ่ยน่ะ! รับผิดชอบเรื่องในบ้านเห็นจะเป็นการเหมาะสมที่สุด สาวใช้จิ่นซิ่วช่างเจรจาและเข้ากับผู้อื่นได้ง่าน นางจึงเป็นผู้ที่รับรู้ข่าวสารอย่างว่องไวเป็นที่สุด ถือว่าเป็นนักรายงานสถานการณ์คนหนึ่งก็ยังว่าได้ ส่วนอวี้หลง นางยังคงมีหน้าที่อันสำคัญยิ่งที่แตกต่างออกไป สรุปง่ายๆ ว่าหลินหลันพยายามใช้ความสามารถของแต่ละคนออกมาในภาระหน้าที่อันเหมาะสม!
เมื่อมายังโถงหนิงเฮ๋อ หลินหลันก็พบว่านอกจากติงหลั้วเหยียน หมิงจูอยู่ที่อยู่ ณ ที่นี่ด้วยแล้วยังมีคนแปลกหน้าเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง นางมองดูใบหน้ากลมๆ รูปไข่ ใบหน้าราวกับดอกบัว คิ้วเรียวยาวดั่งคันศร ดวงตาคู่นั้นกลมโตและมีหางตาที่เฉี่ยวคมซึ่งถ่ายถอดอารมณ์อันหลากหลาย ท่อนบนสวมใส่สีแดงเงาคู่กับกระโปรงยาวปักลวดลายดอกไม้งามวิจิตร รูปร่างอวบอิ่ม ยืนยิ้มเอียงอายอยู่ด้านข้างแม่มดชรา
คนผู้นี้เป็นใครกัน หลินหลันนึกสงสัย
ฮานชิวเยว่กล่าวขึ้นหลังจากหลินหลันหย่อนตัวลงนั่ง “พรุ่งนี้หว่านอวี้ก็จะเป็นอี๋เหนียงอย่างเป็นทางการแล้ว จึงต้องมีสาวใช้ที่มีไหวพริบชาญฉลาดไว้ข้างกายสักสองสามคน ทางด้านเรือนของหลินหลันเองก็มีคนน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนทางเรือนของหลั้วเหยียนมีข้ารับใช้หญิงชราสองคนที่เป็นอันถึงเวลาต้องเชิญออกไปได้แล้ว ดังนั้นวันนี้จึงตั้งใจเรียกแม่ค้าคนกลางในการจัดหาคนพาคนมาให้จำนวนหนึ่ง พวกเจ้าเลือกคนที่ถูกใจไปสักสองสามคนได้เลย”
หลินหลันตกตะลึง ที่แท้นางก็คือคนโปรดคนใหม่ของท่านพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายสินะ และกำลังจะได้ขึ้นเป็นหลิวอี๋เหนี่ยงหว่านอวี้ในเร็วๆ นี้แล้วด้วย มองดูแม่มดชราแล้วหันไปมองดูหลิวหว่านอวี้ หลินหลันถึงกับกลั้นยิ้มไม่อยู่ คนหนึ่งคือสาวรุ่นแม่หน้าตาธรรมด๊าธรรมดา อีกคนเป็นหญิงสาวที่เย้ายวนมีเสน่ห์ หากท่านพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายยังหลงใหลได้ปลื้มแต่แม่มดชราอยู่ได้ก็คงแปลกพิลึก หวังว่าหลิวอี๋เหนี่ยงจะต่อกรกับแม่มดชราได้ดุเด็ดเผ็ดมันสักหน่อย จะได้ทำให้แม่มดชราโกรธเกรี้ยวจนอกแตกตายไปเลย
ระหว่างการครุ่นคิด แม่เหยาก็พาคนจำนวนหนึ่งเข้ามา
สาวใช้เจ็ดแปดคนยืนเรียงรายเป็นแถวหน้ากระดาน แต่ละคนก้มหน้าก้มตาโดยอยู่ในอากัปกิริยาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
หลินหลันกวาดสายตามองดูสาวใช้เหล่านี้ คนไหนเป็นคนที่ท่านลุงจัดเตรียมไว้ให้กันล่ะ
“หลั้วเหยียนเจ้าเลือกก่อนแล้วกัน!” ฮานชิวเยว่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“อี๋หมู่ ข้าถูกชะตาแล้วหนึ่งคนเจ้าค่ะ” หมิงจูทำทีออดอ้อน
หากเป็นเมื่อก่อนติงหลั้วเหยียนคงหลี่กทางให้หมิงจูอย่างแน่นอน ทว่านับแต่ครั้งก่อนที่หลินหลันตั้งใจฉีกหน้าหมิงจู นางจึงเริ่มตั้งตนเป็นศัตรูกับหมิงจูไม่มากก็น้อยอยู่ทีเดียว ดังนั้นติงหลั้วเหยียนจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของหมิงจู หันไปกวาดสายตามองสาวใช้เหล่านี้อย่างละเอียด
ฮานชิวเยว่จ้องเขม็งใส่หมิงจูจนนางเบ้ปากอย่างน้อยอกน้อยใจ
หลินหลันเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงแอบยิ้มเยาะด้วยความซะใจ หลี่หมิงจูนี่ช่างน่าสงสารเสียจริง! แม่มดชราเป็นแม่ของตนเองแท้ๆ แต่กลับต้องเรียกว่าท่านป้า ซึ่งนั่นทำให้นางไม่อาจถูกถือหางเยินยอ
“เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ” ติงหลั้วเหยียนถูกชะตาสาวใช้หน้าตาพริ้มพรายผู้หนึ่งซึ่งอายุน่าจะราวๆ สิบเอ็ดสิบสองปีเห็นจะได้
“ข้าน้อยนามว่าเฉียวจวนเจ้าค่ะ” เสียงของสาวใช้ชัดถ้อยชัดคำและไพเราะเสนาะหูอย่างมาก
หลินหลันสะดุ้งเฮือก เฉียวจวนงั้นหรือ ชื่อนี้ปรากฏอยู่ในใบรายชื่อที่ท่านลุงส่งมอบให้นี่!
ติงหลั้วเหยียนหันไปเอ่ยถามสาวใช้วัยเด็กกว่าเมื่อครู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ “แล้วเจ้าล่ะมีนามว่าอะไร”
“ข้าน้อยฮงเซียงเจ้าค่ะ”
ติงหลั้วเหยียนครุ่นคิดชั่วขณะ “ในเรือนของข้ามีคนหนึ่งนามว่าฮงซางแล้ว หลังจากนี้เจ้านามว่าเฉิงเซียงแล้วกัน!”
หญิงชราซึ่งเป็นผู้จัดหาคนรีบกล่าวเตือนขึ้นทันควัน “ยังไม่รีบขอบพระคุณต้าเส้าหน่ายนายสำหรับชื่อใหม่อีก”
ฮงเซียงคุกเข่าลงทันทีแล้วก้มคำนับให้นายหญิงสะใภ้ใหญ่
ติงหลั้วเหยียนพยักหน้าพลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้าผู้เป็นแม่สามี “ท่านแม่ ลูกเลือกสองคนนี้เจ้าค่ะ!”
หลินหลันแอบกัดฟัน เจ้าเลือกคนของข้าไปเสียแล้ว
เมื่อติงหลั้วเหยียนเลือกได้เรียบร้อยแล้ว หมิงจูก็จีบปากจีบคอขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านป้าถึงคราวข้าแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
หลินหลันกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส “เปี่ยวเสี่ยวเจี่ยอย่าได้ใจร้อนไป รอให้พี่สะใภ้เลือกกันเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าค่อยเลือก” นางเอ่ยโดยไม่รอให้แม่มดชราออกคำสั่ง เดินมุ่งไปยังเบื้องหน้าสาวใช้เพื่อคัดสรร ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าท่านลุงจะวางแผนจัดสรรคนเข้ามาให้ได้ทั้งหมดสามคน และหนึ่งในนั้นก็ถูกติงหลั้วเหยียนเลือกไปแล้วด้วย นางจึงต้องรีบไขว่คว้าไว้หน่อยด้วยเกรงว่าท้ายที่สุดจะไม่ตกถึงนางสักคน
“เจ้านามว่าอะไรหรือ เหตุใดครอบครัวของเจ้าถึงขายเจ้ามา แล้วก่อนหน้านี้เคยทำอะไรบ้าง…” หลันหลันค่อยๆ ถามไปตามลำดับ เมื่อมั่นใจสองคนที่มีชื่อตรงกับใบรายชื่อ จึงเลือกพวกนางออกมา คนหนึ่งนามว่าเหวินลี่ อีกคนนามว่าอวิ๋นอิง
“ท่านแม่ ลูกเลือกสองคนนี้เจ้าค่ะ ดูมีไหวพริบหลักแหลมอยู่พอตัวเจ้าคะ” หลินหลันเอ่ยภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มและท่าทางพออกพอใจอย่างมาก
นัยน์ตาของฮานชิวเยว่แฝงไว้ซึ่งความผิดหวัง สาวใช้จำนวนแปดคนที่นางให้คนจัดหาพามา สี่คนในนั้นเป็นคนที่นางตระเตรียมไว้ โดยหลั้วเหยียนเลือกเอาไปหนึ่งคน ทว่าหลินหลันกลับไม่ได้เลือกไปเลยแม้แต่คนเดียว นี่มันจะบังเอิญไปแล้วหรือไม่ ฮานชิวเยว่รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง แต่ว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ส่วนที่เหลือไม่ว่าหลิวอี๋เหนี่ยงจะเลือกคนไหนก็ล้วนเป็นคนของนางทั้งสิ้น
ที่ผ่านมานางประมาทหลิวอี๋เหนี่ยงผู้นี้เกินไปแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้นางเคยส่งคนไปปรนนิบัติรับใช้กลับถูกเหล่าเหยียขับไล่กลับมา ด้วยเอ่ยว่าเกะกะมือเกะกะเท้าไม่ได้เรื่อง หลังจากนั้นจึงเอ่ยปากให้ซื้อสาวใช้จากภายนอกเข้ามาใหม่ไว้คอยปรนนิบัติหลิวอี๋เหนี่ยง ฮึ! หลิวอี๋เหนี่ยงคงไม่วางใจคนที่นางส่งไปเลยต้องซื้อคนจากข้างนอกเข้ามาถึงจะวางใจงั้นหรือ คิดว่าการจัดเตรียมคนมามันยากเย็นนักหรือไร เช่นนั้นตอนนี้ก็ทำให้นางวางใจได้เลย
——
[1] ตู้สือเหนียงเป็นชื่อตัวละครในนิยายจีนโบราณชื่อเรื่องว่า “ตู้สือเหนียงโยนหีบสมบัติจมลงนํ้า (·杜十娘怒沉百宝箱) ”
[2] ไข่มุกเยี่ยหมิง (夜明珠) ไข่มุกที่เปล่งแสงแวววาวในเทพนิยายจีน เป็นไข่มุกที่เลอเลิศล้ำค่าที่สุด