บทที่ 113 แม่เฒ่าจางผู้ไร้ยางอาย

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 113 แม่เฒ่าจางผู้ไร้ยางอาย

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อต้องแสร้งทำเป็นโศกเศร้าเสียใจอย่างมาก จึงไปทะเลาะกับแม่เฒ่าจางไม่ได้ เวลานี้ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

แต่มีคนหนึ่งไม่พอใจแม่เฒ่าจางขึ้นมา “คนในหมู่บ้านมีรับมีให้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่จำเป็นต้องมีเอาของดีให้เจ้าหมดหรอกนะ? ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้าเอาอะไรดี ๆ ไปให้จางซิ่วเอ๋อบ้างล่ะ?”

คนที่พูดคือแม่เฒ่าหลิวคู่กัดของแม่เฒ่าจาง

จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วอยากปรบมือให้แม่เฒ่าหลิว

นางนึกอยู่ในใจว่าต่อให้การที่แม่เฒ่าหลิวช่วยนางจะไม่ได้เกิดจากความหวังดี แค่อยากหาเรื่องแม่เฒ่าจางเฉย ๆ แต่แม่เฒ่าหลิวก็ช่วยนางไว้หลายรอบแล้วจริง ๆ

ถ้าเป็นไปได้นางก็อยากให้ของแม่เฒ่าหลิวบ้าง ซื้อใจแม่เฒ่าหลิวหน่อย เพื่อดึงมาอยู่ในแนวรบตัวเอง

อย่างไรเสียแม่เฒ่าหลิวก็มีพลังรบขนาดนี้ ทั้งหมู่บ้านชิงสือไม่ค่อยมีใครสู้แม่เฒ่าจางได้ก็จริง แต่แม่เฒ่าหลิวไม่เคยเสียเปรียบตอนทะเลาะกับแม่เฒ่าจางเลย ซึ่งหาได้ยากมาก

นาทีนี้จางซิ่วเอ๋อมองพวกแม่เฒ่าจางด้วยตาแดงก่ำ “ท่านย่า ท่านป้าสาม ท่านอาเล็ก วันนี้พวกท่านทำข้าเสียใจมากจริง ๆ! นี่ป้ายวิญญาณของสามีข้าเลยนะ!”

ทุกคนเห็นใจจางซิ่วเอ๋อขึ้นมาในบัดดล

จางซิ่วเอ๋อพูดไม่ผิด นี่มันป้ายวิญญาณเลยนะ! ถ้าป้ายวิญญาณของคนในครอบครัวตระกูลไหนโดนโยนลงพื้น ใครจะรู้สึกดีบ้าง?

ตอนนี้แม่เฒ่าจางนอกจากจะไม่ขอโทษแล้ว ยังอยากได้ของของจางซิ่วเอ๋ออีก เห็นได้ชัดเลยว่าแม่เฒ่าจางไม่ค่อยปฏิบัติดีกับจางซิ่วเอ๋อเท่าไร

“ซิ่วเอ๋อ เจ้าอย่าเศร้าไปเลย ข้ารู้ว่าวันนี้เจ้าได้รับความอยุติธรรม แต่อย่างน้อยนี่ก็ท่านย่าเจ้า เราข้ามเรื่องนี้ไปได้หรือไม่?” ต่อให้ผู้ใหญ่บ้านซ่งไม่เต็มใจเท่าใดก็ต้องออกมาพูดแล้ว เขาอยากให้เรื่องจบอย่างสงบ

จางซิ่วเอ๋อไม่อยากให้ผู้ใหญ่บ้านซ่งต้องลำบากใจ และต่อให้ไม่อยากข้ามเรื่องนี้ไปแล้วนางจะทำอะไรแม่เฒ่าจางได้

จางซิ่วเอ๋อจึงเช็ดน้ำตาพร้อมกล่าว “เรื่องวันนี้ข้าจะไม่ถือสาแล้ว แต่ข้าหวังว่าหลังจากนี้จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ป้ายวิญญาณนี่ตระกูลเนี่ยเป็นคนให้ข้าตั้ง ถ้าเรื่องนี้ถึงหูคนตระกูลเนี่ย ไม่มีใครรอดหรอกเจ้าค่ะ”

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว หลังจากนี้ข้าจะไม่ให้ใครแตะต้องป้ายวิญญาณของคุณชายเนี่ยอีก” ผู้ใหญ่บ้านซ่งรับปาก ถ้าเจ้าของที่ตระกูลเนี่ยเคืองขึ้นมาจริง ๆ หมู่บ้านชิงสือของพวกเขาคงต้องลำบาก

ถึงอย่างไรคนในหมู่บ้านก็มีไม่น้อยที่เช่าที่ของตระกูลเนี่ยทำไร่ทำนา

“คนบ้านจาง! เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? ถ้าหลังจากนี้เจ้ากล้ายุ่งกับป้ายวิญญาณอีกก็เท่ากับอยากให้คนทั้งหมู่บ้านเราต้องตกระกำลำบาก!” ผู้ใหญ่บ้านซ่งขู่

แม่เฒ่าจางบอกอย่างไม่เต็มใจ “ข้ารู้แล้ว ใครอยากจะยุ่งกับป้ายวิญญาณนั่นกัน!”

“คนบ้านจาง ซิ่วเอ๋อเป็นเด็กดี เจ้าน่ะต้องรู้จักรักษาไว้ ชีวิตหลังจากนี้ไม่รู้จะสบายขนาดไหน! แต่ถ้าเจ้าอยากจะก่อเรื่อง ข้าก็หมดหนทาง” ผู้ใหญ่บ้านซ่งบอกอย่างมีความหมาย

จางซิ่วเอ๋อเป็นคนมือเติบ ถ้าแม่เฒ่าจางทำดีกับจางซิ่วเอ๋อ ก็คงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ของดี

เท่าที่เขาดู จางซิ่วเอ๋อคงจะไม่ชอบคนแบบแม่เฒ่าจาง จึงไม่อยากให้อะไรนางเลย นี่ถ้าแม่เฒ่าจางได้แตะผลประโยชน์สักนิด นางได้กัดไม่ปล่อยแน่!

สู้ไม่ให้อะไรเลยยังจะดีกว่า!

“เอาล่ะ เรื่องนี้เป็นไปตามนี้ ทุกคนเลิกมามุงกันที่นี่และไปทำนาทำไร่ได้แล้ว! พวกที่ไม่ต้องทำก็รีบกลับบ้านไปดูลูกหรือไม่ก็ทำกับข้าวซักผ้า คนมาชุมนุมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแบบนี้ คนต่างหมู่บ้านเห็นเข้าจะนึกว่าหมู่บ้านเรามีแต่พวกว่างงาน!” ผู้ใหญ่บ้านซ่งโบกมือ

จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองคนขับเกวียน “รบกวนท่านขนของไปด้านในสุดของหมู่บ้านให้ข้าหน่อย”

“ได้เลย!” คนขับเกวียนรับปาก

“ท่านแม่ ท่านจะไปอยู่กับข้าหรือจะกลับบ้านนู้นเจ้าคะ?” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยปากถาม

เรื่องของนางคลี่คลายแล้ว แต่เรื่องของแม่โจวยังไม่จบ

ตามความหมายของจางซิ่วเอ๋อ ครั้งนี้เป็นความผิดของจางต้าหู พวกนางถึงได้กลับไปบ้านทางแม่แบบนี้ ครั้นจะกลับมาเองก็ออกจะเสียหน้าเกินไปหน่อย

แต่ตัวตนของแม่โจวเป็นสตรีหัวโบราณมาก เวลาแบบนี้จางซิ่วเอ๋อจึงไม่มั่นใจจริง ๆ ว่าแม่โจวคิดเห็นอย่างไร

แม่โจวลังเล ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอย่างไรดี

แม่เฒ่าจางกลอกตา “ทำไม? ยังจะไม่กลับบ้านอีกหรือไง? เจ้ากลับไปอยู่บ้านแม่กี่วันแล้ว? งานที่บ้านเจ้าจะไม่ทำแล้วรึไง?”

แม่โจวมองแม่เฒ่าจางด้วยสีหน้าเชื่อฟัง จะพูดแต่ก็พูดไม่ออก

จางซิ่วเอ๋อเห็นแบบนั้นก็นึกในใจว่าแม่โจวช่างไม่เอาไหนเสียเลย ได้แต่พูดขึ้นมา “แม่ข้ากลับบ้านผิดด้วยเหรอ? ทำไมท่านไม่บอกทุกคนล่ะว่าทำไมแม่ข้าถึงกลับบ้าน?”

จางต้าหูอีกด้านก็นึกโกรธแม่โจวเหมือนกัน แม่โจวกลับไปบ้านแม่ตนเองดื้อ ๆ แบบนี้ช่างเกินความคาดหมายของเขามาก

แต่พอคิดได้ว่าทำไมแม่โจวถึงไป จางต้าหูก็รู้สึกผิดขึ้นมา

จางต้าหูกระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เหมยจื่อ เรากลับบ้านกันเถอะ”

สายตาแม่โจวอ่อนลง นางพยักหน้า

จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วก็รู้สึกเซ็ง แต่ก็คิดว่าทำอะไรไม่ได้ นางจะไปคาดหวังให้แม่โจวมีความคิดความอ่านเหมือนคนยุคปัจจุบันได้อย่างไรกันล่ะ?

ตอนนี้จางต้าหูยกบันไดมาให้ลง แม่โจวต้องถือโอกาสนี้ลงอยู่แล้ว

แต่นี่ก็เป็นเพราะแม่โจวยังไม่เสียใจถึงขั้นสุด จางซิ่วเอ๋อจึงคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง ต่อให้แม่โจวอดทนเก่งขนาดไหนบ้านนี้ก็ต้องแตกหักในที่สุด

จางซิ่วเอ๋อไม่อยากเห็นภาพนี้ นางหันหลังกลับทันที

ก่อนไปก็มองซานหยาพลางกล่าว “ซานหยา”

“อื้ม” ซานหยารับปาก

สองพี่น้องไม่ได้พูดอะไรแต่เข้าใจกันดี จางซิ่วเอ๋อให้จางซานหยาช่วยจับตามองเหตุการณ์ที่บ้าน ถ้าแม่โจวกลับไปแล้วแม่เฒ่าจางทำอะไรแม่โจวก็ให้มาบอกนาง

จางซิ่วเอ๋อพูดกับทุกคน “เรื่องวันนี้ขอบคุณทุกท่านด้วย”

ถึงแม้จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่มามุงเอาสนุก และมีคนจำนวนหนึ่งอยากจะซ้ำเติม แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังอยากทำให้ทุกอย่างไม่น้อยหน้า อย่างน้อยก็ไม่ให้ใครจับผิดได้

เสร็จแล้วจางซิ่วเอ๋อจึงพาชุนเถาขึ้นเกวียนไปที่บ้านผีสิง

จางซิ่วเอ๋อและชุนเถาช่วยกันขนของเข้าบ้าน พอเดินมาถึงลานบ้านก็เห็นเสื้อที่แขวนอยู่บนต้นไม้คอเบี้ยวพลิ้วไหวไปตามลม

จางซิ่วเอ๋อยิ้ม จากคำพูดของแม่เฒ่าจางก็พอฟังได้ว่าแม่เฒ่าจางน่าจะขวัญเสีย ช่างไม่เสียเปล่าจริง ๆ ที่แขวนเสื้อตัวนี้ทิ้งไว้

นางวางของไว้ในลานสวน ก่อนจะพักหายใจ

“เอ๊ะ! พี่! ทำไมลานบ้านเรามีฟืนเพิ่มมาขนาดนี้ล่ะ?” จางชุนเถาชี้ไปตรงบริเวณหนึ่งด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ

จางซิ่วเอ๋อมองตามแล้วผงะ ฟืนกองนั้นพอให้พวกนางใช้ไปอีกเดือนหนึ่ง ซึ่งนางเองไม่ค่อยได้ผ่าฟืนนัก มีแต่เก็บกิ่งไม้กับชุนเถามาจุดไฟเอา ที่บ้านจึงมีฟืนไม่พอใช้

……………………………